|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
สศค.เชื่อการส่งออกจะเป็นพระเอกในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจปี 49 ระบุเมกะโปรเจกต์จะช่วยได้หากปัญหาการเมืองไม่ยืดเยื้อ ขณะที่เครื่องชี้เศรษฐกิจมหภาคเดือนมกราคมเริ่มชี้ให้เห็นว่าการลงทุนเริ่มลดลงแล้ว จากตัวเลขนำเข้าสินค้าทุนลดลง ซึ่งจะส่งผลให้การผลิตและการจ้างงานต้องลดลงไปด้วยในช่วง 3-6 เดือนข้างหน้า แต่ปลอบใจจะเป็นผลดีต่อดุลการค้าและดุลบัญชีเดินสะพัดในปีนี้
นายนริศ ชัยสูตร ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) กล่าวว่า หากพิจารณาจากสถานการณ์ของประเทศในปัจจุบัน หากยังไม่เปลี่ยนแปลงจากนี้ไป ปัจจัยที่จะทำให้เศรษฐกิจไทยขับเคลื่อนเติบโตต่อไปได้มีเพียงปัจจัยเศรษฐกิจต่างประเทศคือ การส่งออก เพราะการจะหวังขับเคลื่อนเศรษฐกิจด้วยโครงการลงทุนขนาดใหญ่ของรัฐ หรือเมกะโปรเจกต์คงจะเป็นไปไม่ได้ เนื่องจากการดำเนินโครงการดังกล่าวจะต้องล่าช้าออกไป อย่างไรก็ตาม หากปัญหาการเมืองสามารถยุติได้เร็วและเกิดมีการลงทุนโครงการเมกะโปรเจกต์ช่วงครึ่งแรกในปีนี้แล้ว จะทำให้เศรษฐกิจไทยอาจจะมีตัวขับเคลื่อนเศรษฐกิจเพิ่มเติมนอกจากการส่งออกได้ ซึ่งในส่วนของ สศค. ได้ให้ความสำคัญกับปัจจัยการค้าระหว่างประเทศมากกว่าปัจจัยอื่น
นายนริศ กล่าวว่า สศค. ร่วมกับสถาบันวิจัยนโยบายเศรษฐกิจการคลัง (สวค.) จัดทำเครื่องมือในการติดตามบริหารจัดการเครื่องชี้เศรษฐกิจมหภาครายเดือนขึ้น ซึ่งข้อมูลที่ได้พบว่า ในเดือนมกราคมที่ผ่านมา มูลค่าการนำเข้าสินค้าจากต่างประเทศขยายตัวในทิศทางที่ชะลอลงในด้านปริมาณมากกว่าราคา และยังพบว่า การนำเข้าที่ลดลงเกิดขึ้นเป็นสินค้าในกลุ่มวัตถุดิบและกึ่งสำเร็จรูปและสินค้าทุนเป็นสำคัญ ภาพดังกล่าวสะท้อนให้เห็นว่าการลงทุนภาคเอกชนเริ่มลดลง อย่างไรก็ตาม การลดลงของการนำเข้าสินค้าจะส่งผลบวกต่อดุลการค้าและดุลบัญชีเดินสะพัดของไทยให้ขาดดุลน้อยลง แต่ก็เป็นสัญญาณที่บ่งชี้ถึงการลงทุนในประเทศเริ่มชะลอตัวลงตามไปด้วย และถ้าหากสถานการณ์นี้ยังคงมีต่อเนื่องไป จะส่งผลให้การผลิตและการจ้างงานต้องลดลงไปด้วยในช่วง 3-6 เดือนข้างหน้า
สำหรับผลวิเคราะห์การส่งออก การนำเข้า และดุลการค้าในปี 2549 พบว่า ด้านการส่งออก จากที่คาดว่าตลอดปี 2549 จะมีมูลค่าส่งออกสินค้าตามระบบกรมศุลกากร จะขยายตัวร้อยละ 9.5-10.5 ต่อปี ซึ่งในเดือนมกราคม เดิม สศค. คาดว่ามูลค่าส่งออกจะขยายตัวร้อยละ 17.2 ต่อปี แต่ตัวเลขจริงของกรมศุลกากรออกมาพบว่า ขยายตัวเพียงร้อยละ 13.6 ต่อปี เป็นการขยายตัวในอัตราที่ต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้เล็กน้อย ขณะที่การนำเข้าตลอดปี 2549 คาดว่ามูลค่านำเข้าสินค้าตามระบบศุลกากรจะขยายตัวร้อยละ 8.5-9.5 ต่อปี แต่ข้อมูลในเดือนมกราคม 2549 จากที่ สศค. คาดว่ามูลค่าการนำเข้าจะขยายตัวร้อยละ 10.9 ต่อปี ตัวเลขจริงของกรมศุลกากรขยายตัวเพียงร้อยละ 2 ต่อปี ต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้มาก เนื่องจากมูลค่านำเข้าน้ำมันดิบ เหล็ก และทองคำลดลงมาก ประกอบกับสินค้าทุนขยายตัวในทิศทางที่ชะลอลงและสินค้าวัตถุดิบก็นำเข้าน้อยลง ด้านดุลการค้าเดิม สศค. คาดว่า ในเดือนมกราคม 2549 ดุลการค้าจะขาดดุล 985 ล้านดอลลาร์สหรัฐ แต่ข้อมูลจริงปรากฏว่า ขาดดุลเพียง 442 ล้านดอลลาร์สหรัฐ น้อยกว่าที่คาดการณ์ไว้ ดังนั้น ตัวเลขประมาณการเศรษฐกิจมหภาคที่ สศค. คาดว่า ปี 2549 ไทยจะขาดดุล 8,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ จากข้อมูลล่าสุด ณ สิ้นเดือนมกราคม 2549 จะเห็นว่าดุลการค้าในปี 2549 อาจจะขาดดุลน้อยกว่าที่ สศค.คาดการณ์ไว้
“อย่างไรก็ตาม ต้องติดตามข้อมูลในเดือนกุมภาพันธ์ 2549 ด้วยว่าจะมีทิศทางอย่างไร ซึ่งเดือนกุมภาพันธ์ สศค. คาดว่ามูลค่าส่งออกสินค้าจะขยายตัวร้อยละ 12 ต่อปี และมูลค่านำเข้าสินค้าจะขยายตัวร้อยละ 13 ต่อปี ดุลการค้าจะขาดดุลประมาณ 1,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ แต่หากข้อมูลจริงที่จะออกในปลายเดือนมีนาคมนี้ ดุลการค้าขาดดุลน้อยกว่าที่คาดการณ์ไว้ จะส่งผลให้ตลอดทั้งปี 2549 ไทยอาจจะขาดดุลน้อยกว่าที่ สศค.คาดการณ์ไว้” ผู้อำนวยการ สศค. กล่าว
|
|
|
|
|