Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายวัน15 มีนาคม 2549
ต่างชาติขายทิ้งหุ้นไทยต่อ             
 


   
search resources

Stock Exchange




ตลาดหุ้นไทยปรับตัวเพิ่มขึ้นสวนทางตลาดหุ้นภูมิภาค เหตุนักลงทุนสถาบันเก็บหุ้นใหญ่จ่ายปันผลดี ขณะที่ต่างชาติเทขายต่อเนื่อง หวั่นกระแสการเมืองไทยยังวุ่นวาย-เฟดขึ้นดอกเบี้ยอีกรอบ ส่งผลเม็ดเงินชะลอไหลเข้าตลาดหุ้นเอเซีย ด้านคนวงการตลาดทุนกังวลปัจจัยการเมืองฉุดสภาพเศรษฐกิจลง และต่างชาติชะลอการลงทุน "ก้องเกียรติ" ชี้ทางออกให้เลื่อนการเลือกตั้ง แก้ไขรัฐธรรมนูญ และให้นายกฯ เว้นวรรคทางการเมือง ขณะที่"กิตติรัตน์"ระบุนักลงทุนที่ตื่นตกใจขายหุ้นจะเสียโอกาส

ภาวะตลาดหุ้นไทยวานนี้ (14 มี.ค.) ปรับตัวเพิ่มขึ้นสวนตลาดหุ้นภูมิภาคที่มีเพียงตลาดหุ้นอินโดนีเซีย และไทยเท่านั้นที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น จากสถาบันลุยเก็บหุ้นบิ๊กแคปจ่ายปันผล การชุมนุมไม่มีเหตุการณ์รุนแรง ผลักดันดัชนี ปิดตลาดที่ 738.63 จุด เพิ่มขึ้น 5.75 จุด หรือ 0.78% ปรับตัวเพิ่มขึ้นสูงสุดระหว่างวัน 738.63 จุด ต่ำสุดระหว่างวันที่ 730.81 จุด มูลค่าการซื้อขาย 11,023.82 ล้านบาท

โดยนักลงทุนต่างประเทศขายสุทธิ 333.47 ล้านบาท นักลงทุนสถาบันซื้อสุทธิ 531 ล้านบาท นักลงทุนรายย่อยขายสุทธิ 197.53 ล้านบาท

นายโกสินทร์ ศรีไพบูลย์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ UOBKH กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวานนี้ปรับตัวปิดเผยว่า ภาวะตลาดวานนี้ (14 มี.ค.) ปรับตัวเพิ่มขึ้นมากที่สุดในภูมิภาคเอเชีย เนื่องจากการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยไม่เกิดเหตุการณ์รุนแรง ทำให้นักลงทุนเข้ามาซื้อหุ้นขนาดที่ใหญ่ที่มีการจ่ายเงินปันผลดี เช่น บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือ PTT และบริษัทท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ ADVANC รวมทั้งนักลงทุนยังเข้ามาเก็งกำไรในหุ้นขนาดกลางและขนาดเล็ก

ด้านการที่นักลงทุนต่างประเทศยังคงมีการขายหุ้นต่อเนื่องจาก คาดว่าสถานการณ์การเมืองไทยยังคงวุ่นวายหากมีการเลือกตั้งในวันที่ 2 เม.ย. แต่หากมีการเลื่อนการเลือกตั้งและมีการแก้รัฐธรรมนูญก่อน จะทำให้ดัชนีมีการปรับตัวเพิ่มขึ้นได้ แต่คาดว่าโอกาสที่จะมีการเลื่อนการเลือกตั้งน้อย ทำให้นักลงทุนต่างประเทศมีการชะลอการลงทุนในตลาดหุ้นไทยและมีการขายหุ้นออกมาก่อน และในวันที่ 27-28 ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะมีการปรับขึ้นดอกเบี้ยก็ทำให้เม็ดเงินต่างประเทศที่จะเข้ามาลงทุนในภูมิภาคเอเซียมีการชะลอ

สำหรับแนวโน้มตลาดหุ้นไทยวันนี้ (15 มี.ค.)คาดว่าดัชนีฯจะมีการปรับตัวเพิ่มขึ้นไม่มาก เนื่องจาก วันนี้ ปตท.จะมีการขึ้น XD ซึ่งจะส่งผลให้ดัชนีฯมีการปรับตัวลดลงประมาณ 3 จุด โดยมองแนวรับที่ 732-735 จุด แนวต้านที่ระดับ 740-742 จุด

นายสุกิจ อุดมศิริกุล ผู้ช่วยกรรมการฝ่ายพัฒนาธุรกิจ บล.นครหลวงไทย จำกัด กล่าวว่า ดัชนีหุ้นที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นได้ เนื่องจากนักลงทุนเข้ามาซื้อหุ้นในกลุ่มขนาดใหญ่ ที่มีการจ่ายเงินปันผล เพราะยังมีผลการดำเนินงานดีในระยะยาว ซึ่งนักลงทุนที่เข้ามาซื้อเป็นนักลงทุนสถาบันที่มีการลงทุนระยะปานกลาง-ยาว แต่มูลค่าการซื้อขายก็ยังคงเบาบาง

สำหรับแนวโน้มตลาดหุ้นไทยวันนี้ คาดว่าจากการที่หุ้นปตท.จะขึ้นเครื่องหมาย XD จะส่งผลต่อดัชนีฯมีการปรับตัวลดลง 3-4 จุด ซึ่งการชุมนุมยังคงกดดันตลาดหุ้นไทยอยู่ ซึ่งมองแนวรับที่ระดับ 735-738 จุด แนวต้านที่ระดับ 740 จุด

นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย กล่าวว่า การที่มูลค่าการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ลดลง เนื่องจากนักลงทุนส่วนใหญ่รอดูสถานการณ์การเมือง ขณะที่ราคาหุ้นยังมีเสถียรภาพดีอยู่ เพราะผลประกอบการของบริษัทยังมีการขยายตัวดีต่อเนื่อง ดังนั้นหากนักลงทุนตัดสินใจขายหุ้นด้วยภาวะตกใจจะเป็นการเสียโอกาสในการลงทุนได้

"การชุมนุมที่ยืดเยื้อไม่ได้มีผลต่อการอุปโภคบริโภคและธุรกิจในประเทศ แต่ที่เป็นห่วงคือ มุมมองของนักลงทุนต่างชาติที่มีต่อประเทศไทย เพราะต่างชาติจะให้ความเลื่อมใสกับประเทศไทยน้อยลง และอาจทำให้เงินลงทุนในระยะยาวในตลาดหุ้นไทยน้อยลงตามไปด้วย แต่ในระยะสั้นคงไม่มีการโยกเงินลงทุนไปตลาดหุ้นอื่น เพราะตลาดหุ้นไทยยังถือเป็นตลาดที่น่าลงทุนมาก ส่วนข่าวลือที่เกิดขึ้นนั้น ตลาดหลักทรัพย์ฯ มีหน้าที่ดูแลเฉพาะข่าวลือที่เกี่ยวข้องกับเศรษฐกิจและบริษัทจดทะเบียน"

นายก้องเกียรติ โอภาสวงการ ประธานสภาธุรกิจตลาดทุนไทย กล่าวว่า จากการพาบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ไปแนะนำข้อมูล (โรดโชว์) ที่ฮ่องกง สิงคโปร์ ยุโรป และสหรัฐฯ พบว่ามีนักลงทุนต่างประเทศได้สอบถามถึงสถานการณ์การเมืองจะมีข้อยุติอย่างไร และจะกระทบต่อบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ หรือไม่ ซึ่งแตกต่างจากการโรดโชว์เมื่อปีก่อน ที่นักลงทุนต่างประเทศจะมีความมั่นใจต่อสถานการณ์การเมืองไทย

อย่างไรก็ตาม การเดินทางไปโรดโชว์ยังได้รับการตอบรับที่ดีทั้งบริษัทจดทะเบียนขนาดกลางและขนาดใหญ่ แต่หากการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรกู้ชาติยังคงยืดเยื้อและไม่มีข้อยุติ จะกระทบต่อภาวะเศรษฐกิจมากขึ้น เพราะขณะนี้ภาวะการเมืองเริ่มส่งผลกระทบต่อเศรษบกิจแล้ว โดยเฉพาะธุรกิจธนาคารพาณิชย์ และสินค้าอุปโภคบริโภค ที่จะเติบโตไปพร้อมกับภาวะเศรษฐกิจ ขณะที่การส่งออกชินส่วนอิเล็กทรอนิกส์ไม่ได้รับผลกระทบ

"ผมต้องการให้ทุกฝ่ายมีเหตุผล ใช้สติ คำนึงถึงผลกระทบที่จะเกิดขึ้นต่อเศรษฐกิจเป็นตัวตั้ง รวมถึงความสงบสุขของประชาชน โดยหากมีการเลื่อนวันเลือกตั้งออกไปจากวันที่ 2 เมษายนนี้ แล้วมีการแก้ไขรัฐธรรมนูญก่อน ตามข้อเสนอของอดีตพรรคฝ่ายค้าน และทั้ง 3 พรรคการเมืองมีการส่งผู้สมัครรับเลือกตั้ง รวมทั้งการที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อาจจะเว้นวรรคทางการเมือง เพื่อคลี่คลายสถานการณ์ให้ดีขึ้น น่าจะเป็นทางออกที่ดี"

ส่วนกระแสข่าวการลาออกของนายกรัฐมนตรีนั้น นายก้องเกียรติ กล่าวว่า ในฐานะนายกสมาคมนักวิเคราะห์หลักทรัพย์ได้ขอความร่วมมือไปยังโบรกเกอร์และเจ้าหน้าที่การตลาด (มาร์เก็ตติ้ง) ไม่ให้เป็นผู้แพร่ข่าวลือ รวมทั้งกำชับนักวิเคราะห์หลักทรัพย์อย่านำข่าวลือมาวิเคราะห์ทางโทรทัศน์ เพราะข่าวลือส่วนใหญ่ไม่เป็นความจริง นักลงทุนควรใช้วิจารณญาณในการตัดสินใจ สำหรับแรงขายของนักลงทุนต่างชาติ เห็นว่าเป็นแรงขายจำนวนเล็กน้อย เมื่อเทียบกับแรงซื้อหลายแสนล้านบาท รวมทั้งการซื้อขายหุ้นชินคอร์ป

นายมนตรี ศรไพศาล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บล.กิมเอ็ง (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า นักลงทุนวิตกถึงความไม่แน่นอนเป็นปัจจัยสำคัญในตลาดหุ้น ซึ่งนักลงทุนอยากเห็นจุดลงเอยที่มีเสถียรภาพ เพื่อทำให้สถานการณ์คลี่คลายขึ้น อย่างไรก็ตาม การเคลื่อนไหวของชมรมนักธุรกิจเพื่อประชาธิปไตย เพื่อแสดงความเห็นที่แตกต่าง และมีเจตนาที่ดี โดยชูประเด็น 10 เรื่องที่อยากให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีตอบคำถาม ซึ่งหากมีการตอบคำถามดังกล่าว เช่น ผลประโยชน์ทับซ้อน การขายหุ้นชินคอร์ป การสัมปทานที่เป็นเรื่องละเอียดอ่อนต่อความมั่นคง ก็จะทำให้ทุกฝ่ายสบายใจ หายคลางแคลงใจ และได้นายกรัฐมนตรีที่เก่งและดี

นายกัมปนาท โลหเจริญวณิช นายกสมาคมบริษัทหลักทรัพย์ ยอมรับว่าการชุมนุมที่ยืดเยื้อทำให้ภาวะการลงทุนซบเซาและดัชนีตลาดหลักทรัพย์เคลื่อนไหวได้ไม่มาก เนื่องจากสภาพตลาดหุ้นอยู่ในภาวะอึมครึม แต่หากการชุมนุมเป็นไปอย่างสงบ นักลงทุนก็จะซึมซับและชินชากับสถานการณ์มากขึ้น อย่างไรก็ตาม ทุกฝ่ายก็เป็นห่วงเรื่องความรุนแรง และหวังให้มีการแสดงพลังโดยสันติ โดยยังเชื่อมั่นในระบอบประชาธิปไตย ทั้งนี้ยอมรับว่า โบรกเกอร์ต่างชาติได้สอบถามสถานการณ์การชุมนุมเพราะมีความวิตกกังวลมากขึ้น   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us