"อนันต์ อัศวโภคิน” ปรับเข็มทิศธุรกิจแลนด์ฯ เดินหน้าเพิ่มรายได้จากค่าเช่าตั้งเป้า 5 ปีเพิ่มเป็น 20% จากปัจจุบันมีไม่ถึง 10% เหตุต้องการมีรายได้คงที่ แถมเป็นแหล่งระดมทุนผ่านกองทุนอสังหาฯ ระบุเจรจาซื้อที่ดินเพื่อพัฒนาอาคารสูงเพิ่มอีก 3-4 แปลงคาดได้ข้อสรุปเร็วๆ นี้ ลั่นพร้อมผนึกกองทุนฯGICของรัฐบาลสิงคโปร์ ร่วมทุนกว่า 13,000 ล้านบาท หากได้ที่ดินสถานทูตอังกฤษเดิม เนรมิตรเป็นเมืองขนาดย่อม
นายอนันต์ อัศวโภคิน ประธานกรรมการบริหาร บริษัทแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยถึงความคืบหน้าของการประมูลที่ดินของสถานทูตอังกฤษเดิม บนถนนเพลินจิตว่า ในปลายเดือนมีนาคมนี้จะได้ข้อสรุปว่าบริษัทใดเป็นผู้ชนะการประมูล อย่างไรก็ตาม หากบริษัทชนะการประมูลจะร่วมลงทุนกับพันธมิตรธุรกิจเดิมคือ The Government of Singapore Investment Corporation หรือ GIC ซึ่งเป็นกองทุนของสิงคโปร์ โดยสัดส่วนการลงทุนบริษัทฯถือหุ้น 60% และGIC 40% คาดใช้งบลงทุนในการพัฒนาโครงการประมาณ 13,000 ล้านบาท แบ่งเป็นส่วนของบริษัทที่ต้องลงทุนประมาณ 7,000-8,000 ล้านบาท ภายในระยะเวลา 4 ปี
สำหรับรูปแบบของโครงการบนพื้นที่ของสถานทูตอังกฤษ จะมีทั้งในส่วนโรงแรม ,เซอร์วิสอพาร์ตเมนต์ และอาคารสำนักงานเกรดเอ ค่าเช่ากว่า 1,500 บาท/ตร.ม. รวมพื้นที่ทั้งหมดประมาณ 150,000 ตร.ม.ซึ่งคาดว่าหากบริษัทฯชนะการประมูล จะสามารถก่อสร้างได้ในปี 2550
อย่างไรก็ตาม จากภาวะของความต้องการใช้พื้นที่อาคารสำนักงานที่มากขึ้น ในขณะที่การลงทุนกลับไม่ได้เพิ่มขึ้นมากตาม เนื่องจากต้นทุนของการพัฒนาอาคารสำนักงานสูงมาก โครงการอาคารสำนักงานที่เกิดขึ้นใหม่ บางส่วนเป็นการนำตึกเก่ามาปรับปรุงใหม่เพื่อสามารถเสนอราคาค่าเช่าที่สูงขึ้น อาทิ โครงการคิวเฮ้าส์ ลุมพินี ของบริษัทควอลิตี้ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) จากเดิมที่มีการวิเคราะห์กันว่าจะมีราคาค่าเช่าสูงสุดเพียง 600 บาท/ตร.ม. แต่ในปัจจุบันขึ้นไปถึง 800 บาท/ตร.ม. ซึ่งแสดงถึงความต้องการที่มีมากขึ้น
จากภาพดังกล่าว ทำให้บริษัทมีแผนที่จะลงทุนในธุรกิจให้เช่ามากขึ้น อาทิ เซอร์วิสอพาร์ตเมนต์และอาคารสำนักงาน จากปัจจุบันบริษัทมีรายได้จากค่าเช่าไม่ถึง 10% ของรายได้รวม และตั้งเป้าว่าภายใน 5 ปีข้างหน้าสัดส่วนรายได้จากค่าเช่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 20% ของรายได้รวม เนื่องจากต้องการรักษาระดับรายได้ให้คงที่ ในขณะที่รายได้จากการขายบ้านไม่คงที่ นอกจากนี้ การพัฒนาโครงการให้เช่ายังทำให้บริษัทมีโอกาสออกพร็อพเพอร์ตี้ฟันด์ได้อีกด้วย ปัจจุบันอยู่ระหว่างการเจรจาซื้อที่ดินใหม่เพื่อพัฒนาโครงการอาคารสูงในใจกลางเมืองประมาณ 3-4 แปลง คาดว่าจะได้ข้อสรุปในเร็วๆ นี้ ซึ่งในปีนี้บริษัทฯตั้งเป้ารายได้โต 10-15% จากปีก่อนที่มีรายได้ประมาณ 2.3 หมื่นล้านบาท
สำหรับการลงทุนในปีนี้ นายอนันต์กล่าวว่า เตรียมงบประมาณ 4,000-5,000 ล้านบาท สำหรับซื้อที่ดินและก่อสร้างอาคาร แบ่งเป็นเงินลงทุนสำหรับก่อสร้างตึกประมาณ 1,000 ล้านบาท ส่วนที่เหลือจะใช้เป็นเงินลงทุนสำหรับซื้อที่ดิน โดยแหล่งเงินลงทุนส่วนหนึ่งจะมาจากเงินสดและอีกส่วนหนึ่งจะเป็นเงินกู้ โดยบริษัทฯจะรักษาระดับ D/E ให้อยู่ที่ระดับ 0.5 เท่า
|