ยักษ์ใหญ่วงการเครื่องดื่มเฮโลรับองศาเดือด เป๊ปซี่-โค้ก สาดความสดชื่นพ่วงแคมเปญฟุตบอลโลกต้านกระแสสุขภาพ คาดดันตลาดโตพรวด 10% ชาเขียวแผ่วขอโตตามสภาพตลาด เดินเกมเปิดตัวรสชาติใหม่ จุดพลุสงครามราคาโมเดิร์นเทรดกระทุ้งตลาดโตหน้าร้อน 10-20 %
เมื่อลมร้อนมาเยือนเป็นประจำทุกปี และปีนี้มีทีท่าว่าอุณหภูมิโลกจะยิ่งทวีความร้อนระอุมากขึ้น ตามการที่โกลบอล เทมเพอเรเจอร์ ระบุไว้ว่าในปีนี้อุณหภูมิของโลกจะสูงขึ้นเฉลี่ย 0.5 องศาเซลเซียส ส่งผลให้ประเทศที่อยู่เมืองร้อน จะมีฤดูร้อนยาวนานไปถึงเดือนกรกฎาคม-สิงหาคม ซึ่งประเทศไทยและกลุ่มประเทศในละแวกเพื่อนบ้านใกล้เคียงจะถูกจัดอยู่ในประเทศกลุ่มนี้ด้วย
ดังนั้นโอกาสที่เป็นใจ ผสมผสานกับจังหวะที่เข้ามาอย่างพอดิบพอดี ที่ปีนี้มีการแข่งขันฟุตบอล 2006 ยิ่งทำให้ฤดูกาลร้อนปีนี้ การแข่งขันทัพเครื่องดื่มมีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็น เครื่องดื่มน้ำอัดลม ภายใต้สองค่ายยักษ์ใหญ่แห่งวงการ ระหว่างโค้กกับเป๊ปซี่ ตามด้วยเซกเมนต์เพื่อสุขภาพน้ำผลไม้ ซึ่งมีค่ายใหญ่อย่างทิปโก้,ยูนิฟ และมาลี รวมไปถึงชาเขียวพร้อมดื่มแม้ว่าปีนี้กระแสจะไม่แรงมากนัก แต่เชื่อว่ายักษ์ใหญ่อย่าง โออิชิ ,ยูนิฟ กรีนที,โมชิ,เพียวริคุ และเซนชะ ทุกค่ายต้องออกมาทำตลาดอย่างหนัก เพื่อโกยยอดขายในหน้าร้อนนี้
เป๊ปซี่-โค้กโหนกระแสบอลโลก
น้ำอัดลม เป็นเครื่องดื่มที่ขายในเรื่องของความสดชื่น หรือเล่นในเรื่องของอีโมชันแตกต่างจากเครื่องดื่มสองเซกเมนต์ น้ำผลไม้และชาเขียวที่มีจุดขายในเรื่องของมีประโยชน์ หรือฟังก์ชั่นนัล แต่เมื่อเทียบกับขนาดของตลาดแล้ว น้ำอัดลมเป็นตลาดใหญ่ที่สุดโดยมีมูลค่าถึง 30,000 ล้านบาท เพราะเป็นเครื่องดื่มที่อยู่ในประเทศมาอย่างนมนาน โดยสภาพตลาดน้ำอัดลมปีนี้คาดว่าจะมีอัตราการเติบโต 3% ขณะที่สภาพตลาดน้ำดำสัดส่วน 70%ของตลาดรวม ปีนี้คาดว่าจะมีอัตราการเติบโต 5%
นายฐิติวุฒิ์ บุลสุข ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัท เสริมสุข จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า เป็นปกติทุกปีตลาดน้ำอัดลมในช่วงซัมเมอร์จะมีการแข่งขันกันอย่างรุนแรง เพราะถือว่าเป็นช่วงฤดูขาย แต่ปีนี้มีกระแสฟุตบอลโลกเข้ามาด้วย ยิ่งทำให้หวือหวามากขึ้นเป็นพิเศษ โดยปีนี้เฉพาะซัมเมอร์คาดว่าตลาดน้ำอัดลมจะมีอัตราการเติบโตได้ถึง 10% เมื่อเทียบกับช่วงปกติ
นายชาลี จิตจรุงพร ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัท เป๊ปซี่ – โคล่า (ไทย) เทรดดิ้ง จำกัด กล่าวว่า ล่าสุดในช่วงหน้าร้อนนี้เป๊ปซี่ อุ่นเครื่องด้วยการทุ่ม 50 ล้านบาท ตอกย้ำกลยุทธ์สปอร์ตมาร์เก็ตติ้งในช่วงฟุตบอลโลก 2006 โดยได้เปิดตัวแคมเปญนำร่อง ”เป๊ปซี่ ฟุตบอล 2006” ภายใต้แนว”คิดเต็มที่กับชีวิต”นำนักเตะระดับโลก 11 คน ได้แก่ โรนัลดินโญ่ , เดวิด เบคแฮม กัปตันทีมชาติอังกฤษ รวมทั้ง แฟรงค์ แลมพาร์ด พร้อมด้วย 4 กิจกรรม นำโดย11 นักเตะสนั่นเมืองสร้างกระแสด้วยสื่อโฆษณาทั่วกรุงเทพ
“แคมเปญดังกล่าวเป็นแคมเปญนำร่องเท่านั้น โดยบริษัทตั้งเป้าหมายไว้ว่าแคมเปญ “เป๊ปซี่ ฟุตบอล 2006” จะสามารถกระตุ้นยอดขาย 10% ในช่วง 2-3 เดือนนี้ จากนั้นยังได้เตรียมแคมเปญต่อเนื่องในช่วงหน้าร้อน เพื่อกระตุ้นกระแสฟุตบอลโลกอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ยังเป็นประจำทุกปีที่เป็ปซี่จะเปิดตัวเครื่องดื่มที่เป็นนวัตกรรมใหม่ ออกมาสร้างสีสันในช่วงหน้าร้อน ยกตัวอย่าง เป็ปซี่ บลู” นายชาลี กล่าวทิ้งท้าย
ด้านนายพรวุฒิ สารสิน รองประธานกรรมการ บริษัท ไทยน้ำทิพย์ จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายเครื่องดื่มน้ำอัดลมโค้ก แฟนต้า ฯลฯ กล่าวว่า ในช่วงหน้าร้อนนี้โค้กตอกย้ำกลยุทธ์สปอร์ตมาร์เก็ตติ้ง หลังจากได้ต่อสัญญาสนับสนุนการแข่งขันฟุตบอลโลกอย่างเป็นทางการจนถึงปี 2565 หรือประมาณ 16 ปี นับเป็นการสนับสนุนระยะยาว และก้าวเป็นพันธมิตรระดับอีลิทเพียงรายเดียวเท่านั้น ทำให้โค้กได้รับเอกสิทธิ์พิเศษจากฟีฟ่าในการนำโครงการพิเศษต่างๆ
โดยปีนี้หน้าร้อนโค้กระเบิดแคมเปญ “โค้กยิงแฮตทริค” ชู 3 เอกสิทธิ์ปลุกกระแสฟุตบอลโลก ได้แก่ นำถ้วยฟุตบอลโลกมาจัดแสดงโชว์ทั่วโลก 100 วัน 28 ประเทศ ส่วนกิจกรรมที่สอง “โค้ก นำธงฟุตบอลโลก” เป็นโครงการเยาวชนที่โค้กได้รับสิทธิ์พิเศษจากฟีฟ่า คัดเลือก 3 เยาวชนไทย อายุ 12-15 ปี เป็นตัวแทนนำนักเตะระดับโลกเข้าสู่สนามฟุตบอลโลก และกิจกรรมสุดท้ายเปิดตัวโค้กแคนคอลเลกชั่นพิเศษ”ฟีฟ่า เวิลด์ คัพ โทรฟี่”เป็นที่ระลึกของเวิลด์ทัวร์ครั้งแรกของถ้วยฟีฟ่าเวิลด์คัพ คาดว่า 3 กิจกรรมนี้จะผลักดันการรับรู้ตราสินค้า”โค้ก” ถึง 90% เมื่อเทียบกับแบรนด์น้ำอัดลมของคู่แข่ง
ชาเขียวลดงบขอโตแต่พอตัว
นายเรืองยศ วิทวัสการเวช ผู้จัดการฝ่ายธุรกิจภายในประเทศ บริษัท ฟู้ดแอนด์ดริ๊งส์ จำกัด (มหาชน) ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายชาเขียวซัมเมอร์ เปิดเผยว่า สภาพการแข่งขันตลาดชาเขียวช่วงหน้าร้อนปีนี้ ผู้ประกอบการโดยรวมจะลดงบในการทำตลาดลง โดยมีการอัดงบเพียงกว่า 100 ล้านบาท เพื่อชิงยอดขายจากเครื่องดื่มเซกเมนต์อื่นในช่วงฤดูกาลการขายนี้ เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมาใช้งบมากกว่า 200 ล้านบาทขึ้นไป การลดงบลงของชาเขียว เป็นเพราะสภาพตลาดเติบโตน้อย จากเดิมโต 100% แต่ปีนี้ทั้งปีคาดว่าตลาดชาเขียวจะโต 5-10% จากมูลค่า 6,000-7,000 ล้านบาท และเฉพาะหน้าร้อนปีนี้คาดว่าจะโต 10-20% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมาโต 100%
กลยุทธ์หลักในช่วงหน้าร้อนนี้ ซึ่งถือว่าเป็นฤดูกาลขายของเครื่องดื่มทุกประเภท สำหรับผู้ประกอบการชาเขียวจะงัดการออกรสชาติใหม่ๆ รวมทั้งกลยุทธ์ราคาจากปกติขาย 18-20 บาท เหลือเพียง 15 บาทซึ่งจะมีความถี่เพิ่มมากขึ้น ขณะที่แคมเปญโปรโมชั่นคงจะมีบ้าง แต่ก็ไม่ใหญ่มากเหมือนปีที่ผ่านมา ทั้งนี้เพราะภาครัฐมีมาตรการเข้มงวดในเรื่องของการทำแคมเปญโปรโมชั่นชาเขียวมากขึ้น เช่น ใต้ฝาห้ามทำ รวมทั้งการชิงโชคต้องทำทั่วประเทศ ขณะที่สื่อ ณ จุด ขาย ห้ามมีเคลมในเรื่องฟังก์ชันนัล เช่น ดื่มแล้วจะเป็นอย่างไร เป็นต้น
|