Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายสัปดาห์13 มีนาคม 2549
บิ๊กซี สร้างลอยัลตี้ ปะทะ โลตัส โรลแบ็ค             
 


   
www resources

Tesco Lotus Homepage
โฮมเพจ บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์

   
search resources

เอก-ชัย ดิสทริบิวชั่น ซิสเทม, บจก.
บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์, บมจ.
Shopping Centers and Department store
Marketing




บิ๊กซี ประกาศสร้างแบรนด์ลอยัลตี้ด้วยกลยุทธ์ด้านราคา หวังชิงความเป็นผู้นำกับโลตัสที่เปิดแคมเปญโรลแบ็ครอบใหม่ภายใต้คอนเซ็ปต์ People's Choice ซึ่งมีการนำสินค้ากว่า 800 รายการมาลดราคาลงอีก 7%

บิ๊กซี เปิดแผนสร้างแบรนด์ลอยัลตี้ด้วยการดำเนินโยบายราคาต่ำอย่างต่อเนื่องเพื่อสร้างความพึงพอใจให้กับผู้บริโภคระดับกลางลงมาถึงระดับล่าง โดยจะมีการลดต้นทุนในการดำเนินงานต่างๆเพื่อนำผลที่ได้มาสนับสนุนการทำราคาสินค้าให้ต่ำกว่าคู่แข่งเพื่อให้บิ๊กซีเป็น Top of Mindของผู้บริโภคในเรื่องราคา โดยหวังว่าจะทำให้ผู้บริโภคที่คิดถึงสินค้าราคาถูก แวะมาที่บิ๊กซีก่อนที่อื่น

"เราใช้กลยุทธ์ด้านราคาในการสร้างแบรนด์ลอยัลตี้เพื่อรักษาฐานลูกค้าให้กลับมาซื้อซ้ำ และให้ลูกค้าซื้อสินค้ามากกว่าที่เขาต้องการซื้อจากการมีสินค้าราคาถูกให้ผู้บริโภคได้เลือก รวมถึงมีการทำ Cross Merchandise ด้วยการนำสินค้าที่เกี่ยวเนื่องกันมาไว้ใกล้กันเช่น ขนม กับของเล่นเด็ก นอกจากนี้เราจะพยายามรักษาภาพลักษณ์ของการเป็นผู้นำด้านราคาซึ่งดีขึ้นอย่างต่อเนื่องตลอด 15 ปีที่บิ๊กซีเข้ามาทำตลาดในประเทศไทย" จริยา จิราธิวัฒน์ รองประธานฝ่ายการตลาดและการสื่อสาร บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ กล่าว

แนวทางหลักของบิ๊กซีที่นำมาใช้ในปีนี้คือ Low Price การทำสินค้าราคาถูก), Fun Shopping การทำให้ผู้บริโภคเพลิดเพลินกับการซื้อสินค้าที่บิ๊กซี, For THAIs การทำตลาดที่สอดคล้องกับความต้องการของผู้บริโภคไทย, Customer Service เป็นการนำเสนอบริการใหม่ๆที่จะสร้างความพึงพอใจให้กับผู้บริโภค เช่นในปีที่ผ่านมามีการทำแคมเปญแคชเชียร์มือทองเพื่ออำนวยความสะดวกให้กับผู้บริโภคโดยไม่ต้องยืนรอเป็นเวลานาน ส่วนแคมเปญ Smile Project เป็นการสร้างความประทับใจให้ลูกค้าด้วยอัธยาศัยที่ดีของพนักงาน

อย่างไรก็ดีการใช้กลยุทธ์ราคาเป็นตัวผลักดันให้เกิดความจงรักภักดีต่อแบรนด์นั้นจำเป็นที่บิ๊กซีจะต้องทำอย่างต่อเนื่อง เพราะเมื่อใดก็ตามที่มีสินค้าของคู่แข่งถูกกว่าลูกค้าก็จะหันไปซื้อสินค้าในห้างนั้นๆ จึงถือเป็นเรื่องลำบากไม่น้อยที่จะนำเอาแบรนด์ลอยัลตี้มาผูกกับกลยุทธ์ราคาต่ำ เพราะพฤติกรรมในการเลือกซื้อของผู้บริโภคระดับกลางลงล่าง หากไม่นับในเรื่องของการเดินทางที่สะดวกแล้ว ผู้บริโภคก็จะโน้มเอียงไปในห้างที่มีราคาถูกกว่า การที่ผู้บริโภคจะรับรู้ว่าแบรนด์บิ๊กซีมีราคาถูกแล้วไปแต่บิ๊กซีคงเป็นส่วนน้อยเพราะคู่แข่งทั้งโลตัสและคาร์ฟูร์เวลามีแคมเปญใหม่ๆก็จะมีการทำโฆษณาทั้งทางทีวีและหนังสือพิมพ์โดยแต่ละครั้งก็มักจะมีสินค้าไฮไลท์ราคาถูกในการดึงดูดลูกค้า

สงครามราคาถือเป็นอาวุธหลักของบรรดาดิสเคาน์สโตร์ ซึ่งหลายๆค่ายไม่ว่าจะเป็นบิ๊กซี และโลตัส ต่างก็พยายามที่จะแสวงหาแนวทางที่จะทำให้สินค้าของตนมีราคาถูกกว่าคู่แข่ง โดยในอดีตที่ผ่านมาหลายๆค่ายจะผลักภาระไปที่ซัปพลายเออร์ทำให้กระทบความสัมพันธ์ต่อกัน ซึ่งในภายหลังบรรดาดิสเคาน์สโตร์เหล่านี้ได้หันมาให้ความสำคัญในการเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน ลดขั้นตอนที่ยุ่งยากซับซ้อน มีการจัดการด้านลอจิสติกส์กันใหม่ รวมถึงการออกมาตรการในการประหยัดพลังงานไฟฟ้า ทำให้ต้นทุนในการดำเนินงานลดลง ส่งผลให้บริษัทสามารถลดราคาสินค้าได้มากขึ้น

ทั้งนี้โลตัสได้ดำเนินแนวทางในการประหยัดต้นทุนด้านการบริหารและการจัดการเมื่อ 2-3 ปีที่ผ่านมาจากนั้นจึงผุดแคมเปญ Rollback โดยนำสินค้ากว่า 2,000 รายการมาลดราคาเพื่อดึงดูดให้ผู้บริโภคแวะเข้ามาซื้อสินค้าในโลตัส จากนั้นก็ต่อยอดแคมเปญ โรลแบ็คมาตลอด ล่าสุดมีการเปิดตัว โรลแบ็ค แคมเปญใหม่ที่ใช้ชื่อว่า People' Choice ซึ่งมีการนำสินค้ากว่า 826 รายการจากสินค้า 20 ประเภทมาลดราคาเฉลี่ย 7.3% โดยสินค้าบางรายการมีการลดมากถึง 36.8%

สำหรับปีนี้ถือเป็นปีที่มีปัจจัยภายนอกมากระทบต่อธุรกิจค่อนข้างมากไม่ว่าจะเป็นปัญหาราคาน้ำมันที่ส่งผลต่อเนื่องมาจากปีก่อน หรือปัญหาด้านการเมืองแต่ผู้ประกอบธุรกิจดิสเคาน์สโตร์เชื่อว่าจะไม่กระทบต่อยอดขายเนื่องจากสินค้าส่วนใหญ่เป็นสินค้าที่จำเป็นต่อการดำเนินชีวิตประจำวัน ในขณะที่ความผันผวนทางเศรษฐกิจกลับส่งผลดีต่อดิสเคาน์สโตร์เนื่องจากผู้บริโภคระมัดระวังในการใช้จ่ายมากขึ้นจึงมองที่ความคุ้มค่าคุ้มราคามากกว่าเรื่องของแบรนด์ อีกทั้งสินค้าหลายรายการเป็นสินค้าพื้นฐานที่แยกความแตกต่างได้ลำบาก ผู้บริโภคจึงหันมาพิจารณาจากราคาสินค้าเป็นสำคัญ จึงเป็นโอกาสให้บรรดาดิสเคาน์สโตร์เหล่านี้นำสินค้าเฮ้าส์แบรนด์ออกมาจำหน่ายโดยชูจุดขายในเรื่องของราคาเนื่องจากมีต้นทุนการดำเนินงานที่ต่ำกว่าคู่แข่งเพราะไม่ค่อยมีการทำโฆษณาหรือประชาสัมพันธ์ใดๆ ในขณะที่คู่แข่งต้องเสียงบการตลาดจำนวนมากเพื่อโปรโมทให้ลูกค้ารับรู้ และทดลองใช้สินค้าแต่ละชนิด

ปีนี้โลตัสได้เพิ่มสินค้าที่เป็นเฮ้าส์แบรนด์เข้ามาในแคมเปญโรลแบ็คมากกว่าทุกปีที่ผ่านมา โดยมีสินค้าเฮ้าส์แบรด์กว่า 100 รายการที่ร่วมแคมเปญโรลแบ็ค โดยเฮ้าส์แบรนด์หลักของโลตัสคือ เทสโก้ และคุ้มค่า ซึ่งทั้ง 2 แบรนด์มีการลดราคากว่า 9.4% ทั้งนี้สินค้าเฮ้าส์แบรนด์ของโลตัสทำรายได้รวมให้กับบริษัทคิดเป็นสัดส่วนประมาณ 8% ของยอดขายทั้งหมด ในขณะที่บิ๊กซีก็มี ลีดเดอร์ไพรซ์ และเฟิร์สไพรซ์ เป็นเฮ้าส์แบรนด์ ซึ่งมีราคาถูกกว่าสินค้าทั่วไปประมาณ 20% และทำรายได้คิดเป็นสัดส่วน 5% ของยอดขายทั้งหมดของบิ๊กซี ทั้งนี้ปัจจุบันบิ๊กซีมีสินค้าเฮ้าส์แบรนด์มากถึง 1,200 รายการ ในขณะที่โลตัสมีสินค้าเฮ้าส์แบรนด์มากกว่า 2,000 รายการ โดยสินค้าเฮ้าส์แบรนด์เหล่านี้ต่างมีบทบาทในการดำเนินกลยุทธ์ด้านราคาของบรรดาดิสเคาน์สโตร์ เพราะนอกจากจะมีต้นทุนการตลาดที่ต่ำแล้วยังเป็นตัวสร้างความแตกต่างจากคู่แข่งด้วย

ปีนี้บิ๊กซีมีการทุ่มงบกว่า 3,000 ล้านบาท โดยจะมีการขยายสาขาใหม่ 4-5 สาขาใช้งบ 2,000 ล้านบาทเพิ่มจากเดิมที่มี 45 สาขา พร้อมกันนี้จะมีการรีโนเสทสาขาเก่าอีก 10 แห่งใช้งบ 1,000 ล้านบาท ส่วนโลตัสก็มีการทุ่มงบกว่า 7,000 ล้านบาท โดยจะเป็นการขยายสาขาแบบไฮเปอร์มาร์เก็ต 4-5 สาขาจากเดิมที่มี 55 สาขา ร้านแวลูหรือร้านคุ้มค่า 5 สาขาเพิ่มจากเดิมที่มีอยู่ 14 สาขา และ ตลาดสดโลตัส 10 สาขาจากเดิมที่มี 11 สาขา รวมถึงโลตัสเอ็กซ์เพรสที่จะเปิดอีก 100 สาขาเพิ่มจากเดิมที่มี 135 สาขา ทั้งนี้ยอดขายของโลตัสเอ็กซ์เพรส 20 สาขาจะเท่ากับไฮเปอร์มาร์เก็ต 1 สาขา ดังนั้นจึงต้องเปิดสาขาเล็กจำนวนมากเพื่อชดเชยยอดขายต่อสาขาที่มีน้อยกว่าสาขาใหญ่   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us