Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายวัน10 มีนาคม 2549
แม่ทัพใหม่แอลจีรุกหนักต้องโต70% ชูไทยต้นแบบธุรกิจ             
 


   
www resources

โฮมเพจ แอลจี อีเลคทรอนิคส์ (ประเทศไทย)

   
search resources

แอลจี อีเลคทรอนิคส์ (ประเทศไทย), บจก.
Marketing
Electric




แม่ทัพใหม่แอลจีไทยรับบัญชาจากบริษัทแม่ ตั้งเป้าดันแอลจีติดแบรนด์ 1 ใน 3 ของโลกภายในปี 2553 พร้อมแผนผลักดันไทยเป็นตลาดต้นแบบของเอเชียแปซิฟิกในการทำตลาด แม้รายได้อยู่อันดับสองรองจากอินโดนีเซีย แต่เพราะความเข้มแข็งและการแข่งขันที่รุนแรงของไทย ตั้งเป้ารา

แม่ทัพใหม่แอลจีไทยรับบัญชาจากบริษัทแม่ ตั้งเป้าดันแอลจีติดแบรนด์ 1 ใน 3 ของโลกภายในปี 2553 พร้อมแผนผลักดันไทยเป็นตลาดต้นแบบของเอเชียแปซิฟิกในการทำตลาด แม้รายได้อยู่อันดับสองรองจากอินโดนีเซีย แต่เพราะความเข้มแข็งและการแข่งขันที่รุนแรงของไทย ตั้งเป้ารายได้โตปีนี้ 70% พร้อมอัดงบตลาด 1,000 ล้านบาทลุย เตรียมทุ่มทุนอีก 300 ล้านบาทดันไทยเป็นฐานผลิตหลักอีก 2 กลุ่มคือ เครื่องซักผ้าฝาหน้าและแอร์เชิงพาณิชย์

นายนัก กิล ซอง ประธานกรรมการบริหารและซีอีโอคนใหม่ของ บริษัท แอลจี อีเลคทรอนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทฯแม่ที่ประเทศเกาหลีมีเป้าหมายที่จะผลักดันให้ผลิตภัณฑ์แอลจีขึ้นเป็นแบรนด์ 1 ใน 3 ของโลกภายในปี 2553 และยกระดับแบรนด์รวมทั้งสินค้าสู่ระดับพรีเมี่ยมด้วย ขณะเดียวกันก็ยังมีนโยบายที่จะผลักดันให้ไทยเป็นประเทศแม่แบบในการทำตลาดของแอลจีหรือ LG Prototype ของประเทศในตลาดเอเชียแปซิฟิก

เนื่องจากในตลาดประเทศไทยถือเป็นตลาดที่มีการแข่งขันที่สูงและรุนแรงมากในทุกหมวดผลิตภัณฑ์ อีกทั้งเป็นตลาดที่มีการแข่งขันทางด้านราคาอย่างรุนแรงด้วย โดยมีรูปแบบการทำตลาดที่หลากหลายทั้งการส่งเสริมการขายและอีเวนท์ ซึ่งหากแบรนด์ใดก็ตามหรือแม้กระทั่งแบรนด์แอลจีเองที่สามารถจะยืนหยัดอยู่ในตลาดไทยได้แล้วหมายความว่าการนำเอารูปแบบการทำตลาดในไทยไปประยุกต์ใช้กับประเทศอื่นในเอเชียแปซิฟิคนี้ได้ไม่ยาก

ขณะเดียวกันปัจจุบันนี้เครื่องใช้ไฟฟ้าหลายแบรนด์รวมไปถึงสินค้าอื่นๆก็มีการตั้งไทยเป็นฐานการตลาดและการผลิตที่สำคัญหลายบริษัทแล้วด้วย ซึ่งแอลจีเองก็อยู่ระหว่างการดำเนินการเช่นกัน

ในเอเชียแปซิฟิกนี้ ตลาดประเทศไทยถือได้ว่าทำรายได้สูงสุดเป็นอันดับที่สองคือ ประมาณ 8,500 ล้านบาทเมื่อปีที่แล้วเฉพาะตลาดในประเทศไม่รวมส่งออกและยกเว้นกลุ่มสินค้าไอทีกับมือถือ แต่ถ้ารวมกลุ่มไอทีและมือถือจะอยู่ที่ประมาณ 12,000 ล้านบาท ขณะที่ประเทศอินโดนีเซียนั้นเป็นประเทศที่รายได้สูงสุด เนื่องจากมีประชากรมากกว่าไทย แต่ทั้งนี้แอลจีไทยตั้งเป้าหมายรายได้รวมปีนี้เติบโตไม่ต่ำกว่า 70% เพื่อที่จะให้เป็นไปตามนโยบายให้ได้ ซึ่งถือว่าสูงกว่าตลาดเฉลี่ยโดยรวมด้วยซ้ำ

สำหรับตลาดรวมเครื่องใช้ไฟฟ้าปีนี้คาดว่าจะโตแค่ 10% โดยกลุ่มเอชเอคาดว่าจะโต 40% กลุ่มเครื่องซักผ้าจะโต 25% มือถือจะโต 10% เป็นต้น

ทั้งนี้แผนการดำเนินงานในปีนี้จะใช้งบลงทุนไม่ต่ำกว่า 300 ล้านบาท ในการเตรียมตั้งไลน์การผลิตเพิ่มขึ้นคือ เครื่องซักผ้าฝาหน้า ประมาณ 40 ล้านบาท และไลน์ผลิตแอร์เชิงพาณิชย์ ลงทุนกว่า 260 ล้านบาท เพื่อให้ไทยเป็นฐานการผลิตส่งออกในเอเชียและป้อนตลาดในไทยด้วย จากเดิมที่ฐานผลิตเครื่องซักผ้าฝาหน้าหลักจะอยู่ที่จีนกับเกาหลี จากเดิมที่ไทยเป็นฐานการผลิตทางด้าน ทีวีทุกประเภท เครื่องซักผ้าฝาบน แอร์ เครื่องดูดฝุ่น คอมเพรสเซอร์ที่ใช้กับแอร์และตู้เย็น ซึ่งโรงงานตั้งอยู่ที่ระยอง

สำหรับงบประมาณที่จะใช้ในการทำตลาดปีนี้ตั้งไว้ที่ 1,000 ล้านบาท เพิ่มจากปีที่แล้วที่ใช้ประมาณ 800 ล้านบาท ซึ่งจะให้ความสำคัญระหว่างบีโลว์เดอะไลน์กับอะโบฟเดอะไลน์เท่ากัน โดยจากงบก้อนนี้จะเน้นหนักในการใช้สร้างแบรนด์มากกว่า 300 ล้านบาท โดยคอนเซ็ปต์ที่ใช้ในการสร้างแบรนด์ คือ "I LOVE LG"

แนวทางการตลาดปีนี้จะยึดหลักการ บลูโอเชียน หรือ Blue Ocean ตามบริษัทแม่ คือ เน้นการพัฒนาสินค้าด้วยเทคโนโลยีมากขึ้นเพื่อก้าวไปสู่ตลาดที่มีการแข่งขันน้อยหรือไม่มีการแข่งขัน เพื่อสร้างมูลค่าผลิตภัณฑ์ แตกต่างจากตลาดเรด โอเชียน หรือ Red Ocean ที่มีการแข่งขันสูงและผู้ประกอบการมักจะเจ็บตัวจากการขาดทุนเพราะการแข่งขันตัดราคา ซึ่งแอลจีตั้งงบประมาณการพัฒนาและวิจัยในไทยปีนี้ไว้ที่ 800 ล้านบาท เพิ่มจากปีที่แล้ว 40%

"การทำกลยุทธ์แบบเรดโอเชียนจะเป็นหนทางที่ทำให้เราสามารถก้าวขึ้นสู่สินค้าระดับพรีเมี่ยมและขึ้นสู่อันดับผู้นำตลาดได้ด้วย เพราะจะไม่ใช่เป็นการแข่งด้านราคา แต่จะเป็นการสร้างแบรนด์เน้นเรื่องคุณภาพของผลิตภัณฑ์และคุณค่าที่สร้างเข้าไปในตัวสินค้า ซึ่งสินค้าพรีเมี่ยมของเรานั้นก็มีทั้งสินค้าใหม่ที่ไม่เคยมีในท้องตลาดเลยกับสินค้าที่มีในท้องตลาดยู่แล้วแต่จะสร้างแวลูแอดเพิ่มเข้าไป"

ปัจจุบันสินค้าของแอลจีที่สามารถก้าวขึ้นสู่เบอร์หนึ่งหรือผู้นำตลาดได้แล้วในไทย เช่น เครื่องซักผ้า เตาไมโครเวฟ ทีวีพลาสม่า จอมอนิเตอร์ ส่วนที่ติดอันดับ 1 ใน 3 เช่น แอร์ เป็นต้น นอกจากนั้นสินค้าที่เป็นพรีเมี่ยมซึ่งปัจจุบันมีกว่า 10 รายการเช่น ทีวีพลาสม่า ซูเปอร์สลิม เอ็นเคเอส ตู้เย็นไซด์บายไซด์ เครื่องซักผ้าฝาหน้า โซล่าร์โดม เครื่องดูดฝุ่นไฮเอนด์ ซึ่งสัดส่วนรายได้จากสินค้ากลุ่มพรีเมี่ยมปีที่แล้วมีประมาณ 2% จากยอดขายรวม ตั้งเป้าหมายปีนี้เพิ่มเป็น 30% และในปี 2553 สัดส่วนรายได้จากสินค้าพรีเมี่ยมจะเป็น 40% ขณะที่สัดส่วนยอดขายของบริษัทฯนั้นจะมาจาก ทีวีเป็นหลักมากกว่า 50% จากรายได้รวม รองลงมาคือแอร์ และเครื่องซักผ้า

สำหรับแคมเปญการสร้างแบรนด์ในขณะนี้ทางบริษัทแม่ที่เกาหลีได้นำเอาดาราดังคือ "ลี ยอง เอ" จากเรื่อง แดจังกึม มาเป็นแบรนด์ แอมบาสเดอร์ให้กับสินค้าทุกตัว ซึ่งจะใช้เฉพาะในภาคพื้นนี้ ล่าสุดเตรียมที่จะดึงเอา ศิลปินวง ดองบังชินกิ ซึ่งโด่งดังของเกาหลีมาเป็นพรีเซ็นเตอร์ของโทรศัพท์มือถือด้วย   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us