จีเอ็มเอ็ม มีเดียหวั่นปัญหาการเมืองลากยาวกระทบธุรกิจสื่อ เหตุเม็ดเงินโฆษณาจะถูกเบรก ต้องปรับแผนงานด้านกลุ่มวิทยุใหม่ พัฒนาคอนเทนต์ เพิ่มกิจกรรม หาพันธมิตร ยังมั่นใจรายได้วิทยุเติบโตเล็กน้อยสู่ 900 ล้านบาท เปิดตัวพันธมิตรใหม่ อาร์.เอ็น.ที.ฯ ร่วมกันเปิดโครงการ บัซ เอฟเอ็ม 88 วิทยุบนรถโดยสารประจำทาง 7,000 คัน แปลงร่างคลื่นพีค 88 เดิม ปรับค่าโฆษณาขึ้นเป็น 18,000 บาทต่อสปอต 30 วินาที แก้เกมตลาดรวมอืด หวังขยายฐานตลาด
นางสายทิพย์ มนตรีกุล ณ อยุธยา กรรมการผู้จัดการ บริษัท จีเอ็มเอ็ม มีเดีย จำกัด (มหาชน) ในเครือจีเอ็มเอ็มแกรมมี่หรือเอ-ไทม์ ผู้บริหารธุรกิจด้านสื่อ กล่าวว่า ปัญหาของการทำธุรกิจในขณะนี้คือความไม่แน่นอนทางการเมืองว่าจะจบลงอย่างไร ซึ่งขณะนี้ก็เริ่มส่อเค้าว่าจะยืดเยื้อแล้ว ส่งผลกระทบธุรกิจที่ไม่มีความมั่นใจในการดำเนินงานและไม่สามารถกำหนดแผนที่ชัดเจนแน่นอนได้ หากปัญหาลากยาวออกไป ซึ่งเป็นไปในทุกธุรกิจไม่ใช่เฉพาะแค่มีเดียเท่านั้น แต่ว่าธุรกิจมีเดียจะหนักที่สุด เนื่องจากว่าเม็ดเงินโฆษณาในตลาดจะหดหายไปหรือไม่ก็ถูกชะลอการใช้เพราะเจ้าของสินค้าจะมีความเข้มงวดในการใช้จ่ายมากขึ้น
อย่างไรก็ตามบริษัทฯยังคงตั้งเป้าหมายการเติบโตธุรกิจสื่อทางด้านวิทยุของบริษัทฯในปีนี้ไว้ที่ 900 ล้านบาท ซึ่งเติบโตขึ้นเล็กน้อยจากปีที่แล้วที่ทำได้ 850 ล้านบาทและลดลงจากปีก่อนหน้า 10% จากการคืนคลื่น 103 ไป ซึ่งรายได้ที่ตั้งไว้นั้นอยู่บนพื้นฐานของการมี 5 คลื่นเหมือนกัน คือ กรีนเวฟ 106.5, ฮอทเวฟ 91.5,บานานา 89, อีเอฟเอ็ม 93.5 และ บัซเอฟเอ็ม 88
โดยจะต้องมีการปรับตัวในหลายแนวทาง เช่น การปรับคอนเทนต์และรูปแบบของการนำเสนอเพื่อเป็นการเพิ่มรายได้ให้มากขึ้น หรือการจัดกิจกรรมการตลาดที่เพิ่มขึ้น ตลอดจนการร่วมมือกับพันธมิตรที่สามารถเกื้อหนุนกันได้ รวมทั้งการลดต้นทุน เช่น คลื่นอีเอฟเอ็มไม่ได้ทำในรูปแบบแซทเทิลไลต์แล้วจึงทำให้ต้นทุนลดลงได้มาก
ล่าสุด บริษัท ได้นำคลื่นเดิมคือ พีค เอฟเอ็ม 88 มาปรับเป็นคลื่น บัซเอฟเอ็ม 88 โดยการร่วมมือกับทางบริษัท อาร์.เอ็น.ที.เทเลวิชั่น จำกัด (มหาชน)ในการทำธุรกิจคลื่นวิทยุบนรถโดยสารประจำทางทั้งรถเย็นและรถร้อนของขสมก. และรถร่วม รวมทั้งหมดกว่า 7,000 คัน ซึ่งได้เร่มทดลองออกอากาศทางเสียงเมื่อวันที่ 1 มีนาคมที่ผ่านมาแล้ว เวลา 05.00-02.00 น. ซึ่งบริษัทฯรับผิดชอบทางด้านการผลิตรายการและการตลาด ส่วนอาร์.เอ็น.ที.ฯจะรับผิดชอบด้านฮาร์ดแวร์และการประสานงานกับขสมก.แล้วแบ่งรายได้ตามที่ตกลงกัน
ทั้งนี้เดิมทีคลื่น 88 มีรายได้เฉลี่ยประมาณ 7-9 ล้านบาท จากค่าโฆษณาเฉลี่ย 4,000 บาทต่อสปอตยาว 30 วินาที รูปแบบใหม่นี้ค่าโฆษณาจะเพิ่มขึ้นเป็น 18,000 บาทต่อสปอตความยาว 30 วินาที หรือเกือบ 4 เท่าตัวซึ่งบริษัทฯคาดว่าจะมีรายได้เฉลี่ยต่อเดือนประมาณ 15-20 ล้านบาท ในช่วงที่ทำรกิจทำได้เต็มที่ ทั้งนี้จะต้องเป็นการแบ่งรายได้กันกับทางพันธมิตรคือ อาร์.เอ็น.ที.ฯด้วย โดยคาดว่าในช่วงครึ่งปีแรกนี้อยู่ระว่างการทดลองไม่สามารถเก็บรายได้เต็มที่ แต่ในช่วงครึ่งปีหลังคาดว่าจะเริ่มรับรู้รายได้ชัดเจนมากขึ้นแล้ว
บริษัทฯมั่นใจว่าการปรับราคาค่าโฆษณาขึ้นนี้คงไม่ส่งผลกระทบต่อลูกค้าที่ลงโฆษณา เนื่องจากว่า การขึ้นค่าโฆษณานี้เป็นไปตามศักยภาพของคลื่นวิทยุที่มีมากกว่าเดิม เนื่องจากว่าแต่เดิมการออนแอร์คลื่น 88 นี้ มีฐานคนฟังอย่างมากก็แค่หลักแสน จากการเก็บตัวเลขด้วยระบบสถิติ ซึ่งไม่ชัดเจน และกลุ่มคนฟังก็จะแคบด้วย แต่เมื่อรูปแบบใหม่ที่เป็น บัซเอฟเอ็มจะเป็นการขยายฐานตลาดและจำนวนผู้ฟังด้วย และเป็นครั้งแรกที่สามารถการันตีจำนวนผู้ฟังรายการได้อย่างแท้จริง
เนื่องจากกลุ่มเป้าหมายของ บัซเอฟเอ็ม 88 นี้จะครอบคลุมทุกเพศทุกวัย ตั้งแต่นักเรียนนักศึกษาไปจนถึงคนทำงานที่ใช้บริการของรถเมล์ของขสมก.และรถร่วมบริการทั่วกรุงเทพฯและ 5 จังหวัดปริมณฑลคือ นนทบุรี นครปฐม ปทุมธานี สมุทรสาครและสมุทรปราการ ไม่ต่ำกว่าวันละ 5 ล้านคนต่อวัน โดยแบ่งเป็นผู้โดยสารรถเมล์ประมาณ 2,400,000 คน และรถร่วมบริการอีกกว่า 2,600,00 คน และยังไม่นับรวมผู้ฟังอีกนับแสนคนที่ฟังผ่านทางวิทยุ คลื่น 88ปรกติ
ลักษณะของรายการจะเป็นการเปิดเพลงทั่วไปที่ฟังได้ทุกกลุ่มทั้งเก่าและใหม่และเป็นช่องทางในการสื่อสารข่าวการจราจาและข้อมูลต่างๆของขสมก.อีกด้วย
สำหรับแคมเปญแรกในช่วงเปิดตัวนี้ได้เตรียมเงินรางวัลเงินสดเดือนละ 5 แสนบาท โดยในส่วนผู้โดยสารสามารถลุ้นโชคในแคมเปญ "ช่วงละพัน วันละหมื่น" ถ้าเลขท้าย 2 ตัวของตั๋วรถเมล์ตรงกับเลขที่ดีเจประกาศแล้วผู้นั้นโทรเข้าไปในรายการเป็นสายแรกรับเงิน 1 พันบาทฟรี รวมเงินรางวัลเดือนละ 3 แสนบาท ส่วนพนักงานขสมก.ลุ้นรางวัลพนักงานขับรถดีเด่น 10 รางวัล พนักงานเก็บค่าโดยสารดีเด่น 10 รางวัล ๆละ 1 หมื่นบาท รวมเดือนละ 2 แสนบาท
พันตำรวจเอก รวมนคร ทับทิมธงไชย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อาร์.เอ็น.ที.เทเลวิชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า บริษัทฯได้ใช้เงินลงทุนกว่า 50 ล้านบาท ในการติดตั้งอุปกรณ์ฮารด์แวร์ลำโพงต่างๆบนตัวรถโดยสารเฉลี่ยคันละ 10-16 ลำโพง ซึ่งขณะนี้ได้ติดตั้งไปแล้วกว่า 3,000 คัน จากจำนวนรถทั้งหมดกว่า 7,000 คัน ซึ่งคาดว่าจะสามารถติดตั้งได้เสร็จครบหมดภายในปลายเดือนนี้
อย่างไรก็ตาม ในแง่ของสัญญาที่ทำไว้กับ ขสมก. นั้น ยังไม่สรุป เพราะว่ายังมีรถอีกจำนวนหนึ่งที่จะต้องเปลี่ยนเป็นรถแอร์ในเร็วๆนี้ด้วย
ทั้งนี้ระบบการออกอากาศจะเป็นระบบดิจิตอลจากห้องส่งของเอ-ไทม์ ส่งสัญญาณคุณภาพต่อไปยังสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย เพื่อกระจายเสียงไปยังรถเมล์และรถร่วมต่อไป
นอกจากนั้นแล้วบริษัทฯยังได้นำเสนอแนวคิดการติดตั้งคลื่นวิทยุนี้ไปให้กับกลุ่มผู้ประกอบการรถตู้วินด้วย แต่ทั้งนี้ยังไม่มีอะไรคืบหน้าอยู่ระหว่างการเจรากัน
|