|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
แบงก์ชาติ สกัดเงินเฟ้อ ปรับดอกเบี้ยนโยบายเพิ่มอีก 0.25 % หลังเงินเฟ้อพื้นฐานพุ่งต่อเนื่อง ดังอาร์พี 14 วันขึ้นเป็น 4.5 % ยอมรับปัจจัยการเมือง ฉุดการลงทุนภาคเอกชนลดลง 1-2 % เชื่ออัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจของไทยยังอยู่ที่ 4.75-5.75% ตามที่ประเมินไว้ ด้านแบงก์ไทยพาณิชย์-ออมสิน ปรับดอกเบี้ยกู้และฝากขึ้นตามคาด
นางอัจนา ไวความดี ผู้ช่วยผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน(กนง.) ว่า กรรมการฯมีมติให้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย หรืออัตราดอกเบี้ยในตลาดซื้อคืนพันธบัตรระยะ 14 วัน (อาร์พี 14 วัน) อีก 0.25% จากเดิมที่อยู่ในระดับ 4.25% จึงส่งผลให้อัตราดอกเบี้ยนโยบายอยู่ที่ระดับ 4.5% โดยมีผลทันที
ทั้งนี้ เนื่องจากคณะกรรมการฯประเมินภาพรวมของเศรษฐกิจไทยในปัจจุบันแล้วเห็นว่า แม้ภาวะเศรษฐกิจในไตรมาสที่ 4 ของปีที่แล้วต่อเนื่องถึงปีนี้ จะเริ่มเห็นการชะลอตัวลง แต่ยังมีแรงส่งให้ขยายตัวได้จากการส่งออกที่จะขยายตัวดีขึ้นจากเศรษฐกิจโลกที่ขยายตัวดีขึ้นจากประมาณการครั้งก่อน แต่ในส่วนของแรงกดดันด้านราคาจากการเพิ่มขึ้นต่อเนื่องของอัตราเงินเฟ้อยังคงมีอยู่ รวมทั้งอัตราดอกเบี้ยเงินฝากที่แท้จริงยังคงติดลบอยู่ที่ระดับ 0.85%
ส่วนปัจจัยด้านลบที่ต้องระวัง คือ ราคาน้ำมันที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในระยะต่อไป รวมทั้งอัตราดอกเบี้ยต่างประเทศที่จะมีผลกระทบต่อค่าเงินบาทของไทย และความเชื่อมั่นของภาคธุรกิจที่ได้รับผลกระทบทางจิตวิทยาจากความตื่นตระหนกจากปัญหาการเมืองด้วย สำหรับผลกระทบของการปรับขึ้นราคาน้ำตาลนั้น ธปท. มองว่ามีผลกระทบต่อการเร่งตัวของเงินเฟ้อไม่มากนัก โดยคาดว่าจะทำให้อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานเพิ่มขึ้นเพียง 0.2 % เท่านั้น
ทั้งนี้ การใช้กำลังการผลิตการชะลอของโครงการเมกะโปรเจกต์ และปัจจัยทางจิตวิทยา ทำให้ ธปท.ประเมินว่า การลงทุนภาคเอกชนในปี 2549 นี้ มีแนวโน้มขยายตัวเพียง 8-9% ลดลงจากประมาณการครั้งก่อน 1-2% และจะส่งผลให้การขยายตัวของเศรษฐกิจไทยขยายตัวได้ลดลงจากประมาณการครั้งก่อน ส่วนอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจของไทยเชื่อว่าจะยังสามารถขยายตัวได้ระหว่าง 4.75-5.75% ตามประมาณการเดิมที่ ธปท.ตั้งไว้ แต่จะมีความเป็นไปได้ในทาง 4.75% มากขึ้นกว่าเดิม
" คาดว่า ในการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงินครั้งหน้าในอีก 6 สัปดาห์น่าจะพิจารณาผลกระทบที่จะเกิดขึ้นจากปัจจัยทางการเมืองได้ดีกว่านี้ แต่ยอมรับว่าปัจจัยทางการเมืองอาจจะทำให้การลงทุนล่าช้าออกไป แต่ไม่ใช่ว่าจะไม่มีการลงทุนเลย และจากประวัติศาสตร์ของไทยก็มีปัญหาด้านการเมืองมาเรื่อยๆ แต่ไม่เคยทำให้การลงทุนภาคเอกชนหายไปเพียงแต่ชะลอตัวลงเท่านั้น ซึ่งถ้าเหตุการณ์จบได้เร็วผลกระทบก็ไม่มากหรืออาจไม่มีก็ได้ " นางอัจนา กล่าว
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้เริ่มเห็นอัตราเงินเฟ้อทั่วไปชะลอตัวลงบ้างแล้ว แต่อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานยังมีโอกาสที่จะเกินเป้าที่ ธปท.วางไว้ที่ระดับ 0 - 3.5 % เพราะอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานชะลอลงช้ากว่าอัตราเงินเฟ้อทั่วไป ขณะที่อัตราดอกเบี้ยเงินฝากที่แท้จริงในขณะนี้เริ่มติดลบน้อยลงแล้ว ทำให้คาดว่าน่าจะเป็นบวกได้ภายในไตรมาสที่ 2 ของปีนี้ แต่ในส่วนของอัตราดอกเบี้ยนโยบายนั้นคณะกรรมการฯ ยังมีเป้าหมายจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อไปจนกว่าอัตราดอกเบี้ยที่แท้จริงจะเป็นบวก และแรงกดดันของเงินเฟ้อจะหมดไป ซึ่งการปรับขึ้นดอกเบี้ยนั้น ธปท.จะให้ความสำคัญต่อเสถียรภาพภายในประเทศเป็นสำคัญ
ไทยพาณิชย์ปรับดอกเบี้ยตาม
คุณหญิงชฎา วัฒนศิริธรรม กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารไทยพาณิชย์ กล่าวว่า ธนาคารประกาศปรับอัตราดอกเบี้ยเงินฝากให้สูงขึ้นอีกครั้งหนึ่ง หลังจากที่ได้ปรับมาแล้วครั้งหนึ่งเมื่อวันที่ 11 มกราคม ที่ผ่านมา โดยในครั้งนี้เป็นการปรับอัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจำ 3 เดือน 6 เดือน และเงินฝากประจำ 24 เดือน และ 36 เดือน เพิ่มขึ้น 0.25 % ต่อปี และพิเศษสำหรับอัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจำ 12 เดือน ปรับเพิ่มขึ้น 0.50 % ต่อปี ขณะเดียวกันได้ปรับขึ้นดอกเบี้ยเงินให้กู้ยืม ทุกประเภท 0.25 % ต่อปี ทั้งนี้มีผลตั้งแต่วันที่ 9 มีนาคม 2549 เป็นต้นไป
จากการปรับอัตราดอกเบี้ยดังกล่าว ส่งผลให้อัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจำ 3 เดือนมีอัตราดอกเบี้ยอยู่ที่ 2.75-3.75 % ต่อปี เงินฝากประจำ 6 เดือน มีอัตราดอกเบี้ยอยู่ที่ 3.00-4.00 % ต่อปี เงินฝากประจำ 12 เดือน มีอัตราดอกเบี้ยอยู่ที่ 3.50-4.25 % ต่อปี เงินฝากประจำ 24 เดือน มีอัตราดอกเบี้ยอยู่ที่ 4.00-4.25 % ต่อปี และเงินฝากประจำ 36 เดือน มีอัตราดอกเบี้ยอยู่ที่ 4.25% ต่อปีตามลำดับ ทั้งนี้อัตราดอกเบี้ยเงินให้กู้ยืมของธนาคารปรับเป็น MLR 7.00 % ต่อปี MOR 7.25 % ต่อปี และ MRR 7.50 % ต่อปี
แบงก์ออมสินขึ้นดอกเบี้ยเงินฝาก-กู้
นายวรวิทย์ ชัยลิมปมนตรี รองผู้อำนวยการธนาคารออมสินอาวุโส กล่าวว่า เมื่อวานนี้ (7 มี.ค.) ที่ประชุมคณะกรรมการบริหารสินทรัพย์และหนี้สินของธนาคารมีมติให้ปรับอัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจำทุกประเภทขึ้นอีก 0.25 % ซึ่งจะมีผลตั้งแต่วันนี้ โดยอัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจำของธนาคารอยู่ระหว่าง 3.00-4.00 % ต่อปี สำหรับอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ขั้นต่ำทั้งประเภทเงินกู้ที่มีระยะเวลา (MLR) และประเภทเงินเบิกเกินบัญชี (MOR) คณะกรรมการฯ มีมติปรับขึ้นอีก 0.25 % เช่นกัน ส่งผลให้อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ MLR อยู่ที่ 7.00 %
ส่วนอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ MOR อยู่ที่ 7.25 % และมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 14 มีนาคม 2549 เป็นต้นไป โดยการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยทั้งเงินฝากและเงินกู้ของธนาคารออมสินรอบใหม่ เพื่อให้สอดคล้องกับภาวะเงินเฟ้อที่ยังคงอยู่ในระดับสูง และที่สำคัญคือเพื่อรักษาฐานลูกค้าเงินฝากกว่า 20 ล้านบัญชี และป้องกันไม่ให้เงินฝากเหล่านี้ไหลออกไปยังสถาบันการเงินอื่น ซึ่งได้มีการปรับขึ้นทั้งดอกเบี้ยเงินฝากและเงินกู้ไปแล้วก่อนหน้านี้
|
|
|
|
|