เผย ธุรกิจทุกแขนงชะลอลงทุน รอความชัดเจนด้านการเมือง กระทบธุรกิจในประเทศ ด้าน" โมเดอร์นฟอร์ม" ปรับแผนรุกตลาดต่างประเทศ ส่งเฟอร์นิเจอร์กลุ่ม Hospitalityทดสอบตลาดเจาะกลุ่มลูกค้า โรงแรม-รีสอร์ท-ที่อยู่อาศัย หากผลตอบรับดีพร้อมลุยตลาดเต็มตัว ตั้งเป้ายอดส่งออกโต 7% จากเดิม 5%
นายทักษะ บุษยโภคะ ประธานกรรมการ บริหาร บริษัท โมเดอร์นฟอร์มกรุ๊ป จำกัด(มหาชน) ผู้ผลิตและจำหน่ายเฟอร์นิเจอร์แบรนด์ MODERNFORM, KITCHEN LIFE, SOHO,CASABELLA, MOFLEX และKLASSE กล่าวว่าจากปัญหาการเมืองที่เกิดขึ้นในขณะนี้ ทำให้บริษัทต้องปรับแผนการทำตลาดในบางส่วน เนื่องจากผลกระทบที่เกิดขึ้นทำให้ตลาดและธุรกิจการลงทุนต่างๆ มีอัตราการขยายตัวที่อ่อนตัวลง ซึ่งหากสถานการณ์ด้านการเมืองยังมีความยืดเยื้อไปอาจจะส่งผลต่อตลาดการลงทุนให้ชะลอตัวออกไป
อย่างไรก็ดี นักวิเคราะห์และนักวิชาการเศรษฐศาตร์มีการวิเคราะห์ว่าเศรษฐกิจของประเทศไทยยังอยู่ในช่วงขาขึ้นซึ่งยังมีอัตราการขายยตัวอยู่ ดังนั้น โมเดอร์นฟอร์มฯ ยังไม่กังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ดังกล่าวมากนัก โดยยังตั้งเป้าว่าจะมีอัตราการเติบโตของรายได้ในส่วนของยอดขายเฟอร์นิเจอร์เพิ่มประมาณ 15% หรือมีรายได้จากการขายเฟอร์นิเจอร์ประมาณ 2,700 ล้านบาท จากเดิมที่มีรายได้ในปี 2548 ที่ 2,400 ล้านบาท โดยในปีที่ผ่านมาบริษัทมีรายได้รวมทั้งสิ้น 3,100 ล้านบาท ส่วนในปี 2549 นี้ บริษัทตั้งเป้าว่าจะมีรายได้รวมประมาณ 3,200 ล้านบาท แบ่งเป็นรายได้จากการขายเฟอร์นิเจอร์ 2,700 ล้านบาท และรายได้จากบริษัทในเครืออีก 800 ล้านบาท โดยรายได้ดังกล่าวจะมาจากการขายสินค้าในกลุ่มตลาดสินค้าโครงการ 60% สิ้นค้าในตลาดค้าปลีก35% และสินค้าตลาดส่งออก 5%
ทั้งนี้ โมเดอร์นฟอร์มฯ ได้ปรับแผนงานด้านการตลาดใหม่ โดยจะให้ความสำคัญกับตลาดส่งออกต่างประเทศเพิ่มขึ้นจากเดิมที่มีแผนจะเน้นทั้งตลาดในประเทศและต่างประเทศไปพร้อมๆกัน แต่จากปัจจัยลบด้านการเมืองทำให้ตลาดธุรกิจต่างๆ ชะลอการลงทุน ไม่ว่าจะเป็นตลาด อสังหาริมทรัพย์ การท่องเที่ยว ธุรกิจโรงแรม ออฟฟิศเช่า อุตสาหกรรมทำให้ ยอดขายในประเทศชะลอตัวลงเนื่องจากทุกภาคธุรกิจต้องการรอดูความชัดเจนด้านการเมืองก่อนที่จะลงทุนต่อ
ดังนั้น ในช่วงนี้บริษัทจึงหันมาให้ความสำคัญกับตลาดส่งออกมากขึ้น ซึ่งบริษัทคาดว่าจะผลักดันให้ยอดส่งออกสูงขึ้นเป็น 7% จากเดิมที่มีส่วนส่วนในการส่งออกอยู่ 5% โดยบริษัทได้เปิดตัวสิ้นค้าใหม่ในกลุ่ม สินค้าโครงการ ภายใต้ซื่อกลุ่มสินค้า " Hospitality หรือ ชุดรับรอง " ซึ่งเป็นสินค้าที่บริษัทจะรับผลิตตามออเดอร์
หรือสิ้นค้าสั่งผลิตตามดีไชนด์ที่ลูกค้าสั่งผลิต โดยเน้นเจาะกลุ่มลูกค้า โรงแรม รีสอร์ท ที่อยู่อาศัย ทั้งในประเทศและต่างประเทศ แต่ในขณะนี้จะเน้นตลาดต่างประเทศมากขึ้น ปัจจุบัน Hospitality มียอดขายประมาณ 200-300 ล้านบาทต่อปี คาดว่าในปีนี้จะมีรายได้จากสินค้ากลุ่มดังกล่าวเพิ่มขึ้นอีกประมาณ 50 ล้านบาท
"ที่เรานำสินค้ากลุ่ม Hospitality เข้ามาทดสอบตลาดต่างประเทศเพราะ การแข่งขันในตลาดต่างประเทศ โดยเฉพาะด้านราคานั้นเราไม่สามารถแข่งขันกับประเทศจีนและเวียดนามได้ ดังนั้นเราต้องขายดีไซนด์ ของสินค้า หรือเพิ่มมูลค่าเพิ่มในตัวสินค้า และเพื่อให้สามารถแข่งขันในตลาดต่างประเทศได้ และดีไชนด์เนอร์ของเราเองก็เก่งดังนั้นเราจึงเชื่อว่าเมื่อเพิ่มดีไชนด์เข้าไปจะทำให้สาารถแข่งกับต่างประเทศได้" นายทักษะกล่าว
อย่างไรก็ตามในปีนี้ บริษัท ยังคงให้ความสำคัญการทำตลาดกับสินค้าเดิมทั้ง 6 กลุ่ม และจะมีการเพิ่มกลุ่มสินค้าใหม่อีก 2 กลุ่มเข้ามา คือเฟอร์นิเจอร์เจาะกลุ่มตลาดการศึกษา และโรงพยายบาล ซึ่งบริษัท มั่นใจสินค้าทั้งสองกลุ่มตลาดนี้ จะมีอัตราการขยายตัวที่สูงในอนาคต โดยเฉพาะในกลุ่มตลาดโรงพยายบาล ซึ่งจะได้รับผลดีจากการสนับสนุนของรัฐบาลให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางด้านการแพทย์ ส่วนในตลาดการศึกษานั้น ในช่วงที่ผ่านมามีการเปิดตัวของโรงเรียนนานาชาติใหม่ๆ หลายๆ ที่และในอนาคตก็จะมีจำนวนเพิ่มมากขึ้นด้วย
|