Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายวัน9 มีนาคม 2549
ไทยรุ่งฯฟุ้ง3ปีโกย5พันล.ทุ่มงบผลิตชิ้นส่วนOEM             
 


   
www resources

โฮมเพจ ไทยรุ่งยูเนี่ยนคาร์

   
search resources

ไทยรุ่ง ยูเนี่ยนคาร์, บมจ.
สมพงษ์ เผอิญโชค
Automotive




ไทยรุ่งฯ ฟุ้งอีก 3 ปีโกยยอดขายได้เกือบ 5 พันล้านบาท พร้อมทุ่มงบ 720 ล้านบาท ลงทุนเพิ่มกำลังผลิตชิ้นส่วน OEM เพิ่ม หลังพบว่ายอดขายสินค้านี้เติบโตแบบก้าวกระโดด เพราะลูกค้าต้องการสินค้าชนิดนี้เพิ่มต่อเนื่อง เผยการจับมือกับทาทา มอเตอร์ของอินเดีย จะได้ข้อสรุปเมษายนนี้

นายสมพงษ์ เผอิญโชค กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไทยรุ่งยูเนี่ยนคาร์ จำกัด (มหาชน) (TRU) เปิดเผยว่าปีนี้บริษัทตั้งเป้าไว้ยอดขายของบริษัทฯ ใน 3 ปีข้างหน้าจะเติบโตในระดับ 4.5-5 พันล้านบาท ขณะที่ปี 48 บริษัทฯมียอดขายประมาณ 3,050 ล้านบาท โดยสัดส่วนรายได้ส่วนใหญ่จะมาจากยอดขายผลิตชิ้นส่วน OEM ที่มีแนวโน้มจะเติบโตขึ้น ขณะเดียวกันบริษัทฯ ยังร่วมมือกับบริษัทอื่นในการเป็นผู้ผลิตรถยนต์เพื่อจำหน่าย

เนื่องจากสัดส่วนจากยอดขายจะพบว่ารายได้จากการผลิตชิ้นส่วน OEM เพิ่มขึ้นจากปีก่อนกว่า 86% ซึ่ง TRU ผลิตอยู่ 2 แบบคือชิ้นส่วนขึ้นรูปและพลาสติก หลังพบว่าได้รับการตอบรับจากลูกค้าอย่างดี โดยชิ้นส่วนขึ้นรูปนั้นบริษัทผลิตให้กับรถยนต์ยี่ห้ออีซูซูและโคมัตซุ ด้วยการผลิตผ่านการสั่งซื้อของ บริษัท อาปิโก้ ไฮเทค จำกัด(มหาชน) และปีนี้จะมีออร์เดอร์จากโตโยต้าเพิ่มขึ้น น่าจะส่งผลต่อยอดขายสินค้านี้เพิ่มขึ้นด้วย

"แต่ในไตรมาส 3 และไตรมาส 4 เราจะมีรายได้จากชิ้นส่วนพลาสติกเข้ามาเพิ่ม ตลอดจนตัวกระบะรถบรรทุก (FLAT DECK) ซึ่งเป็นตัวหนึ่งของ OEM ก็จะมียอดขายเพิ่มขึ้น 25-30% จะทำให้รายได้เพิ่มขึ้นเท่าตัว ขณะที่ Dies and Jig จะลงทุนอีก 120 ล้านบาท เพราะเป็นสินค้าที่ขายได้ดีต่อเนื่อง ดังนั้นเราจะเน้นออกแบบชิ้นส่วนพลาสติกตกแต่งรถ " นายสมพงษ์กล่าว

นายสมพงษ์กล่าวต่อว่า ปีนี้บริษัทจะลงทุนสร้างโรงงานและซื้อเครื่องจักรพิ่ม ในส่วนของบริษัท ไทยออโต้ เพรสพาร์ท จำกัด มูลค่า 500 -600 ล้านบาท คาดเริ่มผลิตได้ปลายปีนี้หรือต้นปี 50 และรองรับความต้องการของตลาดได้ใน 3 ปี โดยจะผลิต FLAT DECK เพิ่มเพื่อรองรับกับความต้องการของตลาดในปัจจุบัน เพราะออสเตรเลีย สหรัฐฯ และตะวันออกกลาง มีความต้องการสินค้านี้มาก

สำหรับการร่วมทุนกับ ทาทา มอเตอร์ ผู้ผลิตรถยนต์ของอินเดีย เพื่อทำธุรกรรมเกี่ยวกับรถยนต์ในไทย เนื่องจาก TRU มีศักยภาพดีที่สุดเมื่อเทียบกับบริษัทอื่น เพราะสามารถประกอบและผลิตชิ้นส่วนได้ครบวงจร ซึ่งการเจรจาคืบหน้าไปมาก เพราะเป้าหมายของทาทามอเตอร์ ต้องการเจาะตลาดในอาเซียน และในไทย ซึ่งรถที่จะผลิตในช่วงแรกจะเป็นรถปิคอัพ ซึ่งคาดว่าจะสรุปได้ไตรมาสแรกหรืออย่างช้าไม่เกินเมษายนนี้ หลังจากที่ TRU ได้ร่วมมือกับมาเลเซีย ที่จะนำรถยนต์เอนกประสงค์ไปประกอบและผลิตในมาเลเซีย อันจะส่งผลให้ยอดขายของบริษัทเพิ่มขึ้นอีก

อย่างไรก็ตาม TRU ตั้งเป้ายอดขายรถยนต์ดัดแปลงของบริษัทจะเพิ่มขึ้น ถึง 15% หรือคิดเป็นจำนวน 2,300-2,400 คัน โดยผลิตเป็นรถแท็กซี่ประมาณ 800-1,000 คัน เนื่อจากในเดือน มีนาคมถึงเมษายน โดยธนาคารเพื่อการพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม ( SME BANK) จะเปิดโครงการปล่อยสินเชื่อให้กับผู้ที่ต้องการขับรถแท็กซี่ ซึ่งบริษัทฯ คาดว่าจะได้รับเลือกจากผู้ใช้รถในการซื้อรถของบริษัท 500-600 คัน บางส่วนก็ผลิตเป็นรถลีมูซีน ประมาณ 800 คัน ขณะที่ปี 48 TRU ทำยอดขายในโครงการนี้ประมาณ 257 คัน

นอกจากนี้ ในเดือน กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา รัฐบาลได้มีการแก้กฎหมายให้รถนั่ง 3 ตอน 7 ที่นั่ง สามารถจดทะเบียนเป็นรถป้ายเขียว เพื่อใช้รับส่งผู้โดยสารในสนามบิน ซึ่งทำให้ยอดขายรถของบริษัทฯ ในปีนี้เชื่อว่าจะเป็นไปตามเป้าหมาย 800-1 พันคัน

นายสมพงษ์ กล่าวว่าในครึ่งปีหลัง บริษัทก็จะมีการพัฒนารถเอนกประสงค์รูปแบบใหม่ๆ เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้า และเป็นทางเลือกให้กับลูกค้ามากขึ้น หลังจากในปี 48 รถเอนกประสงค์ของบริษัทฯ มียอดขายลดลงเนื่องจากการแข่งขันที่เพิ่มขึ้น จากการที่บริษัทฯ ไม่ได้มีรถแบบใหม่ๆ เข้าไปในตลาดจะเน้นการลงไปที่การผลิตสินค้า OEM มากขึ้น หลังจาพบว่าความต้องการสินค้าชนิดนี้

อย่างไรก็ตาม ผลการดำเนินงานเมื่อปี 48 พบว่ากำไร 119.78 ล้านบาท ลดลงจากงวดเดียวกันของปี 47 ที่มีกำไรสุทธิ 527.01 ล้านบาท ขณะที่มียอดขายลดลงจากปี 48 เนื่องจากภาวะการแข่งขันที่คู่แข่งได้ออกรถรุ่นใหม่ออกมา และผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจ รวมทั้งราคาน้ำมันที่ปรับเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us