|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
ไทยรุ่งฯ ฟุ้งอีก 3 ปีโกยยอดขายได้เกือบ 5 พันล้านบาท พร้อมทุ่มงบ 720 ล้านบาท ลงทุนเพิ่มกำลังผลิตชิ้นส่วน OEM เพิ่ม หลังพบว่ายอดขายสินค้านี้เติบโตแบบก้าวกระโดด เพราะลูกค้าต้องการสินค้าชนิดนี้เพิ่มต่อเนื่อง เผยการจับมือกับทาทา มอเตอร์ของอินเดีย จะได้ข้อสรุปเมษายนนี้
นายสมพงษ์ เผอิญโชค กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไทยรุ่งยูเนี่ยนคาร์ จำกัด (มหาชน) (TRU) เปิดเผยว่าปีนี้บริษัทตั้งเป้าไว้ยอดขายของบริษัทฯ ใน 3 ปีข้างหน้าจะเติบโตในระดับ 4.5-5 พันล้านบาท ขณะที่ปี 48 บริษัทฯมียอดขายประมาณ 3,050 ล้านบาท โดยสัดส่วนรายได้ส่วนใหญ่จะมาจากยอดขายผลิตชิ้นส่วน OEM ที่มีแนวโน้มจะเติบโตขึ้น ขณะเดียวกันบริษัทฯ ยังร่วมมือกับบริษัทอื่นในการเป็นผู้ผลิตรถยนต์เพื่อจำหน่าย
เนื่องจากสัดส่วนจากยอดขายจะพบว่ารายได้จากการผลิตชิ้นส่วน OEM เพิ่มขึ้นจากปีก่อนกว่า 86% ซึ่ง TRU ผลิตอยู่ 2 แบบคือชิ้นส่วนขึ้นรูปและพลาสติก หลังพบว่าได้รับการตอบรับจากลูกค้าอย่างดี โดยชิ้นส่วนขึ้นรูปนั้นบริษัทผลิตให้กับรถยนต์ยี่ห้ออีซูซูและโคมัตซุ ด้วยการผลิตผ่านการสั่งซื้อของ บริษัท อาปิโก้ ไฮเทค จำกัด(มหาชน) และปีนี้จะมีออร์เดอร์จากโตโยต้าเพิ่มขึ้น น่าจะส่งผลต่อยอดขายสินค้านี้เพิ่มขึ้นด้วย
"แต่ในไตรมาส 3 และไตรมาส 4 เราจะมีรายได้จากชิ้นส่วนพลาสติกเข้ามาเพิ่ม ตลอดจนตัวกระบะรถบรรทุก (FLAT DECK) ซึ่งเป็นตัวหนึ่งของ OEM ก็จะมียอดขายเพิ่มขึ้น 25-30% จะทำให้รายได้เพิ่มขึ้นเท่าตัว ขณะที่ Dies and Jig จะลงทุนอีก 120 ล้านบาท เพราะเป็นสินค้าที่ขายได้ดีต่อเนื่อง ดังนั้นเราจะเน้นออกแบบชิ้นส่วนพลาสติกตกแต่งรถ " นายสมพงษ์กล่าว
นายสมพงษ์กล่าวต่อว่า ปีนี้บริษัทจะลงทุนสร้างโรงงานและซื้อเครื่องจักรพิ่ม ในส่วนของบริษัท ไทยออโต้ เพรสพาร์ท จำกัด มูลค่า 500 -600 ล้านบาท คาดเริ่มผลิตได้ปลายปีนี้หรือต้นปี 50 และรองรับความต้องการของตลาดได้ใน 3 ปี โดยจะผลิต FLAT DECK เพิ่มเพื่อรองรับกับความต้องการของตลาดในปัจจุบัน เพราะออสเตรเลีย สหรัฐฯ และตะวันออกกลาง มีความต้องการสินค้านี้มาก
สำหรับการร่วมทุนกับ ทาทา มอเตอร์ ผู้ผลิตรถยนต์ของอินเดีย เพื่อทำธุรกรรมเกี่ยวกับรถยนต์ในไทย เนื่องจาก TRU มีศักยภาพดีที่สุดเมื่อเทียบกับบริษัทอื่น เพราะสามารถประกอบและผลิตชิ้นส่วนได้ครบวงจร ซึ่งการเจรจาคืบหน้าไปมาก เพราะเป้าหมายของทาทามอเตอร์ ต้องการเจาะตลาดในอาเซียน และในไทย ซึ่งรถที่จะผลิตในช่วงแรกจะเป็นรถปิคอัพ ซึ่งคาดว่าจะสรุปได้ไตรมาสแรกหรืออย่างช้าไม่เกินเมษายนนี้ หลังจากที่ TRU ได้ร่วมมือกับมาเลเซีย ที่จะนำรถยนต์เอนกประสงค์ไปประกอบและผลิตในมาเลเซีย อันจะส่งผลให้ยอดขายของบริษัทเพิ่มขึ้นอีก
อย่างไรก็ตาม TRU ตั้งเป้ายอดขายรถยนต์ดัดแปลงของบริษัทจะเพิ่มขึ้น ถึง 15% หรือคิดเป็นจำนวน 2,300-2,400 คัน โดยผลิตเป็นรถแท็กซี่ประมาณ 800-1,000 คัน เนื่อจากในเดือน มีนาคมถึงเมษายน โดยธนาคารเพื่อการพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม ( SME BANK) จะเปิดโครงการปล่อยสินเชื่อให้กับผู้ที่ต้องการขับรถแท็กซี่ ซึ่งบริษัทฯ คาดว่าจะได้รับเลือกจากผู้ใช้รถในการซื้อรถของบริษัท 500-600 คัน บางส่วนก็ผลิตเป็นรถลีมูซีน ประมาณ 800 คัน ขณะที่ปี 48 TRU ทำยอดขายในโครงการนี้ประมาณ 257 คัน
นอกจากนี้ ในเดือน กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา รัฐบาลได้มีการแก้กฎหมายให้รถนั่ง 3 ตอน 7 ที่นั่ง สามารถจดทะเบียนเป็นรถป้ายเขียว เพื่อใช้รับส่งผู้โดยสารในสนามบิน ซึ่งทำให้ยอดขายรถของบริษัทฯ ในปีนี้เชื่อว่าจะเป็นไปตามเป้าหมาย 800-1 พันคัน
นายสมพงษ์ กล่าวว่าในครึ่งปีหลัง บริษัทก็จะมีการพัฒนารถเอนกประสงค์รูปแบบใหม่ๆ เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้า และเป็นทางเลือกให้กับลูกค้ามากขึ้น หลังจากในปี 48 รถเอนกประสงค์ของบริษัทฯ มียอดขายลดลงเนื่องจากการแข่งขันที่เพิ่มขึ้น จากการที่บริษัทฯ ไม่ได้มีรถแบบใหม่ๆ เข้าไปในตลาดจะเน้นการลงไปที่การผลิตสินค้า OEM มากขึ้น หลังจาพบว่าความต้องการสินค้าชนิดนี้
อย่างไรก็ตาม ผลการดำเนินงานเมื่อปี 48 พบว่ากำไร 119.78 ล้านบาท ลดลงจากงวดเดียวกันของปี 47 ที่มีกำไรสุทธิ 527.01 ล้านบาท ขณะที่มียอดขายลดลงจากปี 48 เนื่องจากภาวะการแข่งขันที่คู่แข่งได้ออกรถรุ่นใหม่ออกมา และผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจ รวมทั้งราคาน้ำมันที่ปรับเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง
|
|
|
|
|