Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายวัน8 มีนาคม 2549
9หุ้นสุดแสบผลัดกันวิ่งตลท.รับห้ามเน็ทฯ-มาร์จิ้นปั่นเกินครึ่ง             
 


   
search resources

Stock Exchange




"กิตติรัตน์" ระบุหุ้นที่ถูกตลาดหลักทรัพย์ฯ ห้ามเน็ตแซทเทิลเม้นท์กับมาร์จิ้น กว่า 50-70% มีพฤติกรรมการปั่นราคาหุ้น พร้อมระบุลักษณะการซื้อขายของขาใหญ่เปลี่ยนจากอดีตที่ผ่านมา แต่มั่นใจระบบตรวจสอบของตลาดที่จะเชื่อมโยงถึงนักลงทุนที่แท้จริงได้ ด้าน 9 หุ้นเก็งกำไร "APURE-ASL-BNT-EMC-EWC-IEC-MME-PICNI-THECO" สุดคึกพลัดกันวิ่งตลอดเดือนก.พ. โบรกเกอร์เชื่อขาใหญ่เตรียมลงมาลุยอีกครั้งก่อนการเลือกตั้ง

นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง กรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.)เปิดเผยว่า ในช่วงที่ผ่านมาหุ้นที่ตลาดหลักทรัพย์ฯ ใช้มาตรการการห้ามซื้อขายในลักษณะหักกลบราคาค่าซื้อกับราคาค่าขายหลักทรัพย์เดียวกันในวันเดียวกัน (Net Settlement) และห้ามสมาชิกให้ลูกค้ากู้ยืมเงินเพื่อซื้อหลักทรัพย์ (Margin Trading) ในบริษัทหลักทรัพย์บางบริษัท เนื่องจากพบว่าการเคลื่อนไหวของราคาหุ้นมีลักษณะของการกระจุกตัว และมีการซื้อขายแบบเก็งกำไรกันอย่างมาก จนทำให้ราคามีความผิดปกติจากสภาพตลาดหุ้นโดยรวม ซึ่งยอมรับว่าการนำมาตรการดังกล่าวมาใช้นั้นอาจจะกระทบต่อบรรยากาศการลงทุนบ้าง แต่เป็นการเตือนให้นักลงทุนใช้สติในการลงทุนอย่างรอบคอบ

"หุ้นที่ตลาดหลักทรัพย์ตัดสินใจในการรห้ามเน็ตเซทเทิลเม้นท์และมาร์จิ้นนั้น พบว่ากว่า 50-70% นั้นมีพฤติกรรมการปั่นราคาหุ้น แต่การใช้มาตรการดังกล่าวถ้านักลงทุนรายใหญ่มีเม็ดเงินจำนวนมาก ก็ไม่สามารถที่จะยับยั้งได้ และการซื้อขายของนักลงทุนรายใหญ่ขณะนี้มีลักษณะเป็นทีมเวิร์ค ซึ่งจะมีการแบ่งทั้งทีมรุก และทีมรับกันเลย ซึ่งในจุดนี้เป็นเรื่องที่น่าห่วงสำหรับนักลงทุนรายย่อย แต่ที่ผ่านมานักลงทุนรายย่อยได้มีการส่งหนังสือมายังผม ว่าไม่ต้องห่วงนักลงทุนรายย่อยหรอก แต่ให้ห่วงตัวเองดีกว่า"นายกิตติรัตน์กล่าว

สำหรับลักษณะการปั่นราคาหุ้นจะมีลักษณะที่กำกึ่งกับการปั่นหุ้น โดยนักลงทุนจะมีหุ้นจำนวนหนึ่ง และอาจจะมีการทำราคาปิดให้สูงขึ้นในช่วงปลายตลาด 3 ครั้งในวันเดียวกัน ซึ่งถ้ามีการทำในลักษณะดังกล่าวอย่างต่อเนื่องอาจจะเข้าข่ายของการปั่นหุ้นได้เช่นกัน

ทั้งนี้ พบว่ามีการเข้ามาเก็งกำไรในหุ้นที่มีมูลค่าการซื้อขายมากที่สุดและติดอันกับ 1 ใน 10 เช่นกัน และพบว่าลักษณะการซื้อขายของนักลงทุนรายใหญ่ในปัจจุบันนี้จะแตกต่างจากในอดีตที่ผ่านมา ซึ่งในอดีตจะมีการเปิดเผยชื่อว่ามีนักลงทุนรายใดเข้ามาซื้อขายหุ้น แต่ปัจจุบันนี้จะมีลักษณะซื้อขายเเป็นกลุ่มคน ซึ่งทำให้การตรวจสอบได้ยากขึ้นกว่าที่ผ่านมา

อย่างไรก็ตาม ตลาดหลักทรัพย์ฯ มีระบบการตรวจสอบ ซึ่งสามารถเชื่อมโยงไปยังถึงผู้ซื้อที่แท้จริงได้ โดยจะมีการสอบถามข้อมูลต่อโบรกเกอร์ โดยไม่จำเป็นที่ตลาดหลักทรัพย์จะเข้าไปสอบถามข้อมูลจากผู้ถือหุ้นแต่อย่างใด

**ลือพายัพ-เสี่ยสองเทรดสนั่น

แหล่งข่าวจากโบรกเกอร์กล่าวว่า ช่วงที่ผ่านมาพบนักลงทุนรายใหญ่ยังเข้ามาเก็งกำไรกันอย่างมาก ซึ่งพบว่าหุ้นเก็งกำไรในหลายตัวที่ราคาปรับตัวขึ้นมาอย่างหวือหวา โดยได้มีกระแสข่าวลือว่าหุ้นบริษัท อินเตอร์แนชั่นเนิลเอนจีเนียริง จำกัด (มหาชน)หรือ IEC,หุ้นบริษัท บีเอ็นที เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือ BNT และบริษัท ไมด้า-เมดดาลิสท์ เอ็นเธอร์เทนเมนท์ จำกัด (มหาชน)หรือ MME มีกลุ่มนายพายัพ ชินวัตรนักลงทุนรายใหญ่เข้ามาเก็งกำไร จนทำให้ราคาหุ้นปรับตัวขึ้นมาอย่างหวือหวา ขณะเดียวกันยังมีกระแสข่าวลือว่าในหุ้นไออีซีนั้นจะมีกลุ่มนักลงทุนหลายกลุ่มเข้ามาเก็งกำไร ทั้งกลุ่มเสี่ยสอง วัชรศรีโรจน์ และกลุ่มที่เข้าเก็งกำไรในหุ้นปิคนิคเป็นต้น

**หุ้นปั่นร่วงเกือบยกแผง

สำหรับหลักทรัพย์ที่มีการมูลค่าการซื้อขายและราคาผันผวนค่อนข้างสูง ซึ่งเป็นหุ้นในกลุ่มที่ตลาดหลักทรัพย์ฯ อยู่ระหว่างการตรวจสอบการซื้อขายว่ามีการสร้างราคาหรือไม่ โดยหลายบริษัทตลาดหลักทรัพย์ได้มีการใช้มาตรการการห้ามเน็ตเซทเทิลเม้นท์และมาร์จิ้น

ทั้งนี้ หุ้นในกลุ่มดังกล่าวประกอบด้วย บริษัท อกริเพียว โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ APURE, บริษัทหลักทรัพย์ แอ๊ดคินซัน จำกัด (มหาชน) หรือ ASL, บริษัท บีเอ็นที เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือ BNT, บริษัท อีเอ็มซี จำกัด (มหาชน) หรือ EMC , บริษัท อีสเทิร์นไวร์ จำกัด (มหาชน) หรือ EWC, บริษัท อินเตอร์แนชั่นเนิลเอนจีเนียริง จำกัด (มหาชน) หรือ IEC, บริษัท ไมด้า-เมดดาลิสท์ เอ็นเธอร์เทนเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ MME, บริษัท ปิคนิค คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ PICNI, บริษัทไทยฮีทเอ็กซ์เช้นจ์ จำกัด (มหาชน) หรือ THECO

ความเคลื่อนไหวของราคาหุ้นล่าสุด( 7 มี.ค.) หุ้น THECO ปิดที่ 2.12 บาท ลดลง 0.12 บาท หรือ 5.36% มูลค่าการซื้อขาย 128.55 ล้านบาท ,หุ้น MME ปิดที่ 19.90 บาท เพิ่มขึ้น 0.90 บาท หรือ 4.74% มูลค่าการซื้อขาย 38.32 ล้านบาท ,หุ้น APURE ปิดที่ 7.95 บาท เพิ่มขึ้น 0.45 บาท หรือ 6.00% มูลค่าการซื้อขาย 177.92 ล้านบาท , หุ้น BNT ปิดที่ 0.55 บาท ไม่มีการเปลี่ยนแปลง มูลค่าการซื้อขาย 81.75 ล้านบาท

หุ้น EWC ปิดที่ 12.80 บาท ลดลง 0.90 บาท หรือ 6.57% มูลค่าการซื้อขาย 40.85 ล้านบาท , หุ้น ASL ปิดที่ 9.55 บาท ลดลง 0.45 บาท หรือ 4.50% มูลค่าการซื้อขาย 22.97 ล้านบาท , หุ้น EMC ปิดที่ 1.87 บาท ลดลง 0.08 บาท หรือ 4.10% มูลค่าการซื้อขาย 8.69 ล้านบาท , หุ้น IEC ปิดที่ 3.70 บาท ลดลง 0.30 บาท หรือ 7.50% มูลค่าการซื้อขาย 282.49 ล้านบาท และหุ้น PICNI ปิดที่ 0.52 บาท ลดลง 0.05 บาท หรือ 8.77% มูลค่าการซื้อขาย 90.95 ล้านบาท

**เดือนก.พ.หุ้นเก็งกำไรสุดคึก

สำหรับความเคลื่อนของราคาหุ้นในช่วงเดือนก.พ.ที่ผ่านมาหุ้น THECO ราคาปิดที่ 2.12 บาท เพิ่มขึ้น 1.02 บาท หรือ 92.73 โดยราคาต่ำสุดและสูงสุดต่างกันถึง 1.54 บาท หรือ 142.59% ,หุ้น MME ราคาปิดที่ 14.00 บาท เพิ่มขึ้น 5.60 บาท หรือ 66.67% โดยเมื่อพิจารณาราคาต่ำสุดและสูงสุดต่างกันถึง 9 บาท หรือ 120% ,หุ้น APURE ราคาปิดที่ 8.15 บาท เพิ่มขึ้น 1.60 บาท หรือ 24.43% โดยราคาต่ำสุดและสูงสุดต่างกันถึง 2.45 บาท หรือ 39.51%

ขณะที่หุ้นที่ปรับตัวลดลงสูงสุดหุ้น BNT ราคาปิดที่ 0.64 บาท ลดลง 0.15 บาท หรือ 18.99% โดยราคาต่ำสุดและสูงสุดต่างกันถึง 0.36 บาท หรือ 60%, หุ้น EWC ราคาปิดที่ 14.50 บาท ลดลง 2.70 บาท หรือ 15.70% โดยราคาต่ำสุดและสูงสุดต่างกันถึง 3.50 บาท หรือ 24.64%, หุ้น ASL ราคาปิดที่ 10.40 บาท ลดลง 1.30 บาท หรือ 11.11% โดยราคาต่ำสุดและสูงสุดต่างกันถึง 2.50 บาท หรือ 24.75%, หุ้น EMC ราคาปิดที่ 2.00 บาท ลดลง 0.14 บาท หรือ 6.54% โดยราคาต่ำสุดและสูงสุดต่างกันถึง 0.21 บาท หรือ 10.64%, หุ้น IEC ราคาปิดที่ 4.80 บาท ลดลง 0.20 บาท หรือ 4.00% โดยราคาต่ำสุดและสูงสุดต่างกันถึง 1.46 บาท หรือ 32.88% และหุ้น PICNI ราคาปิดที่ 0.68 บาท ลดลง 0.01 บาท หรือ 1.45% โดยราคาต่ำสุดและสูงสุดต่างกันถึง 0.27 บาท หรือ 45%   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us