เอไอเอปลื้มยอดขายกรมธรรม์ที่เสนอขายให้กับลูกค้าเอสเอ็มอี โดยในช่วงระยะเวลาแค่ 6 เดือน สามารถสร้างเบี้ยปีแรกให้บริษัทถึง 13.5 ล้านบาท พร้อมทั้งสร้างฐานลูกค้าที่เป็นเจ้าของธุรกิจขนาดย่อมกว่า 300 บริษัท ทั้งนี้ ผู้บริหารชี้ เป็นเพราะจุดเด่นเรื่องความสะดวกในการกำหนดค่ารักษาพยาบาลที่แน่นอน รวมทั้งยังสร้างขวัญกำลังใจให้กับพนักงานอย่างมาก

นายสุทธิ รจิตรังสรรค์ รองประธานอาวุโสฝ่ายบริหาร บริษัท อเมริกัน อินเตอร์แนชชั่นแนล แอสชัวรันส์ จำกัด (เอไอเอ) เปิดเผยว่า หลังจากที่เอไอเอได้นำเสนอกรมธรรม์ประกันกลุ่มคลาสิค พลัส และกรมธรรม์พรีเมียร์ พลัส ตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2548 ที่ผ่านมา ได้รับการตอบรับดีมาก โดยตั้งแต่ 6 เดือนที่ผ่านมามีเจ้าของธุรกิจขนาดย่อมให้ความสนใจกว่า 330 บริษัท ซึ่งบริษัทที่ไว้วางใจให้เอไอเอดูแลสวัสดิการประกันกลุ่มให้แก่พนักงานกว่า 3,800 คน ทำให้เอไอเอสามารถผลิตเบี้ยประกันรับปีแรกจากกรมธรรม์ 2 แบบนี้ได้ถึง 13.5 ล้านบาท

สำหรับกรมธรรม์ประกันกลุ่มคลาสิค พลัส เป็นกรมธรรม์ที่เอไอเอออกแบบขึ้นเพื่อธุรกิจขนาดเล็กที่มีพนักงาน 5-10 คน และกรมธรรม์พรีเมียร์ พลัส (Premier Plus) สำหรับธุรกิจที่มีพนักงาน 11-30 คน โดยกรมธรรม์ทั้งสองแบบนี้จะให้ความคุ้มครองพนักงานที่มีอายุ 15-59 ปี รวมถึงคู่สมรสของพนักงานที่มีอายุต่ำกว่า 60 ปี และบุตรของพนักงานที่มีอายุ 2 สัปดาห์ขึ้นไปถึง 18 ปีที่ยังไม่ได้สมรส

โดยจะให้ความคุ้มครองชีวิตทั้งในกรณีที่เสียชีวิตจากการเจ็บป่วยหรืออุบัติเหตุ การสูญเสียอวัยวะแขน ขา ตา การทุพพลภาพสิ้นเชิงถาวรเนื่องจากอุบัติเหตุหรือเจ็บป่วย ที่จะให้ความคุ้มครองตลอด 24 ชั่วโมงไม่ว่าการเสียชีวิต อุบัติเหตุ หรือการทุพพลภาพที่เกิดขึ้นจะเกิดในหรือนอกเวลาทำงานก็ตาม นอกจากนี้ ยังให้ความคุ้มครองครอบคลุมถึงค่าใช้จ่ายในการรักษาตัวในโรงพยาบาลและศัลยกรรม

ทั้งนี้ กรมธรรม์คลาสิค พลัส คิดเบี้ยประกันรายปีรายละประมาณ 1,416-15,512 บาท ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับเพศและอายุ ส่วนกรมธรรม์พรีเมียร์ พลัส จะให้ความคุ้มครองเพิ่มเติมกรณีการรักษาพยาบาลแบบผู้ป่วยนอก (OPD) ด้วย โดยค่าเบี้ยประกันรายปีจะประมาณคนละ 2,468-11,705 บาท

นอกจากนี้ ผู้ถือกรมธรรม์ประกันกลุ่มยังได้รับบัตรสิทธิพิเศษประกันหมู่ (Group Privileged Card) ที่สามารถใช้บริการ Fax Claim Service ในโรงพยาบาล สถานพยาบาล และคลินิกชั้นนำที่ร่วมโครงการกว่า 213 แห่ง ซึ่งเป็นบริการที่โรงพยาบาลจะติดต่อโดยตรงกับบริษัทเกี่ยวกับค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลกรณีผู้ป่วยในในวงเงินตามสิทธิความคุ้มครองภายในเวลา 45 นาที โดยผู้ถือกรมธรรม์ไม่ต้องสำรองค่าใช้จ่ายแต่อย่างใด

นายสุทธิ กล่าวว่า สาเหตุที่กรมธรรรม์ประกันกลุ่มทั้งสองแบบนี้ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี เนื่องจากช่วยให้เจ้าของธุรกิจสามารถกำหนดหรือทราบค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลที่แน่นอน และยังเป็นสวัสดิการรูปแบบหนึ่งที่จะช่วยสร้างขวัญและกำลังใจให้กับพนักงาน ซึ่งเจ้าของธุรกิจสามารถเลือกความคุ้มครองและผลประโยชน์ให้สอดคล้องกับความต้องการและความสามารถในการชำระเบี้ยได้

ขณะที่วงเงินความคุ้มครองก็มีให้เลือกตั้งแต่ 50,000 - 500,000 บาท ส่วนเบี้ยประกันก็มีตั้งแต่ 1,400-15,000 บาทขึ้นไป ขึ้นอยู่กับวงเงินความคุ้มครอง สวัสดิการค่ารักษาพยาบาลต่างๆ รวมทั้งเพศและอายุของผู้เอาประกัน นอกจากนี้ สำหรับผู้ที่ซื้อกรมธรรม์พรีเมียร์ พลัส ยังสามารถใช้บริการ OPD Credit ที่โรงพยาบาลและสถานพยาบาลที่ร่วมโครงการจะติดต่อเรื่องค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลกับบริษัทโดยตรง แม้ว่าจะเป็นการรักษาแบบผู้ป่วยนอกก็ตาม ซึ่งช่วยอำนวยความสะดวกให้แก่ผู้ถือกรมธรรม์เป็นอย่างมาก

"เอไอเอรู้สึกดีใจที่ริเริ่มและสนับสนุนให้มีความคุ้มครองและสวัสดิการค่ารักษาพยาบาลแก่พนักงานในธุรกิจขนาดย่อม เนื่องจากธุรกิจนี้อาจขยายใหญ่และเป็นธุรกิจส่งออกได้ในอนาคต นอกจากนี้ ยังเป็นหนึ่งในกระดูกสันหลังของธุรกิจโดยรวมของประเทศที่จะทำให้ระบบเศรษฐกิจของประเทศไทยมีความมั่นคงมากขึ้น"