สยามอินเตอร์มัลติมีเดีย ผู้บริหาร “สปอร์ต เรดิโอ” สุดทน ฟ้องทั้งอาญาและแพ่งเจ้าพ่อคลื่นวิทยุ “อิทธิวัฒน์ หรือ ปิติพัฒน์ เพียรเลิศ” ที่เสนอให้จัดรายการคลื่นฮ็อตของ บก.สูงสุด เอฟเอ็ม 101 ช่วงปลายปีที่แล้วด้วยเงินสดก้อนโตกว่า 20 ล้าน แต่เคลียร์คลื่นให้ไม่ได้ เจ้าตัวดิ้นแต่งตั้งทนายขอเลื่อนคดีอาญา ศาลเลื่อนนัดไต่สวนมูลฟ้อง 22 พฤษภาคมนี้ ยันเป้าหมายรายได้วิทยุเดิม 100 ล้านบาท หลังได้ช่วงเวลาคลื่น 105 วิสดอมเรดิโอแทน
นายปราชญ์ ไชยคำ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัท สยามอินเตอร์มัลติมีเดีย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า แม้ว่าบริษัทฯจะได้รับผลกระทบจากกรณีที่ไม่ได้ทำวิทยุคลื่น 101 เอฟเอ็ม ตามที่ได้มีการเจรจาและตกลงกันไว้กับทางบริษัท บรอดคาสติ้ง เน็ตเวอร์ค จำกัดก็ตาม เพราะได้เกิดการผิดสัญญาจากคู่กรณี ทำให้แผนการดำเนินงานต้องมีการปรับเปลี่ยนโดยเฉพาะแผนการทำตลาดในช่วงฟุตบอลโลกปีนี้ แต่ทั้งนี้ยังยืนยันตามเป้าหมายยอดขายเดิมที่ตั้งไว้ประมาณ 100 ล้านบาท
โดยบริษัทฯได้เข้าบริหารคลื่นวิทยุ 105 วิสดอมเรดิโอของสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทยแทน ในช่วงเวลา 20.30-09.00 น.ทุกวันจันทร์-วันศุกร์ และช่วงเวลา 17.00-07.00 น. ทุกวันเสาร์และอาทิตย์ ซึ่งเริ่มตั้งแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา เป็นรูปแบบสปอร์ตเรดิโอ จากเดิมที่คาดว่าจะได้ทั้ง 24 ชั่วโมงจากคลื่น 101
นอกจากนั้นทางฝ่ายบริหารบริษัทฯยังได้ให้ทีมงานฝ่ายขายและฝ่ายการตลาดไปจัดแผนการทำงานเพื่อไปให้ได้ถึงเป้าหมายด้วย ซึ่งลูกค้าส่วนใหญ่ที่เป็นลูกค้ารายใหญ่กันมานานก็เข้าใจ ยังไม่มีการถอนโฆษณาออกจากเดิมที่ได้มีการเจรจากันไว้ และพร้อมที่จะนำเม็ดเงินมาลงโฆษณาในคลื่นที่ได้ใหม่แทน
สำหรับช่วงฟุตบอลโลกนี้บริษัทฯได้เตรียมแคมเปญต่างๆไว้แล้วโดยไม่มีการละเมิดลิขสิทธิ์ และตั้งเป้าหมายลูกค้าประมาณ 6 ราย ซึ่งขณะนี้ได้แล้วคือ รถจักรยานยนต์ฮอนด้า ส่วนที่เหลือคาดว่าจะสามารถสรุปได้ประมาณปลายเดือนนี้ นอกจากนั้นก็จะมีการทำโรดโชว์และจัดกิจกรรมต่างๆ
ฟ้องอิทธิวัฒน์เบี้ยวสัญญา
ทั้งนี้ นายปราชญ์ ไชยคำ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัท สยามอินเตอร์มัลติมีเดีย จำกัด (มหาชน) ซึ่งได้รับมอบอำนาจจากบริษัทฯ ให้เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายอิทธิวัฒน์ หรือ ปิติพัฒน์ เพียรเลิศ มีฐานะเป็นกรรมการของบริษัท และ ฐานะนิติบุคคล ของบริษัท บรอดคาสติ้ง เน็ตเวอร์ค จำกัด เป็นจำเลยที่ 1 และ 2 ในข้อหาฉ้อโกง เนื่องจากจำเลยที่ 1 และ 2 อ้างว่าเป็นผู้มีสิทธิในการออกอากาศคลื่นวิทยุ เอฟเอ็ม 101 เมกกะเฮิร์ตซ์ กอง บก.ทหารสูงสุด และเสนอให้โจทก์ผลิตรายการข่าวสารและกีฬาออกอากาศ ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2549
จำเลยทั้งสองได้ทำบันทึกข้อตกลงให้กับโจทก์ในการออกอากาศที่คลื่นวิทยุ เอฟเอ็ม 101 เมกกะเฮิร์ตซ์ โดยเรียกเงินจำนวน 20,400,000 บาท พร้อมภาษีมูลค่าเพิ่ม 1,428,000 บาท และโจทก์ได้จ่ายเงินจำนวน 21,828,000 บาท โดยโอนให้จำเลยในวันที่ 2 ธันวาคม 2548 จำนวน 10,000,000 บาท และส่วนที่เหลือ 11,828,000 บาทได้โอนในวันที่ 16 ธันวาคม 2548
การยื่นฟ้องในคดีอาญา ศาลแขวงพระโขนงได้นัดไต่สวนมูลฟ้อง วันที่ 6 มีนาคม 2549 แต่จำเลยได้ให้ทนายไปขอเลื่อนคดีออกไป โดยจะขอเวลาในการหาเงินมาชำระให้กับโจทก์ ศาลจึงให้เลื่อนไปนัดไต่สวนมูลฟ้องใหม่ในวันที่ 22 พฤษภาคม 2549 เวลา 9.00 น.
ส่วนการฟ้องคดีแพ่งนั้น นายปราชญ์ กล่าวอีกว่า ได้ยื่นฟ้องในข้อหาละเมิด ผิดสัญญาและเรียกค่าเสียหายต่อศาลแพ่งกรุงเทพใต้ เมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา โดยขอให้จำเลยชำระเงินที่รับไปแล้วรวมดอกเบี้ยจำนวน 22,088,141.92 บาท และเรียกค่าขาดประโยชน์อีกจำนวน 25,000,000 บาท รวมทั้งสิ้น 47,088.141.92 บาท
“ผมไม่รู้จักคุณปิติพัฒน์ หรือคุณอิทธิวัฒน์ เป็นการส่วนตัว แต่ทราบว่า คุณปิติพัฒน์ เป็นผู้ทำธุรกิจเกี่ยวกับสถานีวิทยุ เมื่อมีการเจรจาและพูดคุยทางธุรกิจ ผมเห็นว่าเป็นเรื่องทางธุรกิจที่ต้องจ่ายเงินกันอยู่แล้ว เราก็จ่ายตามที่คุณปิติพัฒน์ แจ้งมา เมื่อคนทำธุรกิจรับเงินแล้ว และให้ความมั่นใจในการจัดหาคลื่นและส่งมอบคลื่นจะต้องทำให้ได้ แต่เมื่อไม่ได้คลื่น เราเสียหาย จึงต้องขอพึ่งบารมีศาล ยื่นฟ้องอาญา และ แพ่ง ไม่แน่ว่าจะมีอีกกี่รายที่โดนในลักษณะเดียวกันนี้” นายปราชญ์กล่าว
|