ไทยยูนิคอยล์ เตรียมยื่นหนังสือขอขยายเวลาไซเรนพีเรียดออกไปอีก 1 ปี หวังสร้างภาพให้นักลงทุนมั่นใจในราคาหุ้น พร้อมตั้งเป้าโกยรายได้ปีนี้อยู่ที่ระดับ 1.5 พันล้านบาท ด้านผู้บริหาร คาดรายได้ปี 49 โต 12-15% เตรียมซื้อเครื่องจักรใหม่เพิ่มกำลังการผลิต

นายวิเชียร เอื้อสงวนกุล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์ ซีมิโก้ จำกัดในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินและแกนนำในการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้นบริษัท ไทยยูนีคคอยล์เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ TUCC เปิดเผยว่า บริษัทจะทำหนังสือถึงตลาดหลักทรัพย์ฯ เพื่อขอขยายระยะการขายหุ้นของผู้ถือหุ้นเดิม (ไซเรนพีเรียด) ออกไปอีก 1 ปี จากกำหนดเดิมที่จะพ้นระยะเวลาไซเรนพีเรียดในเดือนมีนาคมนี้ เพื่อเป็นการสร้างความมั่นใจให้กับนักลงทุนรายย่อยว่าผู้ถือหุ้นใหญ่ของบริษัทไม่สามารถขายหุ้นออกมาได้ และจะไม่กระทบกับราคาหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ฯ

ด้านผลการดำเนินงานนั้น ในปี 2549 นี้ บริษัทคาดว่าจะมีรายได้อยู่ในระดับ 1.5 พันล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่มีรายได้รวม 1.23 พันล้านบาท และคาดว่าจะสามารถจ่ายเงินปันผลให้กับผู้ถือหุ้นได้ หลังจากงวดปี 2548 ไม่สามารถจ่ายเงินปันผลได้ แต่ต้องขึ้นอยู่กับการพิจารณาของคณะกรรมการบริษัท

นายทรงชัย ลีละวินิจกุล รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารและประธานเจ้าหน้าที่บริหารการเงิน บริษัท ไทยยูนีคคอยล์ เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ตามที่บริษัทได้ซื้อเครื่องจักรผลิตท่อสเตนเลสขนาดเล็กจำนวน 4 เครื่อง ทำให้มีกำลังการผลิตท่อสเตนเลสเพิ่มเป็น 1.8 หมื่นตัน/ปี รวมกับการขยายพื้นที่โรงงานในนิคมฯบางปู ทำให้มีกำลังการผลิตรวมในปีนี้เพิ่มขึ้นเป็น 6 .5 หมื่นตัน/ปี และมีกำลังการผลิตจริง 2.6 หมื่นตันคิดเป็น 40%ของกำลังการผลิตรวม เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่เครื่องจักรมีกำลังการผลิต 5.2 หมื่นตัน/ปี ผลิตจริง 1.8 หมื่น ตัน/ปี คิดเป็น 34%ของกำลังการผลิตรวม

"ในปี 2549 บริษัทฯคาดว่าจะมีรายได้จากการขายเติบโตเพิ่มขึ้น 12-15%ใกล้เคียงการขยายตัวของอุตสาหกรรมสเตนเลสในประเทศ ซึ่งปีที่ผ่านมา บริษัทมียอดขายรวม 1,235.75 ล้านบาท ส่วนอัตรากำไรสุทธิในปีนี้จะใกล้เคียงกับปีที่แล้ว คือไม่ต่ำกว่า 10% นอกจากนี้ บริษัทฯ มีแผนจะขยายตลาดส่งออกไปยังต่างประเทศเพิ่มขึ้นเป็น 5% จากปีก่อนที่มีการส่งออกเพียง 0.14% เน้นส่งออกไปยังกลุ่มประเทศตะวันออกกลาง และอาเซียน"

บริษัทฯ ได้ออกผลิตภัณฑ์ใหม่คือ ท่อสเตนเลสและแผ่นสเตนเลสขัดลาย ท่อสเตนเลสแบบเกลียวป้อนตลาดตกแต่งและเฟอร์นิเจอร์ในปีนี้ด้วย ซึ่งผลิตภัณฑ์ดังกล่าวจะช่วยเพิ่มมูลค่าสินค้าสูงขึ้น โดยเฉพาะแผ่นสเตนเลสขัดกระจกเงา ที่มีมาร์จิน 30% ขณะนี้บริษัทฯอยู่ระหว่างดำเนินการจดสิทธิบัตรคุ้มครองลายของแผ่นสเตนเลสที่บริษัทฯ ออกแบบด้วย

นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังคงหาพันธมิตรจะเน้นStatigic Partner เพื่อโตไปด้วยกันมีทั้งคู่ค้าและซัปพลายเออร์ โดยต่างประเทศสนใจที่จะเป็นเอเย่นต์จัดจำหน่าย เช่น ดูไบและอิหร่าน เป็นต้น ซึ่งบริษัทต้องการหาพันธมิตรเพื่อช่วยต่อยอดการดำเนินธุรกิจ และเพิ่มช่องทางการจำหน่าย โดยในเบื้องต้นอยู่ระหว่างการหารือกับผู้เกี่ยวข้อง

สำหรับผลการดำเนินงานปี 2548 บริษัทฯมีรายได้รวม 1,235.75 ล้านบาท เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบจากปีก่อนที่มีรายได้รวม 803.86 และมีกำไรสุทธิ 120.54ล้านบาท เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 22.44 ล้านบาท