|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
 |
PLE แจงงบปี48กำไรหด เพราะค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารเพิ่ม 50% อีกทั้งการตั้งสำรองหนี้สูญกว่า 100 ล้านบาท ขณะที่โครงการ Boa Bae เปิดขายแล้ว ทะยอยรับรู้รายได้เดือนเมษายนนี้เป็นต้นไป คาดได้รับเงินกู้หนุนโครงการ 500 ล้านบาท จากสถาบันการเงินในเดือนมีนาคม 49 นี้
นายเสวก ศรีสุชาต ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เพาเวอร์ไลน์ เอ็นจิเนียริ่ง จำกัด (มหาชน) (PLE) ชี้แจงข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับงบการเงินของบริษัท ประจำปี 48 สิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 48 เพื่อให้ผู้ลงทุนได้รับทราบข้อมูลที่ชัดเจน
โดยบริษัทมีรายได้จากการให้บริการเพิ่มขึ้นอีก 24.5% เป็นจำนวนเงิน 5.25 พันล้านบาท เมื่อเปรียบเทียบกับปี 47 ที่ 4.21 พันล้านบาท ซึ่งเป็นผลมาจากการรับรู้รายได้ของงานที่เพิ่มขึ้นทั้งในประเทศ และที่ประเทศ Qatar
ขณะที่กำไรขั้นต้นในปี 2548 เพิ่มขึ้น 33.9% เป็น 708.5 ล้านบาท เมื่อเปรียบเทียบกับปี 47ที่ 529.2 ล้านบาท และอัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้นเป็น 13.5% เมื่อเทียบกับปี 47 ที่ 12.6% นับได้ว่าอยู่ในเกณฑ์ที่ดีขึ้น แต่ต่ำกว่าเป้าหมายที่ทางบริษัทคาดไว้ เนื่องจากต้นทุนของวัสดุบางตัวที่เพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด เช่น สายไฟฟ้ามีการปรับราคาสูงขึ้นประมาณ 50% แม้ว่าบริษัทจะได้ใช้วิธีการจัดการควบคุมอย่างดีแล้วประกอบกับค่าแรงทางตรงที่สูงขึ้น
สำหรับค่าใช้จ่ายในการบริหารเพิ่มขึ้นเป็น 242.6 ล้านบาท สูงขึ้น 48% เมื่อเปรียบเทียบกับปี 47 ที่ 164 ล้านบาท อัตราค่าใช้จ่ายในการบริหารต่อรายได้เพิ่มขึ้นเป็น 4.6% เมื่อเทียบกับ 3.9%ในปี 47 ซึ่งเป็นผลมาจากการเพิ่มขึ้นของเงินเดือนพนักงานและผู้บริหาร ประกอบกับการตั้งด้อยค่าในส่วนของอาคารและที่ดินของบริษัท จำนวน 12.2 ล้านบาท
นอกจากนั้นบริษัทยังมีความจำเป็นที่ต้องตั้งสำรองหนี้สูญเพิ่มขึ้น เป็น 112.5 ล้านบาท เมื่อเปรียบเทียบกับปี 47 จำนวน 1.2 ล้านบาทซึ่งเป็นผลมาจากการตั้งสำรองหนี้ลูกค้าราย บริษัท บำรุงเมืองพลาซ่า จำกัด จำนวน 80 ล้านบาทและ บริษัท ภูเก็ตสแควร์ จำกัด จำนวน 10 ล้านบาท ส่วนที่เหลือเป็นของลูกหนี้หลายรายที่อยู่ระหว่างการดำเนินคดีและติดตามทวงถามรวมกัน จำนวน 22.5 ล้านบาท
จากสาเหตุดังกล่าวข้างต้นทำให้กำไรสุทธิของบริษัทลดลงจาก 276.1 ล้านบาท ในปี47 เป็น 241.8 ล้านบาท ในปี 48, ลดลง 14.2 % และอัตรากำไรสุทธิต่อรายได้ลดลงจาก6.5% ในปี 47 เป็น 4.6% ในปี 48
สำหรับความคืบหน้าของการแก้ไขหนี้ลูกหนี้ราย บริษัท บำรุงเมืองพลาซ่า จำกัด ตามที่ได้เคยแจ้งไว้ตามหนังสือของบริษัท วันที่ 1 พฤศจิกายน 48 ปัจจุบันโครงการ Boa Bae ได้เริ่มเปิดตัวขายไปแล้วและคาดว่าจะเริ่มมีรายได้เข้ามาตั้งแต่เดือนเมษายน 49 เป็นต้นไป
โดยเงินทุนของโครงการคาดว่าจะได้รับการสนับสนุนเงินกู้ประมาณ 500 ล้านบาท จากสถาบันการเงินในเดือนมีนาคม 49 นี้ โดย PLE เป็นผู้ค้ำประกันวงเงินกู้ดังกล่าวตามที่ได้รับอนุมัติจากที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น ในวันที่ 29 ธันวาคม 48 ไว้แล้ว สำหรับการก่อสร้างโดยรวมแล้วเสร็จไปแล้ว 60%โดยจะแล้วเสร็จและส่งมอบให้ลูกค้าได้ภายในเดือนมิถุนายน 49 และคาดว่าจะทำให้ PLE ได้รับชำระหนี้คืนครบถ้วนตามบันทึกข้อตกลงที่กำหนดไว้
ส่วน กรณีลูกหนี้ราย บริษัท ภูเก็ตสแควร์ จำกัด ปัจจุบันอยู่ในการพิจารณาของศาลอุทธรณ์สำหรับการฟื้นฟูกิจการ ในขณะเดียวกันมีกลุ่มนักลงทุนจากประเทศสิงค์โปร์กำลังดำเนินการที่จะขอซื้อโครงการทั้งหมด ซึ่งคาดว่าจะสรุปได้ในเดือนเมษายน 48 นี้ ซึ่งในส่วนนี้น่าจะทำให้ PLE ได้รับชำระหนี้ทั้งหมดคืนได้โดยเร็ว
อย่างไรก็ตามแม้ว่าผลการดำเนินงานงวดสิ้นปี48 จะลดลง บริษัทยังประกาศจ่ายเงินปันผลให้กับผู้ถือหุ้นในอัตราหุ้นละ 30 สตางค์ ให้แก่ผู้ถือหุ้นซึ่งปรากฏรายชื่อในสมุดทะเบียนผู้ถือหุ้น ณ.วันที่ 3 เมษายน 49 ณ. เวลา 12.00 น. โดยกำหนดจ่ายเงินปันผลในวันที่19 พฤษภาคม 49
|
|
 |
|
|