|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
UMS เตรียมงบปีนี้ 300 ล้านบาท เพื่อ.ซื้อเครื่องจักรและสร้างคลังสินค้า พร้อมเผยมีแผนเพิ่มทุนสร้างคลังสินค้าแห่งที่ 2 หากตลาดถ่านหินขยายตัวต่อเนื่อง คาดปีนี้รายได้โต 30% และจะรักษากำไรขั้นต้นให้อยู่ที่ระดับ 25-30%
นายชัยวัฒน์ เครือชะเอม กรรมการผู้จัดการ บริษัท ยูนิค ไมนิ่งเซอร์วิสเซสจำกัด (มหาชน) (UMS )กล่าวว่าปีนี้บริษัทตั้งเป้ารายได้โต 30% จากปีก่อนหน้าที่มีรายได้ 1,125 ล้านบาทเนื่องจากบริษัทฯมีลูกค้าเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องโดยเฉพาะกลุ่มลูกค้าอุตสาหกรรมขนาดกลางและขนาดเล็กที่เป็นลูกค้าหลัก
โดยบริษัทฯจะมีการขยายฐานลูกค้าเพิ่มขึ้นโดยเฉพาะกลุ่มอุสาหกรรมที่ใช้น้ำมันเตาเป็นเชื่อเพลิงซึ่งบริษัทฯได้มีการชี้แจงต่อเนื่องว่าการใช้ถ่านหินจะมีต้นทุนที่ถูกกว่าการใช้น้ำมันเตา โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการติดตั้งหม้อไอน้ำที่ใช้ถ่านหินเป็นเชื่อเพลิงให้กับลูกค้ามากกว่า 20 ราย ซึ่งจะส่งผลให้มีลูกค้าเพิ่มขึ้นกว่า 20 รายจากปัจจุบันที่มีลูกค้ามากกว่า 80 ราย ตามเป้าหมายเกิน 100 รายในปีนี้ และจะเน้นกลุ่มลูกค้าอุตสาหกรรมทั้งขนาดกลาง และขนาดเล็กยังเน้นกลุ่มลูกค้าขนาดใหญ่เพิ่มขึ้นด้วย
อย่างไรก็ดี ในปี 49 บริษัทฯ ทุ่มงบลงทุน 300 ล้านบาท เพื่อดำเนินการก่อสร้างคลังสินค้าและท่าเทียบเรือ จังหวัดสมุทรสาครเพื่อรองรับปริมาณสต็อกสินค้าและช่วยลดต้นทุนการขนส่ง โดยบริษัทจะใช้เงินกำไรจากการดำเนินงานจากปีก่อนบวกกับเงินที่ได้จากการขายหุ้น IPO โดยทางบริษัทฯเตรียมซื้อเครื่องจักรบางส่วนและปรับปรุงคลังสินค้าหลังจากก่อนหน้านี้ได้ซื้อที่ดินและพัฒนาที่ดินไปแล้วบางส่วน ซึ่งเบื้องต้นคาดว่าคลังสินค้าดังกล่าวจะดำเนินการแล้วเสร็จทันภายในปีนี้
นอกจากนี้ ทางบริษัทฯมีแผนสร้างคลังสินค้าแห่งใหม่ 3 - 5 แห่งภายในระยะเวลา 3 ปีจากนี้แต่หากปริมาณการใช้ถ่านหินขยายตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่องทางบริษัทฯอาจปรับแผนเพิ่มการสร้างคลังสินค้าเป็น 5 - 7 แห่งในระยะเวลา 3 ปีจากนี้ ซึ่งแหล่งเงินทุนดังกล่าวอาจมาจากการเพิ่มทุนหรือผลกำไรจากผลการดำเนินงานขึ้นอยู่กับความเหมาะสม
สำหรับอัตรากำไรขั้นต้น(Gross Margin) บริษัทจะรักษาให้อยู่ในระดับ 25-30% โดยในปีที่ผ่านมาทางบริษัทฯมีกำไรอัตราขั้นต้น 31% โดยในปีนี้ก็จะพยายามรักษาอัตรากำไรขั้นต้นให้ได้ประมาณ 30% เนื่องจากมีการบริหารต้นทุนให้ลดลงโดยหากมีการสร้างคลังสินค้าแล้วเสร็จเร็วก็จะทำให้บริษัทฯมีกำไรขั้นต้นดีขึ้น ขณะเดียวกันตั้งเป้ารักษาหนี้สินต่อทุน (D/E) ให้ได้ในระดับไม่เกิน 1 เท่า จากปัจจุบันที่มี D/E ในระดับ 0.79 เท่า เพื่อให้บริษัทฯมีความสามารถในการแข่งขันทางธุรกิจ
|
|
|
|
|