|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
ศูนย์เช่าฯ ซึทาญ่า กวาดรายได้ปีที่ผ่านมากว่า 1,500 ล้านโต 25% ระบุธุรกิจศูนย์เช่าฯ ยังขาขึ้น ชูนโยบายปี 49 เพิ่มยอดขาย เสริมความแกร่ง ตั้งเป้าโต 20% เป็นเม็ดเงิน 1,800 ล้านขยายสาขาสูงสุด 72 สาขาดึงพันธมิตรอาหาร-เครื่องดื่ม ล่าสุดมุ่งสร้างแบรนด์รอยัลตี้ออกบัตรพ้อยท์โตะ
ธุรกิจศูนย์วีซีดี ดีวีดี เติบโตต่อเนื่องมีมูลค่าตลาดรวมกว่า 8,000 ล้านบาทในปีที่ผ่านมา ซึ่งเป็นธุรกิจที่สวนทางกับภาวะเศรษฐกิจ เพราะความบันเทิงภายในบ้านจากการดูภาพยนต์ยังมีราคาที่ถูกกว่านอกบ้าน
สอดคล้องกับข้อมูลของ บริษัท ซึทาญ่า (ประเทศไทย) จำกัด ที่มีผลประกอบการในรอบปีที่ผ่านมาเติบโต 25% สร้างสร้างได้กว่า 1,500 ล้านบาท ซึ่งรายได้มาจาก 2 ส่วนคือศูนย์เช่า 70% สินค้า 30% เช่นแผ่นหนัง
วันชัย พละพงศ์พาณิช ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ซึทาญ่า (ประเทศ) จำกัด มองปรากฏการณ์ของธุรกิจที่เกิดขึ้นในปี 2549 ว่า 1.ต้นทุนสินค้าดีวีดีสูงขึ้นจากค่าลิขสิทธิ์ที่ปรับตัวต่อเนื่อง 2.เครื่องเล่นดีวีดีมีราคาถูกลง 3.สัดส่วนของการจำหน่ายสินค้าคือแผ่นหนังจะลดลงจากปัจจัยหลักที่อิงตลาดผู้บริโภคในอเมริกาคือเลือกซื้อเฉพาะหนังฟอร์มใหญ่ นักแสดงที่มีชื่อเสียงและหนังประเภทดูซ้ำได้เช่น การ์ตูน
ซึทาญ่าได้แปรปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นนโยบายในปี 2549 พร้อมกับการเติบโตตามเป้าหมายที่ตั้งไว้กับศักยภาพธุรกิจที่เติบโตได้ ขยายสาขาอีก 72 สาขาใน 25 จังหวัดที่ยังไม่มีซึทาญ่าฐานสมาชิก 2.75 ล้านคน
โดยมุ่งเพิ่มการสร้างรายได้ในแต่ละสาขาเพิ่มขึ้น ด้วยกลยุทธ์ต่างๆ มาเป็นตัวกระตุ้น ล่าสุดได้เปิดตัวบัตรพ้อยโตะ (Pointo) สำหรับการสะสมแต้มทุก 20 บาทได้ 1 แต้ม สำหรับแลกของรางวัล เช่น เช่าหนังฟรี ค่าปรับคืนหนังช้า แลกเป็นริงโทนดาวน์โหลด หรือแลกซื้อสินค้าภายใต้แบรนด์ซึทาญ่าหรือพาร์ทเนอร์ได้ คาดว่าจะดำเนินการครบทุกสาขาในเดือนมิถุนายนนี้
และอยู่ระหว่างติดต่อพันธมิตรเพื่อคัดเลือกอาหาร เครื่องดื่ม และสินค้าต่างๆ เข้ามาวางจำหน่ายในร้าน โดยจะมีการพิจารณาสินค้าให้มากขึ้น ร่วมถึงการขยายฐานลูกค้ากลุ่มเด็กอายุระหว่าง 10-19 ปี ซึ่งอาจจะมีโปรดักส์ต่างๆ มาสนับสนุนในการเช่า เพื่อสร้างการรับรู้แบรนด์ซึทาญ่าตั้งแต่วัยเด็ก ซึ่งเป็นกลยุทธ์ที่แมคโดแนลทำมีชุดแฮปปี้มิลล์ควบคู่กับชุดเด็ก
"สัดส่วนสินค้าในร้านซึทาญ่าจะมีสัดส่วนของดีวีดีสูงขึ้น ทำให้ลดพื้นที่การจัดวางสินค้าลง ส่งผลให้มีพื้นที่ว่างมากขึ้นเฉลี่ย 20% ต่อร้าน พื้นที่ว่างนี้สามารถสร้างรายได้จากสินค้าที่จะนำเข้ามาบริการ"
นอกจากนี้ ยังเป็นปีที่ซึทาญ่าตั้งเป้าขยาย 72 สาขากระจายในทุกจังหวัด จะส่งให้ซึทาญ่ามีสาขาทั้งสิ้น 323 สาขา ทั้งนี้พบว่าในอีก 25 จังหวัดส่วนใหญ่ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือนั้นจะยังมีสาขาซึทาญ่าค่อนข้างน้อย โดยบริษัทจะทำแผนเชิงรุกยังกลุ่มจังหวัดเป้าหมาย หากการขยายสาขาเป็นไปตามเป้าที่ตั้งไว้จะทำให้ปี 2549 เป็นปีที่ซึทาญ่าขยายสาขาได้สูงสุดเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมาที่ 51 สาขา
พร้อมสนับสนุนแฟรนไชซี เพื่อลดต้นทุน ที่ต้องซื้อ เพื่อสนับสนุนในเมื่อศักยภาพบริษัทดีขึ้น ต้องคืนกลับคู่ค้า ในปีนี้มากถึง 10% ลดต้นทุนเฉลี่ย 6-10% เช่น ถุงใส่สินค้า และลงทุนระบบ เพื่อเพิ่มความสะดวกในการดำเนินการมากยิ่งขึ้น นำข้อมูลมาพัฒนาการบริการลูกค้า และทำให้สามารถเข้าใจพฤติกรรมผู้บริโภคมากยิ่งขึ้น
"ได้ลงทุนระบบ sap เพื่อเป็นบริการให้ภายในร้านเพื่อต่อเชื่อมกันในแต่ละสาขา ซึ่งจะเริ่มในเดือนพฤษภาคมนี้ ทั้งนี้บริษัทจะมีการจัดอบรมเพิ่มสำหรับฟรนไชซีเพื่อเรียนรู้บริการใหม่ที่เกิดขึ้น ซึ่งเป็นเซอร์วิสที่ติดต่อข่าวสารกับสมาชิก เพื่อสร้างคอมมูนิตี้เกิดขึ้นในกลุ่มสมาชิกสำหรับการพัฒนาระบบตั้งงบไว้สูงถึง 60 ล้านบาทพัฒนาต่อเนื่องตั้งแต่ปีที่ผ่านมาและจนถึงปี 2550"
ทางด้านการให้บริการเว็บ/ โมบาย เซอร์วิส โดยร่วมกับพันธมิตรให้บริการบนเว็บไซค์ สมาชิกสามารถเข้าไปเช็คข้อมูลเกี่ยวกับหนังที่เคยดู เช็คแต้ม และแลกแต้ม ซึ่งจะทำให้มีฐานสมาชิกที่ครบสมบูรณ์และสามารถนำข้อมูลไปใช้งานได้
นอกจากนี้ยังเพิ่มงบการตลาดจากปีที่ผ่านมา 14 ล้านบาทเป็น 20 ล้านบาท เพื่อช่องทางโฆษณาสื่อทีวี วิทยุ นิตยสาร เพื่อประชาสัมพันธ์ข่าวสารสาขาแฟรนไชส์ให้เป็นที่รับรู้ในวงกว้างยิ่งขึ้น
|
|
|
|
|