กระเบื้อง“อาร์ ซี ไอ” ประเมินสถานการณ์ปีนี้ ปัจจัยลบเริ่มคลี่คลาย แม้การเมืองยังวุ่นวาย ประกาศลุยขยายตลาดกระเบื้องเต็มสูบ หลังทุ่มกว่า 100 ล้านบาท เทคโอเวอร์ RABT ผู้ผลิตกระเบื้องดินเผา หวังเพิ่มสินค้าครบวงจร ตั้งเป้าโกยยอดขายเฉียด 2,000 ล้านบาท

ภายหลังจากปัจจัยลบต่าง ๆ เริ่มคลี่คลายลง ไม่ว่าจะเป็นเหตุการณ์สึนามิ ไข้หวัดนก น้ำมันแพง ดอกเบี้ยขาขึ้น ภัยแล้ง น้ำท่วม รวมถึงปัญหาความไม่สงบทางภาคใต้ ทั้งนี้ ทุกสถานการณ์เริ่มปรับตัวในทิศทางที่ดีขึ้น และคิดว่าปีนี้จะเป็นปีที่สภาพตลาดปรับสมดุล และเข้าสู่ภาวะปกติ

อย่างไรก็ตาม แม้ว่าสถานการณ์ต่าง ๆจะดีขึ้น แต่ในส่วนของต้นทุนการผลิตยังเพิ่มขึ้นเช่นเดิม ซึ่งเป็นต้นทุนที่สะท้อนความเป็นจริง โดยปีที่ผ่านมา ผู้ประกอบการไม่สามารถคำนวณต้นทุนที่แท้จริงได้ เพราะราคาน้ำมันไม่คงที่อยู่ในช่วงขาขึ้น รวมถึงอัตราดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้การคำนวณต้นทุนค่อนข้างลำบาก แต่ปัจจุบันทั้งราคาน้ำมันและอัตราดอกเบี้ยเริ่มคงที่แล้ว ทำให้สามารถรู้ต้นทุนที่เพิ่มขึ้นได้ โดยเฉลี่ยมีต้นทุนเพิ่มขึ้น 3-5%

สัญญา นองสุวรรณ กรรมการผู้จัดการสายงานตลาด บริษัท โรแยล ซีรามิค อุตสาหกรรม จำกัด (มหาชน) ผู้ผลิต และจำหน่ายกระเบื้องเซรามิค กระเบื้องดินเผา ประเภทบุผนัง และปูพื้น “RCI” และ “Modena” เปิดเผยว่า ปีนี้บริษัทมีแผนที่จะรุกตลาดอย่างจริงจัง หลังจากที่ปีก่อนเตรียมรับมือกับปัจจัยลบรอบด้าน ทั้งสภาพเศรษฐกิจ ตลาดอสังหาริมทรัพย์ ราคาน้ำมัน และดอกเบี้ย

โดยในปีนี้สถานการณ์ต่าง ๆ เริ่มเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางที่ดีขึ้น บริษัทจึงเตรียมแผนขยายตลาดอย่างเต็มที่ ซึ่งจะทำตลาดสินค้าให้ครบวงจร และขยายฐานลูกค้ามากขึ้น หลังจากที่เทคโอเวอร์บริษัท โรแยลเอเชียบริคแอนด์ไทล์ จำกัด( RABT) ผู้ผลิตและจำหน่ายกระเบื้องดินเผา ด้วยเงินกว่า 100 ล้านบาท และตั้งเป้าจะเพิ่มส่วนแบ่งตลาดเป็น 9% จากที่ปีก่อนที่มีส่วนแบ่งตลาดอยู่ที่ 7% เนื่องจากมีสินค้าที่หลากหลาย เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภค คือ กระเบื้องดินเผา (Clay Tile) โดย RABT เป็นผู้นำตลาดกระเบื้องดินเผา และส่งผลให้บริษัทมีส่วนแบ่งตลาดมูลค่ากว่า 250ล้านบาทในสินค้าประเภทนี้

ในปี 2548 มียอดขายประมาณ 1,481 ล้านบาท มีส่วนแบ่งการตลาดอยู่ที่ 7% ของตลาดรวม 22,636 ล้านบาท แบ่งเป็นยอดขายภายในประเทศ 1,434 ล้านบาท และตั้งเป้ายอดขายปี 2549 ไว้ที่ 1,975 ล้านบาท คิดเป็นอัตราการเติบโตถึง 34% จากปี 2548

สัญญากล่าวถึงตลาดรวมกระเบื้องเซรามิคปี 2548 ว่า มีมูลค่า 22,636 ล้านบาท คิดเป็นอัตราการเติบโตที่ 8% จากปี 2547 โดยตลาดในประเทศมีมูลค่า 18,924 ล้านบาท โดยมียอดขายปี 2548 รวม 186 ล้านตารางเมตร ขายในประเทศ 165 ล้านตารางเมตร และส่งออก 21 ล้านตารางเมตร มีมูลค่าส่งออก 3,725.5 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 16% มีตลาดหลักที่สหรัฐอเมริกา 32.7% อาเซียน 19% และสหภาพยุโรป 7.2%

สำหรับปี 2549 ตลาดรวมกระเบื้องเซรามิคจะขยายตัวดีกว่าปีก่อน โดยตลาดรวมจะเพิ่มขึ้นประมาณ 10% หรือคิดเป็น 25,000 ล้านบาท ซึ่งจะได้รับอานิสงจากการลงทุนโครงการ ขนาดใหญ่ของรัฐบาล รวมถึงโครงการก่อสร้างภาคเอกชนโดยเฉพาะจากการที่ รัฐบาลเร่งก่อสร้างระบบโครงข่ายคมนาคมเชื่อมโยงมากขึ้น ทั้งในกรุงเทพฯ และปริมณฑล ทำให้เกิดทำเลที่อยู่อาศัยที่มีศักยภาพเพิ่มขึ้นมาก

ส่วนภาพรวมของธุรกิจก่อสร้างปี 2548 คาดว่ามีมูลค่า 641,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2547 ราว 12.7% เป็นการเพิ่มขึ้นจากการก่อสร้างของภาครัฐ 15.3% คิดเป็นจำนวน 339,730 ล้านบาท ขณะที่การก่อสร้างภาคเอกชนมีจำนวน 301,270 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9.9% :ซึ่งเป็นจำนวนที่ชะลอตัวลงเมื่อเทียบกับปี 2547 ที่เพิ่ม 20.2 %

ด้านการทำการตลาด จะเน้นการจำหน่ายผ่านตัวแทนจำหน่ายที่มีอยู่ 470 รายทั่วประเทศ โดยให้ความสำคัญกับการขยายฐานลูกค้าใหม่มากขึ้น ซึ่งจะเน้นการสร้างความสัมพันธ์ตัวแทนจำหน่าย หรือCRM (Customer Relation Management) เพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งของช่องทางการจัดจำหน่าย

นอกจากนี้ ยังได้พัฒนารูปแบบของช่องทางการจัดจำหน่ายผ่านร้านตัวแทนจำหน่าย ในลักษณะของ RCI Solutions ซึ่งประสบความสำเร็จอย่างดีในตลาดต่างจังหวัด และนำมาพัฒนาในกรุงเทพฯ โดยมีการให้บริการแก้ไขปัญหาแบบครบวงจรที่มีให้แก่ลูกค้าได้แก่ การแสดงการปูกระเบื้องตัวอย่างเสมือนการใช้งานจริงเพื่อให้ผู้บริโภคเห็นภาพจริงก่อนตัดสินใจ การบริการออกแบบและวางแบบกระเบื้อง (Tile Pattern Design) การให้บริการด้านข้อมูลต่าง ๆ โดย ตั้งเป้าจะขยาย RCI Solutions ทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด รวม 50 แห่ง ภายในปีนี้ และส่วนตลาดต่างประเทศ จะส่งสินค้าออกไปขายยังต่างประเทศ ได้แก่ ไต้หวัน ญี่ปุ่น ออสเตรเลีย พม่า และอินเดีย