Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายวัน2 มีนาคม 2549
บีทีเดินหน้าปรับพอร์ตการลงทุน หลังตลาดหุ้นเจอมรสุมการเมือง             
 


   
www resources

โฮมเพจ บริษัทหลักทรัพย์ บีที จำกัด

   
search resources

อนุสรณ์ ธรรมใจ
Funds
บีที, บลจ.




บลจ.บีทีปรับพอร์ตการลงทุน หลังภาวะการลงทุนในตลาดหุ้นโดนมรสุมการเมืองซัด ยันกองทุนหุ้นที่อยู่ภายใต้การบริหารไม่ได้รับผลกระทบ เนื่องจากเน้นหุ้นที่มีพื้นฐานแกร่ง ขณะที่กองทุนตราสารหนี้ยังเดินหน้าออกอย่างต่อเนื่อง รับกระแสคนฝากเงินแห่ลงทุนกองทุนรวม

นายอนุสรณ์ ธรรมใจ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) บีที จำกัด (BTAM) เปิดเผยว่า ในช่วงต้นปีที่ผ่านมาบริษัทเน้นออกกองทุนประเภทตราสารหนี้มากขึ้น เพื่อตอบสนองความต้องการนักลงทุนในช่วงทิศทางดอกเบี้ยขาขึ้น และเมื่อเปรียบเทียบผลการดำเนินงานระหว่างกองทุนประเภทต่างๆ กองทุนตราสารหนี้ให้ผลตอบแทนที่ดีกว่า

สำหรับกองทุนหุ้นภายใต้การบริหารจัดการของบริษัท 3 กองทุน ในช่วงที่ผ่านมาบริษัทได้มีการปรับพอร์ตการลงทุนมาระยะหนึ่งแล้ว อย่างไรก็ตาม แม้ตลาดจะมีความผันผวน แต่กองทุนหุ้นของบริษัทจะไม่มีการขึ้นหรือลงอย่างรุนแรง เนื่องจากบริษัทได้มีการลงทุนในตราสารหนี้ผสมอยู่ด้วย

“ในช่วงนี้บริษัทจะมีการเน้นออกกองทุนตราสารหนี้เยอะขึ้น ซึ่งดูจากผลการดำเนินงานกองทุนตราสารหนี้ที่ผ่านมาก็ไม่แย่นัก ส่วนกองทุนประเภทหุ้น ได้มองสถานการณ์ต่างๆ ตามเนื้อผ้า และได้มีการลดพอร์ตการลงทุนมาก่อนหน้านี้แล้ว อย่างไรก็ตาม การลงทุนในกองทุนหุ้นบริษัทจะเลือกลงทุนในหุ้นที่ดี และพิจารณาอย่างระมัดระวัง เพื่อไม่ให้กระทบต่อลูกค้าในกลุ่มนี้”

สำหรับในปี 2549 บริษัทมีแผนจะออกกองทุนทั้งสิ้น 12 กองทุน โดยเฉพาะกองทุนตราสารหนี้ ซึ่งออกไปแล้วจำนวน 4 กองทุน ล้วนเป็นกองทุนประเภทตราสารหนี้ และยิ่งในช่วงไตรมาสที่ 4 คาดว่าจะออกกองทุนตราสารหนี้ที่มีระยะยาวมากขึ้น เพื่อปรับให้เข้ากับทิศทางอัตราดอกเบี้ยที่สูง

“ในช่วงต้นปีที่ผ่านมาเราเร่งออกกองทุนไปบางส่วนแล้ว เพราะมองสถานการณ์ทั้งตลาดหุ้น และทิศทางการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ซึ่งอยู่ในช่วงขาขึ้น เพื่อตอบสนองความต้องการนักลงทุน”

สำหรับกองทุนหุ้นภายใต้การบริหารของบลจ.บีที ในปัจจุบันมีอยู่ 3 กองทุน ได้แก่ กองทุนเปิดไทย LTF หุ้นระยะยาว (T-LTF70) มูลค่าโครงการ 5,000 บาท อายุ 5 ปี มีนโยบายการลงทุนในหุ้นโดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่าร้อยละ 65 และไม่เกินร้อยละ 70 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน ส่วนที่เหลือจะพิจารณาลงทุนในตราสารหนี้ทั้งภาครัฐและเอกชนที่มีคุณภาพมีสามารถในการชำระดอกเบี้ยและเงินต้นสูง และมีนโยบายจ่ายเงินปันผลไม่เกินปีละ 4 ครั้ง และ ณ วันที่ 1 มีนาคม 2549 มีมูลทรัพย์สินสุทธิ 28,033,208.11 บาท มูลค่าหน่วยลงทุน 10.7530 บาท

กองทุนเปิดไทย LTF ดับเบิลเซเล็คทีฟหุ้นระยะยาว (TDS-LTF) มูลค่าโครงการ 5,000 ล้านบาท มีการลงทุนในหุ้นสามัญของบริษัทจดทะเบียน โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่าร้อยละ 65 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน โดยกองทุนจะเน้นลงทุนในหุ้นสามัญของบริษัทจดทะเบียนที่มีปัจจัยพื้นฐานดี หรือเกี่ยวข้องกับธุรกิจหรืออุตสาหกรรมที่มีความสำคัญต่อระบบเศรษฐกิจของประเทศ หรือเป็นธุรกิจ อุตสาหกรรม ที่ได้รับการสนับสนุนหรือมีโอกาสได้รับผลดีจากนโยบายของรัฐบาล ที่มีศักยภาพในการเติบโตสอดคล้องกับสภาวะเศรษฐกิจ หรือหลักทรัพย์หรือทรัพย์สินอื่นหรือการหาดอกผลโดยวิธีอื่นตามที่สำนักงานคณะกรรมการ ก.ล.ต.อนุญาตหรือเห็นชอบให้กองทุนลงทุนได้

ทั้งนี้ กองทุนจะไม่ลงทุนในตราสารหนี้ที่มีการจ่ายผลตอบแทนอ้างอิงกับตัวแปร (Structured Note) และสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (Derivatives) เพื่อแสดงหาผลตอบแทน แต่กองทุนอาจพิจารณาลงทุนหรือมีไว้ซึ่งสัญญาซื้อขายล่วงหน้า โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อป้องกันความเสี่ยง และไม่มีนโยบายการจ่ายเงินปันผล และ ณ วันที่ 1 มีนาคม 2549 มีมูลทรัพย์สินสุทธิ 12,608,319.33 บาท มูลค่าหน่วยลงทุน 11.1187 บาท

ส่วน กองทุนรวมไทยทาร์เก็ต (T-TARGET) มีเงินทุนโครงการ 2,000 ล้านบาท มีเกณฑ์ในการคัดเลือกหุ้นที่ลงทุนในช่วงจัดตั้งกองทุนที่ได้รับผลกระทบน้อยจากราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้น เช่น กลุ่มพลังงาน หรือได้รับผลกระทบจากการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย เช่น กลุ่มธนาคารพาณิชย์ หรือค่าเงินบาทที่อ่อนลง เช่น กลุ่มส่งออก และได้รับผลดีจากนโยบายของรัฐบาล เช่น กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง ที่ได้รับประโยชน์จากโครงการสาธารณูปโภคขนาดใหญ่(Mega Project)ของรัฐบาล

ทั้งนี้ จะเลิกกองทุนเมื่อหน่วยลงทุนมีมูลค่าไม่ต่ำกว่า 12 บาท เป็นเวลา 5 วันทำการติดต่อกัน หรือเมื่อมีอายุครบ 18 เดือน นับตั้งแต่วันจดทะเบียนกองทุนทรัพย์สินเป็นกองทุนรวม แล้วแต่เหตุการณ์ใดจะเกิดก่อน   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us