ปตท.โกย.กำไรจนพุงป่อง 8.5 หมื่นล้านบาทในปี 2548 เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 36% อ้างกำไรส่วนใหญ่มาจากการขายน้ำมันและก๊าซธรรมชาติที่เพิ่มขึ้น รวมทั้งรับรู้กำไรจากบริษัทในเครือปตท. ประกาศจ่ายปันผลให้ผู้ถือหุ้น 9.50 บาทในวันที่ 25 เม.ย.นี้ ชี้แนวโน้มราคาน้ำมันในปีนี้ยังทรงตัวในระดับสูง โดยน้ำมันดิบดูไบอยู่ที่ 48 เหรียญ/บาร์เรล
นายประเสริฐ บุญสัมพันธ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) เปิดเผย ผลประกอบการไตรมาส 4/2548 ว่า ปตท.และบริษัทย่อยมีรายได้รวม 244,814 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 33.6% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้รวม183,176 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 17,149 ล้านบาท ลดลง16.3% จากปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 20,499 ล้านบาท
สำหรับงวดปี 2548 ปตท. และบริษัทย่อยมีรายได้จากการขาย 929,716 ล้านบาท เพิ่มขึ้น44 % เมื่อเทียบจากช่วงเดียวกันของปีก่อนมีรายได้ 644,694 ล้านบาท มีกำไรก่อนหักดอกเบี้ย ค่าเสื่อมและภาษี (EBITDA) 114,045 เพิ่มขึ้น 44% จากปีก่อนที่มีEBITDA 79,296 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 85,521 ล้านบาท เพิ่มขึ้น36 % จากปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 62,666 ล้านบาท โดยกำไรที่เพิ่มขึ้นส่วนใหญ่เป็นผลมาจากปริมาณขาย และราคาขายน้ำมันและก๊าซธรรมชาติที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น รวมทั้งรับรู้กำไรจากการปรับโครงสร้างหนี้ของRCC จำนวน 5,417 ล้านบาท
นายประเสริฐ กล่าวว่าใน ปี 2548 ปตท.มีรายได้จากธุรกิจน้ำมัน 811,928 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 73% เนื่องจากปริมาณขายที่เพิ่มขึ้น 28% ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นทั้งในประเทศและการค้าสากล รวมทั้งราคาผลิตภัณฑ์ที่เพิ่มขึ้นด้วย โดยธุรกิจน้ำมันมี EBITDA 7,253 เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 29% มาจากปริมาณขายที่เพิ่มขึ้น แต่ค่าการตลาดของการขายน้ำมันลดลง ส่วนธุรกิจก๊าซธรรมชาติมีรายได้ใน 2548 อยู่ที่ 208,930 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 19% เนื่องจากปริมาณการจำหน่ายก๊าซฯเพิ่มขึ้นเป็น 2,996 ล้านลบ.ฟุต/วัน และมี EBITDA 42110 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 14%
นอกจากนี้ บริษัทฯยังรับรู้รายได้บริษัทย่อย ดังนี้ คือ บมจ. ปตท.สผ. ที่มี EBITDA ในปี 2548 จำนวน50,051 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 39%
ดังนั้น ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯมีมติอนุมัติจ่ายเงินปันผลแก่ผู้หุ้นงวดปี 2548 หุ้นละ 9.25 บาท กำหนดจ่ายเงินปันผล 25 เม.ย. 2549 โดยในปีนี้ปตท.มีแผนใช้เงินลงทุน 80,000 ล้านบาท และในอีก 5 ปีข้างหน้า (2549 -2553) ใช้เงินลงทุนรวมทั้งสิ้น 238,794 ล้านบาท พร้อมทั้งอนุมัติแผนการจัดหาเงินทุนจากแหล่งภายนอก เพื่อใช้ในการลงทุนและทดแทนเงินกู้เดิมที่ครบกำหนดชำระในระยะเวลา 5 ปี (2549-2553) เพิ่มเติมอีกในวงเงิน 50,000 ล้านบาท
** คาดน้ำมันดิบดูไบ 48 เหรียญ/บาร์เรล
แนวโน้มราคาน้ำมันในปีนี้ยังทรงตัวในระดับสูง ความไม่สมดุลของเศรษฐกิจโลก การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางต่างๆ ยังคงเป็นปัจจัยเสี่ยงที่ส่งผลกระทบต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจ อย่างไรก็ตาม การขยายตัวทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯ และเอเชีย โดยเฉพาะจีนและอินเดีย ล้วนเป็นปัจจัยสนับสนุนการขยายตัวของเศรษฐกิจโลกในปี 2549 โต 4.3% โดยปีนี้การใช้น้ำมันของโลก คาดว่าจะขยายตัวในระดับ 1.7 ล้านบาร์เรลต่อวันมาอยู่ที่ระดับ 85 ล้านบาร์เรลต่อวัน และการผลิตน้ำมันจะเพิ่มขึ้นในระดับเดียวกับความต้องการใช้น้ำมันที่ 1.7 ล้านบาร์เรลต่อวันมาอยู่ที่ระดับ 86.1 ล้านบาร์เรลต่อวัน ทำให้ราคาน้ำมันดิบจะปรับลดลงเล็กน้อย โดยคาดว่าราคาน้ำมันดิบดูไบจะอยู่ที่ระดับประมาณ 48 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล
อย่างไรก็ตาม ราคาน้ำมันยังคงมีความผันผวนจากปัญหาก่อการร้าย ความวุ่นวายทางการเมืองในกลุ่มประเทศผู้ผลิตน้ำมันและภัยธรรมชาติรวมทั้งการเก็งกำไรของกลุ่มเฮดจ์ฟันด์ในตลาดล่วงหน้า ส่งผลต่อเนื่องไปยังระดับราคาน้ำมันสำเร็จรูปให้มีแนวโน้มปรับลดลงเล็กน้อย ขณะที่ค่าการกลั่นคาดว่ายังทรงตัวในระดับสูงใกล้เคียงกับปีก่อน ส่วนแนวโน้มของราคาผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีนั้นคาดว่าจะเริ่มอ่อนตัวลงในช่วงครึ่งหลังของปีเนื่องจากกำลังผลิตของตลาดโลกเพิ่มขึ้น ซึ่งหลายฝ่ายคาดว่าวัฏจักรราคาจะเริ่มเข้าสู่ช่วงขาลงนับจากปี 2549 จนถึงปี 2552
ส่วนการใช้น้ำมันในประเทศไทยปีนี้ น่าจะขยายตัวเพียง 0-1% เป็นผลจากราคาน้ำมันทรงตัวในระดับสูง แต่การใช้ก๊าซธรรมชาติจะเพิ่มขึ้น 7.6% โดยเฉพาะจากการใช้ NGVในภาคขนส่ง และการผลิตไฟฟ้า เนื่องจากท่อส่งก๊าซฯ เส้นที่ 3 จะแล้วเสร็จในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2549
** PTTCH กำไรเกือบ 1.3 หมื่นล.
นายอดิเทพ พิศาลบุตร์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท.เคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ PTTCH กล่าวว่า ปี 2548 บริษัทมีกำไรสุทธิ 12,924.74 ล้านบาท กำไรสุทธิต่อหุ้น 11.43 บาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 10,173.62 ล้านบาท และกำไรสุทธิต่อหุ้น 8.99 บาท หรือกำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 2,751.12 ล้านบาท หรือ 27.04% โดยมีรายได้จากการขาย 57,382 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 36% และ EBITDA 18,828 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 26%
สำหรับปัจจัยที่สนับสนุนให้บริษัทมีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้น เกิดจากกำลังการผลิตโอเลฟินส์ที่เพิ่มขึ้น จากโรงงาน I4-2 (Expansion Project) และจากโพรพิลีนของโครงการขยายกำลังการผลิตโรงโอเลฟินส์ I4-1 (Plant I4-1 Debottleneck Project) ที่แล้วเสร็จก่อนกำหนด ทำให้กำลังการผลิตโอเลฟินส์ (Olefins Nameplate Capacity) ในปี 2548 เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 360,000 ตันต่อปี ขณะที่กำลังการผลิตเอทิลีนและโพรพิลีน อยู่ที่ 1,146,000 ตันต่อปี และ 377,000 ตันต่อปี ตามลำดับ
นอกจากนี้ การเดินเครื่องของโรงงาน HDPE ของบริษัทเต็มปี ที่สามารถเดินเครื่องได้เต็มกำลัง โดยเริ่มดำเนินการผลิตในเดือนสิงหาคม 2547 แต่เนื่องจากต้องหยุดซ่อมบำรุงตามระยะเวลาประกันภายใน 1 ปีหลังเริ่มดำเนินการผลิตตามสัญญาก่อสร้าง ทำให้มีอัตราการใช้กำลังการผลิตประมาณ 82%
อย่างไรก็ตาม ราคาผลิตภัณฑ์ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นไม่ส่งผลมากนักต่อกำไรของบริษัทในปี 2548 เทียบกับผลของกำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้น เนื่องจากราคาวัตถุดิบมีการปรับตัวเพิ่มขึ้นเช่นกัน
ผลการดำเนินงาน ปตท. ปี 2548
รายได้รวม ปี 2548 929,716 ปี2547 644,694 เปลี่ยนแปลง(%) 44
-น้ำมัน ปี2548 811,928 ปี2547 469,134 เปลี่ยนแปลง(%) 73
-ก๊าซธรรมชาติ ปี2548 208,930 ปี2547 174,981 เปลี่ยนแปลง(%) 19
-ปตท.สผ. ปี2548 593,73 ปี2547 42,127 เปลี่ยนแปลง(%) 41
-การกลั่น ปี2548 144,494 ปี2547 25,800 เปลี่ยนแปลง(%) 460
-ปิโตรเคมี ปี2548 15,523 ปี2547 1,597 เปลี่ยนแปลง(%) 872
EBITDA ปี2548 114,045 ปี2547 79,296 เปลี่ยนแปลง(%) 44
กำไรสุทธิ ปี2548 85,521 ปี2547 62,666 เปลี่ยนแปลง(%)36
หน่วย : ล้ายบาท
|