แลนด์ แอนด์ ฮ้าส์ โชว์ผลประกอบการปี'48 รายได้ 22,745 ล้านบาท เติบโต 24.4% แต่กำไรหด 14.9% เกือบ 1,000 ล้านบาท เหลือ 5,100 ล้านบาท เหตุรายได้จากส่วนอื่น ทั้งจากการขายเงินลงทุน และส่วนแบ่งกำไรบริษัทร่วมลดลง แต่ยืนยันตลาดบ้านยังโตต่อเนื่อง คาดปีนี้ตลาดรวมโต 10% เดินหน้าซื้อที่ดินพัฒนาโครงการต่อตั้งงบ 4,000 ล้านบาท ระบุผลประมูลที่ดินสถานทูตอังกฤษรู้ผลเดือนนี้ เชื่อเข้ารอบ 1 ใน 2 หากชนะประมูลจะพัฒนาเป็นคอนโด โรงแรม อาคารสำนักงาน
นายอดิศร ธนนันท์นราพูล กรรมการและรองกรรมการผู้จัดการ บริษัท แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยผลการดำเนินการของบริษัทฯ และบริษัทย่อยว่า ในปี 2548 บริษัทฯและบริษัทย่อย มียอดขายอันเกิดจากการโอนบ้านรวมทั้งสิ้น 22,745 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4,454 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 24.4% เมื่อเทียบกับปี 2547 ซึ่งมียอดขายเท่ากับ 18,291 ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม บริษัทฯและบริษัทย่อย มีกำไรสุทธิเท่ากับ 5,181 ล้านบาท ลดลง 14.9% เมื่อเทียบกับกำไรสุทธิของปี 2547 ซึ่งทำได้เท่ากับ 6,087 ล้านบาท สาเหตุที่บริษัทฯ มีผลกำไรลดลงทั้งที่มียอดขายเพิ่มขึ้นถึง 24.4% เกิดจากรายได้อื่นๆ เช่น รายได้จากการขายเงินลงทุน, รายได้จากส่วนแบ่งกำไรของบริษัทฯร่วม ลดจากปี2547 ถึง 1,900 ล้านบาท
ในรอบปีที่ผ่านมา บริษัทฯ ได้ลงทุนซื้อที่ดินไปเกือบ 3,000 ล้านบาท และมีการจ่ายเงินปันผลให้กับผู้ถือหุ้น 2 ครั้ง คิดเป็นจำนวนเงินทั้งสิ้น 4,517.84 ล้านบาท ประกอบด้วย ครั้งที่ 1 เมื่อวันที่ 11 พฤษภาคม 2548
โดยจ่ายจากผลการดำเนินงานของปี 2547 ในอัตราหุ้นละ 0.30 บาท คิดเป็นจำนวนเงินปันผลทั้งสิ้น 2,455.84 ล้านบาท ครั้งที่ 2 เมื่อวันที่ 13 กันยายน 2548 โดยจ่ายจากผลการดำเนินงานงวด 6 เดือนแรกของปี 2548 ในอัตราหุ้นละ 0.25 บาท คิดเป็นจำนวนเงินปันผลทั้งสิ้น 2,062 ล้านบาท
ด้านฐานะการเงินของบริษัทฯ ณ สิ้นปี 2548 บริษัทฯ และบริษัทย่อยมีสินทรัพย์รวม 39,286 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2,319 ล้านบาท จาก 36,967 ล้านบาท ณ สิ้นปี 2547 และมีสภาพคล่อง ณ สิ้นปี 2548 จำนวน 2,574 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนจำนวน 1,245 ล้านบาท ในขณะที่อัตราส่วนหนี้สินต่อทุนสุทธิของบริษัทฯ ณ สิ้นปี 2548 ยังคงอยู่ในระดับเดียวกับ ณ สิ้นปี 2547 ซึ่งเท่ากับ 45%
**ปี49 ลงทุนเพิ่ม 5,500 ล้านบาท**
สำหรับแผนงานทางด้านการลงทุนปี 2549 ของบริษัทฯ นั้น บริษัทฯ วางงบประมาณลงรวม 5,500 ล้านบาท แบ่งเป็นงบประมาณในการจัดซื้อที่ดินเพิ่มเติมอีกประมาณ 4,000 ล้านบาท และจะกันเงินอีกประมาณ 1,500 ล้านบาท ไว้สำหรับการลงทุนด้านอื่นๆ โดยเม็ดเงินดังกล่าวจะนำมาจากผลการรายได้จากผลการดำเนินงานของบริษัท ทั้งนี้ คาดว่าสัดส่วนหนี้สินต่อทุน ณ ปลายปี 2549 จะยังคงอยู่ในระดับ 50%
ในปี 2549 แลนด์แอนด์เฮ้าส์ฯ มีแผนการดำเนินงานจากโครงการที่เปิดดำเนินการทั้งสิ้น 29 โครงการ โดยเป็นโครงการในกรุงเทพฯ และปริมณฑล 23 โครงการ ต่างจังหวัด 6 โครงการ และปีนี้บริษัทฯ เตรียมเปิดโครงการใหม่อีก 13 โครงการ แบ่งเป็นบ้านเดี่ยวในกรุงเทพฯ และปริมณฑล 11 โครงการ ทาวน์เฮาส์ 2 โครงการ ซึ่งจะทำให้จำนวนโครงการที่เปิดดำเนินการทั้งสิ้นในปี 2549 รวม 42 โครงการ
นายนพร สุนทรจิตต์เจริญ กรรมการและรองกรรมการผู้จัดการ บริษัทแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) ได้เปิดเผยถึงภาวะตลาดที่อยู่อาศัยปี 2548 ว่า ตลาดที่อยู่อาศัยโดยรวมมีการขยายตัวสูงขึ้นจากปี 2547 เล็กน้อย จากตัวเลขบ้านจดทะเบียนเพิ่มที่เกิดขึ้นในปี 2548 มีจำนวนทั้งหมด 67,829 หน่วย เพิ่มขึ้นจากปี 2547 (62,796 หน่วย) 8% โดยแบ่งเป็นที่อยู่อาศัยประเภทสร้างเอง 25,241 หน่วย เพิ่มขึ้น 27% และที่อยู่อาศัยประเภทจัดสรร 42,588 หน่วย ลดลง 0.8% จากปี 2547 (42,937 หน่วย)
อย่างไรก็ตามหากพิจารณาประเภทที่จดทะเบียนพบว่าบ้านสร้างเองเพิ่มขึ้น 27% ขณะที่จัดสรรลดลงประมาณ 0.8% ทั้งนี้ในส่วนของแลนด์นั้นมีการส่งมอบบ้านให้ลูกค้าที่ 3,879 ยูนิต มีส่วนแบ่งการตลาดที่13.25% ทั้งนี้ในปีนี้ตั้งเป้าลงทุนโครงการใหม่ 13 โครงการมูลค่ารวมกว่า 2.6 หมื่นล้านบาท ส่วนต่างจังหวัดนั้นปัจจุบันมีอยู่แล้ว 6 โครงการ ซึ่งรวมถึงภูเก็ตด้วยที่ขณะนี้ได้มีการตัดขายที่ดินออกไป 700 ไร่จาก 1,100 ไร่ให้นักลงทุนจากอเมริกานำมาพัฒนาเป็นมารีน่า คาดว่าเงินจากการขายที่จะเข้ามาในบริษัทในช่วงไตรมาส 2 ปีนี้
ส่วนความคืบหน้าการประมูลที่ดินบริเวณสถานทูตอังกฤษนั้น ขณะนี้เหลือผู้เข้ารอบ 2 ราย ซึ่งมีแลนด์อยู่ด้วย คาดว่าจะทราบผลในเดือนนี้ โดยหากแลนด์ได้รับคัดเลือกก็จะมีการพัฒนาโครงการในลักษณะผสมผสานคือมีทั้งคอนโดมิเนียม โรงแรม และอาคารสำนักงาน
นายนพร กล่าวว่า สำหรับแนวโน้มตลาดที่อยู่อาศัย ปี 2549 จะเป็นตลาดที่เกิดจากความต้องการที่แท้จริงของผู้บริโภค แนวโน้มของตลาดที่อยู่อาศัย น่าจะมีการขยายตัวต่อเนื่องจากปี 2548 โดยอัตราการขยายตัว จะอยู่ในระดับไม่เกิน 10% ภายใต้การเปลี่ยนแปลงของปัจจัยต่างๆ อาทิ อัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจ (GDP Growth Rate) มีแนวโน้มขยายตัวต่อเนื่องจากปี 2548 จากการประมาณการของทางการ อยู่ในระดับ 4.5% ต่อปี
ส่วนอัตราดอกเบี้ย มีแนวโน้มที่จะปรับตัวสูงขึ้น คาดว่าจะปรับเพิ่มขึ้นไม่เกิน 1% ซึ่งการปรับมี
แนวโน้มที่จะค่อยเป็นค่อยไป อัตราเงินเฟ้อ อยู่ในระดับประมาณ 4- 5 % จะไม่ส่งผลกระทบต่อตลาดที่อยู่อาศัยมากนัก, ระดับราคาน้ำมัน มีเสถียรภาพขึ้น ต้นทุนการผลิตที่ไม่ผันผวนมากนัก และต้นทุนที่สูงขึ้นไม่เกินกว่า 10%, การขยายโครงการของผู้ประกอบการลดน้อยลง เนื่องจากความเข้มงวดของธนาคารพาณิชย์ ในการพิจารณาให้สินเชื่อแก่ผู้ประกอบการ ความเข้มงวดของธนาคารพาณิชย์ ในการพิจารณาให้สินเชื่อแก่รายย่อย การซื้อที่ดินใหม่ของผู้ประกอบการ น้อยลงตั้งแต่ต้นปี 2548 (ส่งผลให้ราคาที่ดิน ทรงตัว)
|