Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายวัน1 มีนาคม 2549
ซิโน-ไทยฟันธงธุรกิจก่อสร้างซบเซาลุ้นรัฐบาลชุดใหม่ดัน"เมกะโปรเจกต์"             
 


   
www resources

โฮมเพจ ซิโน-ไทย เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น

   
search resources

ซิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น, บมจ.
Construction




“ซิโน-ไทย” เผยการปัญหาการเมืองและโรคเลื่อนโครงการเมกะโปรเจกต์ไม่กระทบรายได้ ระบุสต็อกในมือเพียบ29,000 ล้านบาท เตรียมรวบงานเพิ่มอีกเกือบหมื่นล้านบาท ดันมูลค่าสต็อกรวมกว่า 38,000 ล้านบาท จับตา3ไตรมาสจากนี้ ธุรกิจก่อสร้างชะลอตัวรอประเมินสถานการณ์อีกครั้ง พร้อมตั้งเป้ารับรู้รายได้ปี49 กว่า 15,000 ล้านบาท

นายวัลลภ รุ่งกิจวรเสถียร กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่งแอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด(มหาชน) เปิดเผยว่าปีที่ผ่านมา นับเป็นปีแห่งการก่อสร้างงานประเภทโรงงานไฟฟ้า ซึ่งบริษัทมีงานก่อสร้างโรงงานไฟฟ้าในมืออยู่จำนวนมากและกำลังอยู่ในระหว่างการก่อสร้าง ทำให้สัดส่วนของงานก่อสร้างเกี่ยวกับงานจากภาครัฐบาลมีจำนวนมากขึ้น ส่วนในปี2549 นี้ คาดว่างานก่อสร้างด้านโรงไฟฟ้าจะลดลงไป แต่จะมีงานด้านการก่อสร้างโรงงานปิโตรเลียมเข้ามาทดแทน ซึ่งจะทำให้สัดส่วนงานในภาคเอกชนเพิ่มจำนวนมากขึ้น

อย่างไรก็ดี ผลกระทบจากทางการเมือง จะทำให้ตลาดธุรกิจในทุกประเภทได้รับผลกระทบ ซึ่งอาจจะชะลอการก่อสร้างลงบ้างในระยะสั้นๆ ซึ่งต้องรอดูความชัดเจนทางการเมืองก่อน แต่ปัจจัยดังกล่าวไม่ส่งผลกระทบต่อบริษัทฯ เนื่องจากขณะนี้บริษัทมีสต็อกงานก่อสร้าง(แบล็กล๊อก) อยู่ในมือแล้วกว่า 38,000 ล้านบาท ซึ่งแบ่งเป็นส่วนที่มีการเซ็นสัญญาก่อสร้างแล้ว 29,087 ล้านบาท และส่วนที่รอเซ็นสัญญาอีก 5โครงการมูลค่า 9,173 ล้านบาท ทำให้บริษัทมีงานรองรับในการก่อสร้างได้อีกประมาณ 2 ปี

“ ถึงแม้ว่าในช่วงไตรมาสที่ 1-3 งานก่อสร้างโครงการจะยังชะลอตัวอยู่ แต่ปัญหาดังกล่าว บริษัทไม่ได้กังวลในส่วนนี้ เพราะมีสต็อกอยู่ในมือมากแล้ว ส่วนงานในโครงการเมกะโปรเจกต์จนถึงขณะนี้ ยังไม่มีความคืบหน้ามากนัก จากก่อนหน้านี้ที่รัฐบาลได้ประกาศทีโออาร์ ในโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้า 10 เส้นทาง แต่จนถึงขณะนี้การประกาศ TOR ถูกเลื่อนออกไปแล้ว2 ครั้ง และยังไม่มีที่ท่าว่าจะมีการประกาศออกมา หากจะมีก็มีโครงการก่อสร้างศูนย์ราการแจ้งวัฒนะที่มีการประมูลไปแล้ว ทั้งนี้ มองว่าโครงการก่อสร้างระบบราง 10 เส้นทางพร้อมๆกันนั้น เชื่อไม่สามารถเป็นไปได้ แต่หากทยอยก่อสร้างไปจะมีความเป็นไปได้มากกว่า “ นายวัลลภกล่าว

สำหรับผลการดำเนินงานในปีที่ผ่านมา บริษัทมีรายได้จากการดำเนินงานรวม 13,209 ล้านบาท เติบโตขึ้นจากปี2547 ซึ่งมีรายได้รวม 8,323 ล้านบาท หรือมีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้นประมาณ 59% สำหรับจำนวนสต็อกงานอยู่ในมือในปี48นั้น มีอยู่ 28,581 ล้านบาท แยกเป็นงานจากเอกชน 27% และงานภาครัฐบาล 73% โดยแบ่งออกเป็น งานก่อสร้างของหน่วยงานราชการ 24% และงานก่อสร้างโครงการจากหน่วยงานรัฐวิสาหกิจ 49%

ทั้งนี้ สต็อกงานในมือดังกล่าวสามารถแบ่งออก เป็นประเภทงานรับเหมาก่อสร้าง 16% งานก่อสร้างสิ่งแวดล้อม 2% งานก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานหรือสาธารณูปโภค 51% และงานก่อสร้างประเภทพลังงาน 31% ส่วนในปี 49 นี้ STECON ตั้งเป้าว่าจะมีรายได้จากการดำเนินงานรวม 15,000 ล้านบาท โดยรายได้ดังกล่าวจะมาจากงานก่อสร้างโครงการสนามบินสุวรรณภูมิ ประมาณ 4,000 ล้านบาท และอื่นๆ จากจำนวนสต็อกงานที่เซ็นสัญญาในมือแล้ว 29,087 ล้านบาท โดยสต็อกงานที่เพิ่มขึ้นดังกล่าวเป็น 29,087 ล้านบาทนั้น มาจากการเซ็นสัญญางานก่อสร้างท่อส่งแก๊สราชบุรีอีก 506 ล้านบาทเมื่อช่วงปลายปี48ที่ผ่านมา

สำหรับ สต็อกงานในมือปัจจุบัน ได้แก่ งานก่อสร้างโครงการสนามบินสุวรรณภูมิ วงเงิน 12,260 ล้านบาท , ก่อสร้างโรงไฟฟ้าราชบุรี วงเงิน 4,325 ล้านบาท ,งานโรงงานไฟฟ้าแก่งคอย วงเงิน2,534 ล้านบาท ,การก่อสร้างโรงงานไฟฟ้ากรุงเทพใต้ของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย(กฟผ.)วงเงิน 2,360ล้านบาท ,งานก่อสร้างBMA Building Phase3, MBA วงเงิน 2,275 ล้านบาท, งานก่อสร้างโรงงานไฟฟ้าสงขาล วงเงิน 1,760 ล้านบาท ,งานก่อสร้าง Administrative Count, Dhanark Dev.วงเงิน 1,694 ล้าบาท ,งานก่อสร้าง Pak Kret Bridge, DORR วงเงิน1,572 ล้านบาท และงานก่อสร้าง โครงการเดอะพาร์ค ชิดลม ขอลงบริษัท เหมราช จำกัด (มหาชน) วงเงิน1,305 ล้านบาท

ส่วนงานก่อสร้างที่บริษัทเตรียมจะเซ็นสัญญาก่อสร้างใหม่ ขณะนี้มีจำนวน 5 สัญญา มูลค่างานก่อสร้างรวม 9,173ล้านบาท ซึ่งจะทำให้บริษัทมีสต็อกเพิ่มขึ้นเป็น 38,260 ล้านบาทในปี 2549 ประกอบด้วย งานก่อสร้าง Draige&Pumping System-SBIA,RID มูลค่า 2,705 ล้านบาท ,งานก่อสร้าง SBIA- Chonburi Lot5,DoH มูลค่า 529 ล้านบาท, งานก่อสร้างอาคารสำนักงานในศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะ มูลค่า 3,173 ล้านบาท ,งานก่อสร้างที่จอดรถในศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะ 1,738 ล้านบาท และงานก่อสอร้างถนนรอบศูนย์ราชการแจงวัฒนะ 1,028 ล้านบาท   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us