หุ้นกลุ่มชินคอร์ปร่วงยกแผง หลังผลประกอบการรวมกำไรหด เหตุเอไอเอสรายได้ลดเพราะสงครามราคา ขณะที่นักลงทุนยังกังวลปัญหาการเมืองทรุด 9 จุด โบรกฯเชื่อตลาดหุ้นซึมทั้งสัปดาห์ จับตาหุ้นเก็งกำไรมาแรง ด้านตลาดฯพร้อมสรุปผลสอบ "SHIN-ADVANC" มี.ค.นี้ ขณะที่เอสซี แอสเสทฯ ไม่พบความผิดปกติ
จากการรวบรวมผลการดำเนินงานประจำปีของบริษัทกลุ่มชินคอร์ป ซึ่งประกอบด้วย บริษัท ชิน คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ SHIN, บริษัท ชินแซทเทลไลท์ จำกัด (มหาชน)หรือ SATTEL, บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน)หรือ ADVANC, บริษัท ไอทีวี จำกัด (มหาชน) หรือ ITV และบริษัท ซีเอส ล็อกซอินโฟ จำกัด (มหาชน) หรือ CSL พบว่า 4 บริษัทในกลุ่มมีกำไรสุทธิรวม 21,088.98 ล้านบาท ลดลง 557.44 ล้านบาท หรือ 2.58% จากปี 2547 ที่มีกำไรสุทธิรวม 21,646.96 ล้านบาท ไม่รวมบมจ. ชิน คอร์ปอเรชั่นเนื่องจากยังไม่ส่งข้อมูลมายังตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
ทั้งนี้ บมจ.แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส หรือ ADVANC มีกำไรสุทธิ 18,908.50 ล้านบาท ลดลง 1,349 ล้านบาท หรือ 6.7 % จากปี 2547ที่มีกำไรสุทธิ 20,258.04 ล้านบาท โดยบริษัทแจ้งว่าสาเหตุที่กำไรสุทธิปรับลดลงเนื่องจากการรายได้จากการให้บริการลดลงจากการแข่งขันที่สูงขึ้น ประกอบกับต้นทุนของบริษัทเพิ่มขึ้นหลังจากค่าใช้จ่ายตัดจ่ายในอุปกรณ์โครงข่ายเพิ่มขึ้น
นอกจากนี้การปรับค่าผลประโยชน์ตอบแทนรายปีที่จ่ายให้แก่ บริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) ในส่วนของรายได้จากการให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ประเภท Postpaid เพิ่มขึ้นจาก 25% เป็น 30%
ด้านบมจ.ชินแซทเทลไลท์ หรือ SATTEL มีกำไรสุทธิ 1,207.70 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 351.58 ล้านบาท หรือ 41% จากงวดเดียวกันปี47ที่มีกำไรสุทธิ 856.12 ล้านบาท ขณะที่บมจ.ไอทีวี หรือ ITV มีกำไรสุทธิ 679.11 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 474.55 ล้านบาท หรือ 232% จากปี47 ที่มีกำไรสุทธิ 204.56 ล้านบาท
บมจ.ซีเอส ล็อกซอินโฟ หรือ CSL มีกำไรสุทธิ 293.67 ล้านบาท ลดลง 34.57 ล้านบาท หรือลดลง10% จากปี47 ที่มีกำไรสุทธิ 328.24 ล้านบาท
ด้านราคาหุ้นในกลุ่มชิมคอร์ปวานนี้(28 ก.พ.)หุ้น SHIN ราคาปิดที่ 48.50 บาท ไม่เปลี่ยนแปลง มูลค่าการซื้อขาย 125.41 ล้านบาท, ADVANC ราคาปิดที่ 94.50 บาท ลดลง 2.50 บาท หรือ 2.58% มูลค่าการซื้อขาย 345.46 ล้านบาท, ITV ราคาปิดที่ 10.60 บาท ลดลง 0.20 บาท หรือ 1.85% มูลค่าการซื้อขาย 39.26 ล้านบาท, CSL ราคาปิดที่ 3.54 บาท ลดลง 0.06 บาท หรือ 1.67% มูลค่าการซื้อขาย 9.65 ล้านบาท, SATTEL ราคาปิดที่ 12.60 บาท ลดลง 0.20 บาท หรือ 1.56% มูลค่าการซื้อขาย 49.43 ล้านบาท
นางสาวสุภากร สุจิรัตนวิมล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการฝ่ายวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ ทีเอสอีซี จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทคาดกำไรสุทธิของหุ้นกลุ่มชินจะเติบประมาณ 4-5% ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นตามกำไรของ บมจ.แอดวานซ์ อินโฟร์เซอร์วิส เพราะ กำไรสุทธิของกลุ่มชิน จะมาจากกำไรสุทธิถึง 80-90% จะมาจาก แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส
ทั้งนี้บริษัทคาดว่า ADVANC จะมีกำไรสุทธิปี49จำนวน 19,880 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5% จากปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 18,908.50 ล้านบาท เพราะในช่วงต้นปี 49 บริษัทได้มีการปรับค่าบริการเพิ่มขึ้น จากปี 48 เนื่องจากครึ่งปีหลังได้รับผลกระทบจากการแข่งขันราคา
สำหรับ SATTEL คาดว่าจะมีกำไรสุทธิ เพิ่มขึ้น จากปี 48 เนื่องจากจะได้รับผลดีทางดาวเทียม ส่วน CSL คาดว่าจะมีกำไรใกล้เคียงกับปี48 ซึ่งจะรักษาการเติบโตอินเตอร์เน็ตให้ใกล้เคียงปีที่ผ่านมา จากการแข่งขันที่สูง และบริษัทมีค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นเพื่อทำการตลาด
แหล่งข่าวนักวิเคราะห์ กล่าวว่า คาดกำไรสุทธิของ หุ้นกลุ่มชิน ปี 49 โต 5-10% ซึ่งถือว่าเป็นการโตที่ไม่หวือหวา ซึ่งเป็นการเติบโตจากการดำเนินงานปกติ หลังจากปี 48 ADVANC ซึ่งมีสัดส่วนรายได้กลุ่มชิน80-90% ได้รับผลกระทบจากการแข่งขันด้านราคา ทำให้กำไรสุทธิในปีที่ผ่านมาลดลง แต่ในต้นปีได้มีการปรับค่าบริการเพิ่มขึ้นถึง 50% ทำให้ปีนี้จะมีกำไรที่ดีขึ้น ส่วน SATTEL ก็จะได้รับผลดีหากมีการเซ็ญสัญญากับดาวเทียมกับ จีน และอินเดีย
**ตลท.สรุปผลสอบSHINมี.ค.
นายศักรินทร์ ร่วมรังษี ผู้ช่วยผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยว่า ขณะนี้ ตลท.อยู่ระหว่างตรวจสอบการใช้ข้อมูลภายใน (อินไซเดอร์ เทรดดิ้ง) ของการซื้อขายหุ้นบริษัท ชิน คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน)หรือ SHIN และ บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน)หรือ ADVANC ซึ่งคาดว่าจะได้ข้อสรุปภายในเดือนมี.ค. 2549 ตามที่เคยกำหนดไว้
ทั้งนี้จากการตรวจสอบการซื้อขายหุ้น บริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน)หรือ SC ของฝ่ายตรวจสอบพบว่า การเคลื่อนไหวของราคาและปริมาณการซื้อขายไม่มีความผิดปกติ หากฝ่ายตรวจสอบพบความผิดปกติจะสั่งห้าม Net settlement และ Margin ทันที
**ตลาดหุ้นร่วง9จุดห่วงการเมือง
ด้านภาวะการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์วานนี้ (28 ก.พ.) ดัชนีปิดที่ 744.05 จุด ลดลง 9.05 จุด หรือ 1.20% โดยจุดสูงสุดอยู่ที่ 750.27 จุด และจุดต่ำสุดอยู่ที่ 743.01 จุด มูลค่าการซื้อขาย 19,022.87 ล้านบาท นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 1,280.04 ล้านบาท นักลงทุนสถาบันซื้อสุทธิ 537.16 ล้านบาท และนักลงทุนรายย่อยขายสุทธิ 1,817.21 ล้านบาท
นางสาววิริยา ลาภพรหมรัตน ผู้อำนวยฝ่ายวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ เกียรตินาคิน จำกัด กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวานนี้ (28 ก.พ.) ปรับตัวลดลงแรงในช่วงบ่ายเนื่องจาก ปัจจัยทางการเมืองที่มีกระแสข่าวออกมาหลายเรื่องทำให้มีความสับสน แต่มูลค่าการซื้อขายถือว่าอยู่ในระดับที่ดี ทั้งนี้การที่หุ้นกลุ่มธนาคาร อสังหาริมทรัพย์มีการปรับตัวลดลง เพราะ ที่ผ่านมาราคาหุ้นมีการปรับตัวเพิ่มขึ้น
สำหรับแนวโน้มตลาดหุ้นวันนี้ จะต้องติดตามเรื่องปัจจัยทางการเมืองว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงอย่างไรบ้าง ซึ่งหากยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงดัชนีฯคาดว่าจะยังคงทรงตัวโดยมองแนวรับที่ 740 จุด แนวต้าน 750 จุด
นางสาวสุภากร สุจิรัตนวิมล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ ทีเอสอีซี จำกัด กล่าวว่าดัชนีตลาดหลักทรัพย์วานนี้ดัชนีอ่อนตัวลงโดยตลอดทั้งวันเคลื่อนไหวอยู่ในแดนลบเนื่องจากได้รับอิทธิพลจากข่าวทางการเมือง หลังจากส.ส.พรรคฝ่ายค้านไม่ส่งผู้สมัครลงแข่งขันเลือกตั้ง ทั้งนี้นักลงทุนต่างชาติเริ่มทะยอยขายหุ้นทำกำไรออกมา ประกอบกับหุ้นกลุ่มหลักๆที่ปรับตัวขึ้นเมื่อวานนี้ปรับตัวลดลงอาทิ เช่น หุ้นกลุ่มแบงก์ กลุ่มอสังหาริมทรัพย์ กลุ่มสื่อสาร ส่งผลให้ดัชนีวันนี้ปรับตัวลดลง
สำหรับแนวโน้มดัชนีตลาดหลักทรัพย์วันนี้คาดว่าดัชมีความผันผวนสูง ตัวเลขเศรษฐกิจโดยรวมเริ่มชะลอตัวหลังจากได้รับผลกระทบจากปัจจัยทางการเมือง ทำให้นักลงทุนชะลอการลงทุน แต่คาดว่าจะมีการเข้ามาเก็งกำไรในหุ้นกลุ่มเล็กๆที่ไม่ได้รับผลกระทบจากข่าวการเมือง โดยประเมินแนวรับที่ 743-740 จุด และแนวต้านที่ 753 จุด
|