Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page


ตีพิมพ์ใน นิตยสารผู้จัดการ
ฉบับ มีนาคม 2549








 
นิตยสารผู้จัดการ มีนาคม 2549
Aqua-line ทางหลวงสาย 409             
โดย ภก.ดร. ชุมพล ธีรลดานนท์
 


   
search resources

Innovation




ปรากฏแสงอาทิตย์เล็ดลอดเข้ามาทางด้านหน้าทั้งที่ยังมองไม่เห็นทางออกเป็นจังหวะเดียวกับที่รถยนต์แล่นผ่านเลขหลักกิโลเมตรที่ 9 ที่กำกับอยู่บนผนังด้านซ้ายมือ จากนั้นถนนก็พลันตีโค้งบิดตัวเลี้ยวขึ้นไปสู่ Umihotaru เกาะกลางอ่าวโตเกียวที่เกิดจากฝีมือสร้างของมนุษย์ (man-made island)

นัยว่าความตื่นตาตื่นใจกับ panorama view 360 องศาที่อยู่เบื้องหน้าจะบดบังสัญชาตญาณจนลืมรับรู้ถึงความเปลี่ยนแปลงของแสงสว่างระหว่างภายในกับภายนอกอุโมงค์ที่เพิ่งผ่านพ้นออกมา

แท้ที่จริงแล้วนี่คือผลจากการประยุกต์ความรู้พื้นฐานทางฟิสิกส์เข้ากับชีววิทยาที่อาศัยความโค้งของถนนช่วยชะลอความเร็วรถซึ่งคำนวณออกมาเป็นระยะเวลาพอดีกับที่ระบบประสาทอัตโนมัติใช้ปรับขนาดม่านตาให้รับกับความจ้าของแดดภายนอกเสริมทัศนวิสัยในการขับขี่ได้อย่างปลอดภัย

นี่เป็นเพียงตัวอย่างหนึ่งของความประณีตในการออกแบบ toll road ใต้ท้องทะเลที่ยาวที่สุดในโลกซึ่งสะท้อนวิสัยทัศน์ของแผนพัฒนาประเทศว่าด้วยการสร้างระบบเครือข่ายสาธารณูปโภคพื้นฐานรองรับการทะยานขึ้นสู่ชาติมหาอำนาจทางเศรษฐกิจโลกในช่วงปี 1960 อันเป็นห้วงเวลาที่ญี่ปุ่นประสบความสำเร็จในการสรรค์สร้างนวัตกรรมใหม่ๆ ขึ้นมามากมายยกตัวอย่างเช่น Shinkansen รถไฟที่แล่นเร็วที่สุดในโลกสร้างขึ้นมารองรับ Tokyo Olympic 1964 ทว่าโครงการ Aqua-line ที่ริเริ่มขึ้นในปี 1966 กลับไม่สามารถทำให้สำเร็จได้ด้วยข้อจำกัดหลายประการ

ความชำนาญในการเจาะอุโมงค์ในภูเขาหรือการสร้างรถไฟใต้ดินไม่อาจนำมาใช้กับการขุดอุโมงค์ลอดทะเลได้เนื่องจากดินใต้ท้องทะเลมีความอ่อนตัวกว่าหินผาหรือแม้กระทั่งพื้นดินบนเกาะของญี่ปุ่นอย่างเทียบกันไม่ได้ นอกจากนี้แล้วแรงดันของปริมาณน้ำทั้งอ่าวอาจจะพังทลายอุโมงค์ได้ทุกขณะและนี่ยังไม่ได้นับรวมถึงแรงสะเทือนของแผ่นดินไหวที่มักจะมีจุดกำเนิดจากใต้ทะเล

กระนั้นก็ดีการสร้างระบบวงแหวนรอบนอกมหานครโตเกียวมีความจำเป็นอย่างยิ่งในการรองรับการเติบโตทางเศรษฐกิจของญี่ปุ่น อีกครั้นจะสร้างเป็นสะพานข้ามอ่าวซึ่งไม่ได้เหนือบ่ากว่าแรงเทคโนโลยีญี่ปุ่นในขณะนั้นก็ตาม แต่สะพานอาจเป็นอุปสรรคต่อเรือเดินสมุทรที่ขนส่งสินค้าในเขตอุตสาหกรรมหลายแห่งที่เรียงรายรอบอ่าวโตเกียวกลายเป็นความฝันอันเลื่อนลอยอยู่นับสิบปีจนกระทั่งความก้าวล้ำทางวิศวกรรมโยธาที่ญี่ปุ่นได้เพาะบ่มมาแรมปีจนมั่นใจว่าสามารถเอาชนะธรรมชาติได้โดยเฉพาะประเด็นเรื่องความปลอดภัยซึ่งนำไปสู่การลงมือก่อสร้าง Aqua-line ทางหลวงสาย 409 ในปี 1989

เส้นทางเชื่อมอ่าวที่เลือกไม่ใช่บริเวณที่แคบที่สุดของอ่าวโตเกียวแต่เป็น การโยงสองจุดยุทธศาสตร์ที่มีความสำคัญต่อภาคธุรกิจ-อุตสาหกรรมทั้งระบบในเขต Kanto (ได้แก่ มหานครโตเกียวและปริมณฑล) โดยแบ่งโครงการออกเป็นสองช่วง คือ (1) Aqua Tunnel อุโมงค์คู่ขนานความยาวประมาณ 10 กิโลเมตรลอดใต้อ่าวโตเกียวที่ระดับความลึกสุดที่ 60 เมตรจากฝั่ง Kawasaki ทางตะวันตกของโตเกียวมาถึง Umihotaru เพื่อคงผิวทะเลไว้เป็นเส้นทางการเดินเรือสมุทร (2) Aqua Bridge สะพานเหนือทะเลความยาวประมาณ 5 กิโลเมตรจาก Umihotaru สู่ฝั่งทางตะวันออกที่เมือง Kisaradzu ในจังหวัด Chiba ซึ่งไปเชื่อมต่อกับถนนวงแหวนที่ซับซ้อนรอบนอกเมืองหลวงที่กึ่งกลางของ Aqua Tunnel สร้างเป็นหอคอยคู่ (ที่เรียกว่า Kaze no Tou) ขนาดต่างกันขึ้นมาสำหรับระบายอากาศ ซึ่งเป็นอีกมาตรการหนึ่งเพื่อความปลอดภัยภายในอุโมงค์คู่ขนานโดยออกแบบให้สอดคล้องกับผลการวิเคราะห์สถิติกระแสลมที่พัดผ่านอ่าวโตเกียวในทุกฤดูกาล

เครื่องขุดเจาะอุโมงค์อัตโนมัติทรงกระบอกเส้นผ่าศูนย์กลางของใบพัด 14.14 เมตรซึ่งมีขนาดใหญ่ที่สุดในโลกจำนวน 8 เครื่องถูกกระจายไปยัง 3 จุด คือ Ukishima (ทางลงจากฝั่ง Kawasaki) 2 เครื่อง Kaze no Tou 4 เครื่อง และ Umihotaru 2 เครื่องแล้วแยกกันขุดไปเจอกันที่ตรงกลางของทั้งสองช่วงอุโมงค์ ซึ่ง แผนงานที่รัดกุมนี้ช่วยลดระยะเวลาการก่อสร้างทั้ง 20 กิโลเมตร (ความยาว 10 กิโลเมตร จำนวน 2 อุโมงค์) ลงเหลือ เพียง 2 ปี

ในระหว่างการก่อสร้างนั้นหอคอยคู่นี้ใช้เป็นหนึ่งในสามของทางลง work base สำหรับการขุดและสร้างกำแพงภายในอุโมงค์ซึ่งป้องกันการพังทลายด้วยเทคนิคที่เรียกว่า Slurry Shield Tunneling Method หลังจากสร้างเสร็จแล้ว Kaze no Tou ทำหน้าที่เสมือน "จมูก" ของอุโมงค์ที่ทอดตัวอยู่เบื้องล่าง

คำว่า Umihotaru แปลตรงตามศัพท์หมายถึงหิ่งห้อยทะเลซึ่งเป็นสัตว์ทะเลขนาดเล็กเพียง 3 mm แต่มีบทบาทสำคัญต่อห่วงโซ่อาหารในระบบนิเวศวิทยาของสิ่งมีชีวิตที่อาศัยอยู่รอบทะเลของญี่ปุ่น โดยเฉพาะในอ่าวโตเกียว สอดคล้องกับลักษณะของหิ่งห้อยทะเลชื่อ "Umihotaru" จึงถูกหยิบยืมมาใช้กับ man-made island เกาะนี้ที่มีบทบาทเป็น Parking Area* เพียงแห่งเดียวในญี่ปุ่นที่สร้างอยู่กลางทะเล

อีกด้านหนึ่งสะพาน Aqua Bridge ถูกออกแบบให้เข้ากับสภาพแวดล้อมของทะเลในอ่าวโตเกียวมากที่สุดโดยใช้ฐานของเกาะ Umihotaru ยึดตอม่อสะพาน ซึ่งฝังอยู่ใต้ทะเลทอดยาวไปสู่แผ่นดินด้านตะวันออกจนถึงเมือง Kisaradzu

ในที่สุด Aqua-line สร้างเสร็จด้วยงบประมาณ 1.44 ล้านล้านเยนและเปิดใช้ตั้งแต่ต้นเดือนธันวาคม 1997 ย่นระยะทางระหว่าง Kawasaki-Kisaradzu จาก 110 เหลือ 15 กิโลเมตร ซึ่งใช้เวลาสัญจรข้ามฟากไม่ถึง 15 นาที ไม่เพียงเพิ่มความคล่องตัวในการเดินทางอย่างมีพลวัตแต่ยังลดปริมาณการบริโภคน้ำมันช่วยประหยัดพลังงานของโลก อีกทั้งผลักดันโอกาสทางธุรกิจให้เปิดกว้าง เช่น เส้นทางใหม่ของรถประจำทางจากสนามบิน Narita สนามบิน Haneda-Kawasaki-Yokohama-Shizuoka, อุตสาหกรรมท่องเที่ยวบน Umihotaru, ช่วยลดต้นทุนในการขนส่งสินค้า เป็นต้น ในขณะที่ภาครัฐก็มีรายได้เพิ่มจากค่าผ่านทางและเพิ่มศักยภาพให้กรมทางหลวงต่อกรในด้านการบริการกับแข่งกิจการรถไฟญี่ปุ่น

ผลพวงจากความมานะในการตัดผ่าใต้ผืนน้ำทำ by-pass ให้กับหัวใจเศรษฐกิจญี่ปุ่นยังก่อประโยชน์อื่นอีกนานัปการเกินกว่าจะยกมากล่าวได้ทั้งหมด อย่างไรก็ตาม สิ่งเหล่านี้ไม่ได้มุ่งเน้นที่จะสะท้อนการบริหารเงินภาษีราษฎรอย่างคุ้มค่าเพราะนี่คือญี่ปุ่นประเทศที่ปรัชญาการพัฒนาประเทศได้ก้าวผ่านมิตินั้นไปนานมากแล้ว

*อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม :

นิตยสารผู้จัดการ คอลัมน์ Japan Walker ฉบับเดือนมิถุนายน 2547 หรือที่
http://www.gotomanager.com/news/details.aspx?id=11296   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us