Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page


ตีพิมพ์ใน นิตยสารผู้จัดการ
ฉบับ มีนาคม 2549








 
นิตยสารผู้จัดการ มีนาคม 2549
An Oak by the window...Mobile Money             
โดย ธวัชชัย อนุพงศ์อนันต์
 


   
search resources

Innovation




ในระยะนี้ เราจะเห็นโฆษณากระเป๋าเงินดิจิตอลซึ่งมีเป้าหมายอยู่ที่กลุ่มลูกค้าวัยรุ่น และวัยเริ่มต้นทำงานที่เน้นชีวิตที่ทันสมัย ทั้งทางหน้าจอทีวีและมีการจัดกิจกรรมโดยการใช้มินิคอนเสิร์ตเข้าช่วยในการดึงลูกค้า

สถานการณ์แบบนี้ทำให้ผมรู้สึกว่า สังคมเศรษฐกิจของเรากำลังจะเปลี่ยนแปลงไปอีกขั้นหนึ่งแล้ว และความหวังที่จะเห็น e-money ที่ผมเฝ้ารอมานาน ก็ใกล้จะเป็นจริงแล้วเช่นกัน

มันเกี่ยวข้องกันอย่างไร เราจะไปถึงจุดนั้นได้จริงหรือไม่ และยังมีอุปสรรคอีกมากมายแค่ไหนที่จะไปถึงฝั่งฝัน ผมจะเล่าชี้แจงให้ฟังในบรรทัดต่อๆ ไปครับ

ผมเฝ้าติดตามเรื่องราวการเปลี่ยน แปลงโครงสร้างเศรษฐกิจในส่วนที่สำคัญที่สุดส่วนหนึ่งมานานพอสมควรแล้ว ระบบที่ว่านั้นคือระบบการแลกเปลี่ยนซื้อขายสินค้าด้วยเงินตรา ซึ่งส่วนใหญ่ประกอบด้วยธนบัตร และเหรียญกษาปณ์เป็นหลัก และเป็นระบบที่มีมาตั้งแต่ศตวรรษที่ 17 แล้ว การเข้าไปเปลี่ยนแปลงในจุดนี้คนทำต้องกินดีหมีเข้าไปเพราะต้องใช้ความกล้าหาญมากๆ เพราะเท่ากับเป็นการปรับโครงสร้างของระบบเศรษฐกิจขนานใหญ่ ซึ่งที่ผ่านมา เรายังทำได้ แต่เพียงการเพิ่มสื่อกลางการแลกเปลี่ยนซื้อขายสินค้า เช่น นำบัตรเครดิต, เช็ค, บัตร เดบิต ฯลฯ เข้าไปเท่านั้น

ในช่วงสิบปีที่ผ่านมา มีความเพียรพยายามของหลายกลุ่มธุรกิจที่จะสร้างระบบอีมันนี่ซึ่งมาพร้อมกับการเติบโตอย่างรวดเร็วของเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์และอินเทอร์เน็ต โดยการปรับเปลี่ยนให้ระบบการซื้อขายสินค้า ในอินเทอร์เน็ตทั้งหมดหันมาใช้ระบบเงินอิเล็กทรอนิกส์ในการแลกเปลี่ยนซื้อขายแทน และให้ทั้งโลกมีเพียงระบบเงินตราเดียว หรืออาจจะใช้ระบบอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราเทียบ กับสกุลเงินของแต่ละประเทศก็ตามที และถ้า เป็นไปได้พวกเขาก็อยากจะให้การซื้อขายในทุกระดับใช้ระบบเงินอิเล็กทรอนิกส์ทั้งหมด มิใช่แค่เพียงการซื้อขายแลกเปลี่ยนผ่านอินเทอร์เน็ตเท่านั้น โดยอาศัยตัวกลางที่ทำหน้าที่ เสมือนเป็นกระเป๋าตังค์ที่เก็บเงินอิเล็กทรอนิกส์ นั้น เช่นอาจจะเป็นบัตรสมาร์ทการ์ด ซึ่งแน่นอนว่า ร้านค้าที่เราไปทำการซื้อขายด้วยก็ต้องรองรับบัตรนี้เช่นกัน

อย่างไรก็ตาม ในช่วงสิบปีที่ผ่านมา ดูเหมือนว่าความพยายามเหล่านี้จะล้มเหลวไม่เป็นท่า แต่ท่ามกลางความล้มเหลวนั้น ก็มีความเปลี่ยนแปลงที่สำคัญ สองสามอย่างเกิดขึ้นด้วย ซึ่งเป็นการเปลี่ยนแปลงในประเทศ ไทย ได้แก่

พฤติกรรมผู้บริโภคที่เริ่มยอมรับเทคโน โลยีใหม่ๆ มากขึ้น โดยเฉพาะเทคโนโลยีโทรศัพท์มือถือ (ทุกวันนี้ เราจะเห็นผู้คนทุกเพศ ทุกวัย ทุกสาขาอาชีพใช้โทรศัพท์มือถือเป็นอุปกรณ์ติดกายกันเกือบทุกคน โดยเฉพาะ ที่อาศัยอยู่ในเขตเมือง) พร้อมๆ กับการรับเอาโทรศัพท์มือถือมาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวัน

อินเทอร์เน็ตกลายเป็นเครื่องมือในการ ทำงาน, การเรียน และการใช้ชีวิตประจำวันอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

เช่นเดียวกับการใช้บัตรเครดิตและบัตรเดบิตที่เราก็เริ่มเห็นเป็นเรื่องปกติในชีวิตประจำวันมากขึ้น ทุกวันนี้จำนวนบัตรเครดิต ที่หมุนเวียนในตลาดมีเพิ่มมากขึ้น ในขณะที่บัตรเดบิตก็สามารถใช้จับจ่ายซื้อสินค้าได้สะดวกขึ้นมีระบบรองรับเป็นเรื่องเป็นราว โดยเฉพาะการพยายามเข้าสู่ตลาดวัยรุ่นของบัตรเงินสดที่กล่าวถึงในช่วงต้นอย่างโอเคแคช (ของบริษัทเพย์เมนท์ โซลูชั่น จำกัด) และบัตรสมาร์ทเพิร์ส (ของบริษัทไทยสมาร์ท คาร์ด จำกัด) ซึ่งสามารถใช้ร่วมกับตู้เอทีเอ็มของธนาคารทั่วไปได้ และสามารถนำไปใช้ในร้านค้าต่างๆ ได้หลากหลายขึ้น

ในช่วงหนึ่งที่ผมได้ใช้ชีวิตในประเทศออสเตรเลีย บัตรเดบิตเป็นบัตรสำคัญที่ผมใช้ เป็นเครื่องมือในการจับจ่ายซื้อสินค้าโดยผมไม่ต้องถือเงินสดจำนวนมากมายนัก และในแต่ละร้านไม่ว่าจะเป็นร้านเล็กร้านน้อยอย่างโชวห่วยหน้าปากซอย หรือห้างสรรพสินค้าซูเปอร์มาร์เก็ตขนาดใหญ่ล้วนมีระบบรองรับบัตรเดบิตนี้ทำให้การซื้อสินค้าเล็กๆ น้อยๆซึ่งอาจจะเป็นหนังสือพิมพ์สักเล่มหนึ่งไปจน ถึงเครื่องใช้ไฟฟ้าชิ้นใหญ่สามารถทำได้โดยสะดวก ซึ่งผมก็คาดว่าระบบการเงินในอนาคต ของประเทศไทยก็จะรองรับได้ในระดับนั้น

นอกจากนี้ การผสมผสานเทคโนโลยีโทรศัพท์มือถือเข้ากับอินเทอร์เน็ต การซื้อขาย สินค้าบนอินเทอร์เน็ตที่อาศัยบัตรเครดิต และ ในอนาคตอันใกล้ก็จะต้องมีการผสมผสานการใช้งานบัตรเครดิตและบัตรเดบิตเข้ากับเทคโนโลยีโทรศัพท์มือถือ (เช่น การเติมเงิน) ก็ทำให้ระบบการเงินเชื่อมต่อเข้ากับระบบเทคโนโลยีการสื่อสารและทำให้ช่องว่างระหว่าง เทคโนโลยีกับผู้บริโภคเริ่มแคบลงๆ

ล่าสุด มีเทคโนโลยีใหม่ที่เรียกว่า Near-field communication หรือ NFC ซึ่งใช้สำหรับการติดต่อสื่อสารในระยะทางที่สั้นๆ (เพียงไม่กี่เซนติเมตร) และความเร็วในการถ่ายโอนข้อมูลก็ไม่ได้สูงมากนักแต่เป้าหมายของการนำ NFC มาใช้ก็เพื่อมาแทนที่การใช้ธนบัตร, เหรียญกษาปณ์, ตั๋ว และคีย์การ์ดต่างๆ โดยนำการ์ดแบบไร้สัมผัส (con-tactless) มาผสมผสานกับเทคโนโลยีโทรศัพท์มือถือ

ปัจจุบันมีการใช้การ์ด แบบไร้สัมผัสอยู่ในหลายกิจกรรม โดยเฉพาะ ระบบขนส่งมวลชน (เราอาจจะเห็นได้จากระบบรถไฟใต้ดินของไทยเรา), การซื้อขายสินค้าบางชนิด และตั๋วเข้าชมงานต่างๆ

และเริ่มมีการนำการ์ดแบบไร้สัมผัสนี้มาใส่เข้าไว้ในโทรศัพท์มือถือบ้างแล้ว เช่น ใน ฮ่องกงและญี่ปุ่น ซึ่งทำให้โทรศัพท์มือถือที่เราใช้อยู่สามารถทำหน้าที่เป็นได้ทั้งกระเป๋าเงินดิจิตอล, ตั๋วชมภาพยนตร์ หรือตั๋วรถไฟ โดยอาศัยหน้าจอของโทรศัพท์มือถือ จะช่วยให้การเติมเงินและการตรวจสอบสถานะของกระเป๋าและตั๋วสะดวกขึ้น สามารถเติมเงินได้ ทุกที่ทุกเวลา โดยไม่ต้องอาศัยเคาน์เตอร์ขาย ตั๋วคอยช่วยเช็กตลอดเวลา

นอกจากนี้ยังมีการนำบัตรแบบไร้สัมผัสมาใช้ควบคุมการเปิดปิดประตูบ้านได้ด้วย และเป็นการเพิ่มช่องทางการโฆษณาสินค้า โดยการทำโปสเตอร์โฆษณาอัจฉริยะที่เพียงแค่เรานำโทรศัพท์มือถือที่มีการ์ดไร้สัมผัสเข้าไปใกล้ๆ โปสเตอร์ก็สามารถเชื่อมต่อเข้ายังเว็บไซต์ของโฆษณานั้น เพื่อชมสินค้า ใหม่ๆ, ซื้อสินค้า หรืออาจจะดาวน์โหลดริงโทนและวอลล์เปเปอร์น่ารักๆ มาใช้งาน

อย่างไรก็ตาม ปัญหาก็คือปัจจุบันมีเทคโนโลยีที่แต่ละบริษัทต่างคนต่างคิดขึ้นมามากมายทำให้เป็นเรื่องยากอยู่ที่จะไปใช้งานข้ามเครือข่ายกันได้ แม้จะมีการพยายามสร้างฟอรัม (NFC Forum) ซึ่งเป็นการรวมตัวกันของกลุ่มอุตสาหกรรมในวงการนี้ ไม่ว่า จะเป็นโนเกีย, ฟิลิปส์, โซนี่, มาสเตอร์การ์ด, มัทซึชิตะ, ไมโครซอฟท์, โมโตโรล่า, เอ็นอีซี, ซัมซุง, เท็กซัส อินสตรูเมนต์, วีซ่า ก็ตาม แต่ดูเหมือนว่าผู้ให้บริการโทรศัพท์มือถือยังไม่ได้สนับสนุนอย่างเต็มตัวนัก ส่วนหนึ่งอาจจะเป็นเพราะพวกเขายังมองว่า NFC จะเข้ามาแย่งส่วนแบ่งรายได้ และยังไม่เห็นว่าจะสามารถสร้างรายได้จากเทคโนโลยีใหม่นี้ได้มากนัก

ปัญหาอีกอย่างหนึ่งเป็นเรื่องของเทคโน โลยีที่ NFC มีข้อจำกัดเกี่ยวกับระยะทางการติดต่อและความเร็วในการส่งผ่านข้อมูล ทำให้ การประยุกต์ใช้เพื่อสร้างรายได้อาจจะไม่กว้าง ขวางเท่าเทคโนโลยีไร้สายแท้ๆ อื่นๆ

อย่างไรก็ตาม NTT DoCoMo ได้ตัดสินใจเข้าซื้อหุ้น 34% ในบริษัทซูมิโตโม มิตซุย การ์ด ซึ่งเป็นผู้ให้บริการบัตรเครดิตอันดับสองของประเทศญี่ปุ่นเรียบร้อยแล้ว และพร้อมที่จะเข้ารุกตลาดการให้บริการเกี่ยวกับธุรกรรมทางการเงินอย่างเต็มตัวในประเทศญี่ปุ่น ซึ่งถือเป็นการเดินหน้าอย่างเต็มตัวที่คงจะต้องติดตามอย่างไม่กะพริบตา

จริงๆ แล้วโทรศัพท์มือถือก็สามารถใช้ในการทำธุรกรรมทางการเงินมาได้แล้วพักใหญ่ แต่ยังไม่ค่อยสะดวกนักในแง่การใช้งาน

แต่การเปลี่ยนแปลงที่สำคัญดังกล่าวข้างต้นนี้ซึ่งสอดคล้องกับการที่โทรศัพท์มือถือกลายเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวันของเราไปแล้วนั้น ทำให้โทรศัพท์ มือถือเพิ่มบทบาทในการทำธุรกรรมทางการ เงินที่ลึกซึ้งมากขึ้น โดยทำหน้าที่เป็นกระเป๋า เงินอย่างเต็มตัว เพราะสามารถใช้งานได้กับธุรกรรมปกติในชีวิตประจำวันซึ่งโทรศัพท์มือถือก็มุ่งไปในทิศทางนั้นอยู่และสามารถเชื่อมประสานเข้ากับระบบการซื้อขายผ่านอินเทอร์เน็ตโดยสามารถตัดเงินจากกระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์ในโทรศัพท์มือถือได้โดยตรง

ความฝันที่จะสร้างระบบเงินอิเล็ก ทรอนิกส์หรือ e-money แบบสมบูรณ์แบบ โดยเข้าไปแทนที่การใช้ธนบัตร, เหรียญกษาปณ์ รวมถึงบัตรเครดิตและบัตรเดบิต ทั้งในกิจกรรมปกติในชีวิตประจำวันกับธุรกรรมผ่านอินเทอร์เน็ตใดๆ ก็ไม่ใช่แค่ความฝันกลางฤดูร้อนอีกต่อไป

ผมเฝ้าดูมาสิบปีและกำลังเฝ้าดูต่อไปแบบระทึกใจ

1. In the very near future', The Economist Technology Quarterly, ฉบับ December 10th, 2005 หน้า 20-21.

2. โชจิ, ฮิดากา (2545), ยูบิควิตัส, (Ubiquitous) คีย์เวิร์ดของโลก IT แห่งอนาคต, กรุงเทพฯ : สมาคมส่งเสริมเทคโนโลยี (ไทย-ญี่ปุ่น)

3. "วัยทีนกรี๊ด! กระเป๋าเงินดิจิตอล", นิตยสาร Positioning, ฉบับกุมภาพันธ์ 2006 หน้า 136-138   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us