PPM ไม่หวั่นกำไรงวดสิ้นปี 48 หด ประกาศจ่ายเงินปันผลให้ผู้ถือหุ้นอัตราหุ้นละ 80 สตางค์ กำหนดจ่าย 25 พฤษภาคม 48 เตรียมประชุมผู้ถือหุ้น วันที่ 25 เมษายน 49 และปิดสมุดทะเบียนผู้ถือหุ้น ตั้งแต่วันที่ 5 เมษายน 49 เวลา 12.00 น. จนกว่าการประชุมจะแล้วเสร็จ

นายชำนาญ พรพิไลลักษณ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท พรพรหมเม็ททอล จำกัด (มหาชน) (PPM) แจ้งผลการดำเนินงานของบริษัทสิ้นสุด 31 ธันวาคม 48 ว่าบริษัทมีกำไรสุทธิ 33.36 ล้านบาท หรือลดลงจากงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 51.88 ล้านบาท ส่งผลให้กำไรต่อหุ้นลดลงจาก 39 สตางค์ต่อหุ้นเหลือ 21 สตางค์ต่อหุ้นหรือกำไรสุทธิลดลง 35.69%

เนื่องจากบริษัทฯ มีรายได้จากการขาย 2,384.87 ล้านบาท ในปี 48 เพิ่มขึ้นจาก 1,350.58 ล้านบาทของปีที่แล้ว คิดเป็นอัตราการเติบโตร้อยละ 76.58 เนื่องจากยอด ขายในกลุ่มผลิตภัณฑ์วัตถุดิบอุตสาหกรรมยังมีการปรับตัวเพิ่มขึ้นมาก โดยเฉพาะสินค้าสเตนเลสแผ่น ประกอบกับการขยายฐานลูกค้าของบริษัทที่ยังคงเป็นไปอย่างต่อเนื่อง

ส่งผลให้บริษัทฯ มีกำไรขั้นต้น 189.84 ล้านบาทในปี 48 เพิ่มขึ้นจาก 149.60 ล้านบาทของปีที่แล้ว คิดเป็นอัตราเพิ่มขึ้น 26.90% ขณะที่ปีดังกล่าวค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารลดลง อันเป็นผลจากมาตรการควบคุมค่าใช้จ่ายอย่างมีประสิทธิภาพส่งผลให้ต้นทุนการบริหารงานต่ำลง

แต่จากความผันผวนของราคาวัตถุดิบในตลาดโลกและอัตราแลกเปลี่ยน โดยในปี 48 บริษัทฯมีการขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนและดอกเบี้ยจ่ายเพิ่มขึ้นมาก จึงส่งผลต่อการดำเนินงาน รวมของบริษัทลดลงจากงวดเดียวกันของปีก่อน

พร้อมกันนี้ PPM ยังแจ้งมติ ที่สำคัญจากการประชุมคณะกรรมการบริษัท ครั้งที่ 1/2548 เมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 49 ว่า มีมติอนุมัติการจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้น ซึ่งมีรายชื่อตามสมุดทะเบียนผู้ถือหุ้น ณ วันที่ 5 เมษายน 49 ในอัตราหุ้นละ 0.08 บาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 12.80 ล้านบาท โดยบริษัทจะจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นภายในวันที่ 25 พฤษภาคม 48 และจัดสรรเป็นทุนสำรองของบริษัท จำนวน 1.70 ล้านบาท

กำหนดวันปิดสมุดทะเบียนผู้ถือหุ้น ตั้งแต่วันที่ 5 เมษายน 49 เวลา 12.00 น. จนกว่าการประชุมจะแล้วเสร็จ เพื่อกำหนดสิทธิของผู้ถือหุ้นในการเข้าร่วมประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี และเพื่อกำหนดสิทธิของผู้ถือหุ้นในการรับเงินปันผล

กำหนดวันประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี ครั้งที่ 1/2549 ในวันที่ 25 เมษายน 2549 โดยเวลาและสถานที่จะแจ้งให้ผู้ถือหุ้นทราบผ่านระบบของตลาดหลักทรัพย์ฯ ต่อไป เพื่อพิจารณาเรื่อง ต่างๆ ตามระเบียบวาระการประชุม