|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
จัดสรรชี้ตลาดบ้านระดับราคาเกิน 4 ล้านบาทเริ่มมีแววชะลอตัว หลังฐานลูกค้าส่วนใหญ่เป็นนักธุรกิจหวั่นเศรษฐกิจชะงักจากสถานการณ์ทางการเมือง หันกำเงินสดเป็นทุน หมุนเวียนธุรกิจ
แม้ว่าหลายฝ่ายยังเป็นห่วงว่า ปัจจัยลบที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน ไม่ว่า จะเป็นปัจจัยเรื่องราคาน้ำมัน, อัตราดอกเบี้ย และเงินเฟ้อ และโดยเฉพาะกระแสทางการเมืองในขณะนี้ที่เรียกได้ว่าอยู่ในช่วง"สุกงอม"หรือ เข้าสู่วิกฤตศรัทธาต่อรัฐบาลในชุดปัจจุบัน จนทำให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ต้องกลืนน้ำลายประกาศยุบสภาลงเมื่อวันที่ 24 ก.พ.ที่ผ่านมา และกำหนดให้มีการเลือกตั้งในวันที่ 2 เม.ย.นี้ ซึ่งจะมีความชัดเจนทางการเมือง แต่ในมุมมองของนักธุรกิจทุกรายต่างประเมินสถานการณ์ว่าแนวโน้มการขยายตัวทางเศรษฐกิจคงจะชะลอตัว ทำให้ต้องเตรียมแผนรับมือกับความผันผวนในอนาคต
นายมานพ พงศทัต ในฐานะนายกสมาคมอสังหาริมทรัพย์นานาชาติ เปิดเผยว่า ปัญหาการ เมืองขณะนี้เริ่มส่งผลกระทบต่อธุรกิจทุกแขนงแล้ว ซึ่งในส่วนของสถาบันการเงินมีการชะลอปล่อยสินเชื่อลง บริษัทต่างๆ และบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เริ่มทบทวน แผนดำเนินงานของบริษัท รวมถึงผู้บริโภคในตลาดเริ่มมีการชะลอการซื้อเพื่อรอดูสถานการณ์ ซึ่งเป็น เรื่องปกติที่เมื่อมีเหตุการณ์ หรือปัจจัยลบเข้ามากระทบเศรษฐกิจ ของประเทศย่อมทำให้เกิดภาวะการช็อกด้านการลงทุนและกำลังซื้อ ในตลาด ซึ่งภาวะดังกล่าวคาดว่าจะเกิดขึ้นประมาณ 3-6 เดือน
แต่อย่างไรก็ตาม ที่อยู่อาศัยหรือบ้านนับว่าเป็นปัจจัยสี่ในการดำรงอยู่ของมนุษย์ จึงเชื่อว่าแม้จะมีปัจจัยลบต่างๆ เข้ามากระทบ แต่ ก็ไม่ได้ส่งผลให้เกิดภาวะชะงักงันไปโดยสิ้นเชิง แต่อาจจะชะลอการซื้อบ้านในบางส่วน สำหรับในส่วนของนักลงทุนจากต่างประเทศ ที่กำลังพิจารณาจะเข้ามาลงทุนในประเทศนั้น ขณะนี้ก็เริ่มมอนิเตอร์สถานการณ์ทางการเมืองอยู่เช่นเดียวกัน แต่มองในแง่ของเศรษฐกิจ แล้วนักลงทุนต่างประเทศยังมีความเชื่อมั่นค่อนข้างสูง เนื่องจากเศรษฐกิจของประเทศหลังจากฟื้นจากภาวะวิกฤตเศรษฐกิจที่ผ่านมาแล้วนับว่ามีเสถียรภาพและความมั่นคงที่สูง ดังนั้น ศักยภาพด้านเศรษฐกิจของประเทศในขณะนี้ ยังมีอยู่สูงและนักลงทุนต่างชาติก็ยังรอจังหวะที่จะเข้ามาลงทุนอยู่อีกจำนวนมาก
ด้านนายอิสระ บุญยัง กรรมการผู้จัดการ บริษัท กานดา พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด กล่าวว่า ขณะนี้ผู้ประกอบการทุกรายทุกธุรกิจต้องยอมรับความจริงว่า สถานการณ์การเมืองมีผลต่อเศรษฐกิจและการลงทุนแน่นอน แต่ผลกระทบดังกล่าวอาจจะยังไม่รุนแรงมากนัก เหมือนช่วงวิกฤต เศรษฐกิจที่มีผลกระทบต่อธุรกิจและอุตสาหกรรมในทุกด้าน จนเกิดการหยุดชะงักตัวของเศรษฐกิจ รวมของประเทศ
"ในเบื้องต้นเชื่อว่าทุกฝ่าย ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มธุรกิจ หรือผู้บริโภค จะชะลอการลงทุนและการซื้อออกไปแม้ทุกอย่างจะชัดเจน" นายอิสระกล่าว
แต่อย่างไรก็ตามยังมั่นใจว่าผลกระทบต่อตลาดอสังหาฯนั้น จะกระทบตลาดบางกลุ่ม(เซกเตอร์) เท่านั้น โดยเฉพาะตลาดที่อยู่อาศัยระดับ 4 ล้านบาทขึ้นไป เนื่อง จากกลุ่มผู้ซื้อดังกล่าวส่วนใหญ่เป็นกลุ่มนักธุรกิจ ซึ่งจำเป็นต้องชะลอดูภาวะตลาด ซึ่งหากภาวะตลาดไม่ดีก็ต้องชะลอการซื้อออกไป เพราะต้องนำเงินไปใช้หมุนเวียนใน เศรษฐกิจ และสามารถชะลอการซื้อออกไปได้ เนื่องจากมีบ้านเดิมอยู่ แล้ว ไม่มีความจำเป็นต้องรีบร้อนในการซื้อที่อยู่อาศัย เช่นเดียวกับกลุ่มผู้ซื้อระดับล่าง 1-2 ล้านบาท ซึ่งเป็นกำลัง(ดีมานด์)หลักและจำนวนมากที่ต้องการที่อยู่อาศัย
สำหรับการปรับตัวของธุรกิจอสังหาฯนั้น ผู้ประกอบการจำเป็นต้องลดขนาดโครงการ ขนาดของสินค้า และประเมินกำลังซื้อของผู้บริโภค จำนวนดีมานด์ในตลาด เพื่อให้เหมาะสมกับความต้องการในตลาด
นายประสงค์ เอาฬาร นายกสมาคมธุรกิจบ้านจัดสรร กล่าวว่าเชื่อว่าจะไม่กระทบตลาดอสังหาฯ มากนัก เนื่องจากการก่อสร้างโครงการต่างๆ จะมีระยะเวลาดำเนินการที่ยาว ในขณะที่ผลกระทบด้านการเมืองจะเกิดในระยะสั้น ประกอบกับเสถียรภาพเศรษฐกิจของประเทศยังมั่นคงอยู่ ทำให้ระยะเวลาในการชะลอการซื้อ อาจจะยืดออกไปบ้าง 1-2 เดือนเท่านั้น
"โดยเฉพาะลูกค้าที่ซื้อบ้านหลังแรก เมื่อมีเงินก้อนและเตรียมพร้อมตัดสินใจซื้อแล้ว เชื่อว่าหากมีการชะลอก็เป็นการชะลอในระยะสั้น 1-2 เดือนเท่านั้น แต่ความจำเป็นในการมีที่อยู่อาศัยจะทำให้ลูกค้าตัดสินใจซื้อในที่สุด" นายประสงค์กล่าว
ลามถึงธุรกิจวัสดุก่อสร้าง
นายสัญญา นองสุวรรณ กรรมการผู้จัดการสายการตลาด บริษัท โรแยล ซีรามิค อุตสาหกรรม จำกัด (มหาชน) ผู้ผลิตและจำหน่าย กระเบื้องปูพื้น-บุผนัง "RCI" กล่าว ยอมรับว่า คงปฏิเสธไม่ได้ว่าไม่มีผลต่อเศรษฐกิจและต่อภาคธุรกิจ ซึ่งเรื่องดังกล่าวเชื่อว่าจะกระทบในระยะสั้น ในส่วนของบริษัท เองก็ได้มีการเตรียมความพร้อมรับมือสถานการณ์ไว้แล้ว โดย RCI คาดว่าหากเกิดผลกระทบในด้านลบ ตลาดซื้อวัสดุก่อสร้างเพื่อการปรับปรุงอาคาร โครงการที่อยู่อาศัย และโรงแรมต่างๆ จะชะลอการปรับปรุงออกไป ซึ่งตลาดดังกล่าวถือว่าเป็นตลาดหลักที่มียอดขายกว่า 70% ของบริษัท ดังนั้น เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมรับกับสถานการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้น บริษัทได้เตรียมกระแสเงินสดส่วนหนึ่งไว้เพื่อรองรับสถานการณ์
|
|
|
|
|