กลุ่มผู้ผลิตเหล็กผลงานทรุดฮวบ "สหวิริยาสตีลอินดัสตรี" ขาดทุนสุทธิ 1.5 พันล้านบาท ขาดทุนเพิ่มขึ้นจากปีก่อนกว่า 128% ขณะที่ "จี สตีล"กำไรสุทธิ 2.7 พันล้านบาท ลดลงจากปีก่อนที่กำไรสุทธิเกือบ 9 พันล้านบาท หรือลดลง 70%
นายวิน วิริยประไพกิจ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท สหวิริยาสตีลอินดัสตรี จำกัด (มหาชน) หรือ SSI กล่าวถึง ผลการดำเนินงานประจำปี สิ้นสุด ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2548 ว่า บริษัทมีผลขาดทุนสุทธิ 1,536.30 ล้านบาท ขาดทุนสุทธิต่อหุ้น 0.12 บาท เทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนกำไรสุทธิ 5,333.19 ล้านบาท กำไรสุทธิต่อหุ้น 0.41 บาท หรือขาดทุนสุทธิเพิ่มขึ้น 128.81%
ทั้งนี้ บริษัทมีรายได้จากการขายเหล็กแผ่นรีดร้อนชนิดม้วนจำนวน 35,336.6 ล้านบาท ต่ำกว่างวดเดียวกันของปีก่อนที่มีจำนวน 36,268.1 ล้านบาท รายได้จากการขายเศษเหล็ก 674.9 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่มี 360.1 ล้านบาท ขณะที่บริษัทและบริษัทย่อยมีกำไรขั้นต้นจากการขายและบริการ 3,084.9 ล้านบาท ลดลงจากปีก่อนกำไรขั้นต้นจากการขายและบริการอยู่ที่ 6,416.4 ล้านบาท
นอกจากนี้ บริษัทและบริษัทย่อยมีรายได้อื่น 139.3 ล้านบาท รวมกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนจำนวน 52.2 ล้านบาท เปรียบเทียบกับงวดเดียวกันของปี 2547 ที่มีรายได้อื่นจำนวน 218.3 ล้านบาท รวมกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนจำนวน 130.1 ล้านบาท
ด้านค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร (ไม่รวมดอกเบี้ยจ่าย) ของบริษัทและบริษัทย่อยมีจำนวน 988.5 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่มีค่าใช้จ่าย 794.4 ล้านบาท และขาดทุนจากการลดมูลค่าสินค้าคงเหลือ 2,662.7 ล้านบาท ขณะที่มีผลขาดทุนก่อนดอกเบี้ยจ่ายและภาษีเงินได้นิติบุคคล 396.1 ล้านบาท จากปีก่อนที่กำไรก่อนดอกเบี้ยและภาษีเงินได้นิติบุคคล 5,879.6 ล้านบาท
นอกจากนี้ บริษัทยังมีภาระดอกเบี้ยจ่ายของเงินกู้ระยะสั้นและระยะยาวมีจำนวน 984.9 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่มีอยู่จำนวน 400.5 ล้านบาท ผลขาดทุนก่อนหักส่วนของผู้ถือหุ้นส่วนน้อย จำนวน 1,440.7 ล้านบาท จากปีก่อนที่กำไรก่อนหักส่วนของผู้ถือหุ้นส่วนน้อยจำนวน 5,442.9 ล้านบาท
นายสมศักดิ์ ลีสวัสดิ์ตระกูล กรรมการ บริษัท จี สตีล จำกัด (มหาชน) หรือ GSTEEL กล่าวว่า ปี 2548 บริษัทมีกำไรสุทธิ 2,740.63 ล้านบาท กำไรสุทธิต่อหุ้น 0.33 บาท ลดลงจากปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 8,902.14 ล้านบาท และกำไรสุทธิต่อหุ้น 1.36 บาท หรือกำไรสุทธิลดลง 69.22%
ทั้งนี้ บริษัทมีรายได้จากการขายจำนวน 22,201 ล้านบาท เปรียบเทียบกับปีก่อนจำนวน 21,270 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจำนวน 931 ล้านบาท หรือ 4.38% โดยมีกำไรขั้นต้นจำนวน 3,257 ล้านบาท หรือ 14.7% ของรายได้จากการขาย ใกล้เคียงกับปี 2547 ที่มีกำไรขั้นต้นจำนวน 3,059 ล้านบาท หรือ 14.38% ของรายได้จากการขาย
โดยสาเหตุที่กำไรสุทธิลดลง เกิดจากรายการพิเศษที่ไม่เกี่ยวข้องกับการดำเนินงาน เช่น รายการสำรองต่างๆ และกำไรจากการจ่ายชำระหนี้ฟื้นฟูก่อนกำหนดในปี 2547 เป็นจำนวนเงิน ทั้งสิ้น 6,303 ล้านบาท และปี 2548 เป็นจำนวนเงิน 209 ล้านบาท
หากพิจารณาผลการดำเนินงานก่อนภาษีและรายการพิเศษต่างๆ บริษัทมีผลกำไรในปี 2548 เป็นจำนวน 2,531 ล้านบาท เปรียบเทียบกับปี 2547 ที่มีผลกำไรเป็นจำนวนเงิน 2,599 ล้านบาท ลดลง 68 ล้านบาท หรือ 2.61%
อย่างไรก็ตาม บริษัทมี EBITDA จำนวน 3,529 ล้านบาท มากกว่าปี 2547 ที่มี EBITDA จำนวน 3,191 ล้านบาท เป็นจำนวน 338 ล้านบาท หรือ 10.59% และมี EPS อยู่ที่ 0.33 บาท ซึ่งต่ำกว่าปี 2547 เนื่องจากกำไรจากรายการพิเศษดังกล่าว
ด้านฐานะการเงิน ณ สิ้นปี 2548 บริษัทมีสินทรัพย์เป็นจำนวน 28,356 ล้านบาท เทียบกับปีก่อนจำนวน 21,718 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6,638 ล้านบาท หรือ 30.57% ซึ่งเกิดจากการออกหุ้นกู้ 100 ล้านเหรียญสหรัฐในปี 2548 และนำเงินมาลงทุนในสินทรัพย์ รวมถึงการเพิ่มขึ้นของรายการ ที่เป็นเงินสดและรายการเทียบเท่าเงินสดจำนวน 1,269 ล้านบาท
ขณะที่หนี้สินในปี 2548 มีจำนวน 6,808 ล้านบาท เทียบกับปี 2547 จำนวน 2,911 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3,897 ล้านบาท หรือ 133.87% เนื่องจากบริษัทมีการชำระหนี้จากการฟื้นฟูกิจการก่อนกำหนด โดยได้รับส่วนลดในปี 2548 คิดเป็นมูลค่าตามมูลหนี้ 428 ล้านบาท และมีการ ออกหุ้นกู้ของบริษัทฯ จำนวน 100 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 4,000 ล้านบาทในไตรมาสที่ 4 ของปี
ส่วนของผู้ถือหุ้นจำนวน 21,548 ล้านบาท เทียบกับปี 2547 จำนวน 18,807 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2547 จำนวน 2,741 ล้านบาท หรือ 14.57% มีผลจากกำไรสุทธิของปี 2548 ซึ่งบริษัทได้มีการกันสำรองตามกฎหมายเพิ่มขึ้นจำนวน 97 ล้านบาท
บริษัท จี สตีล จำกัด (มหาชน) แจ้งเพิ่มเติมว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทครั้งที่ 3/2549 มีมติให้เสนอผู้ถือหุ้นพิจารณาอนุมัติการจัดสรรเงินกำไรสุทธิประจำปี 2548 จำนวน 2,740,633,042 บาท แบ่งเป็นสำรองตามกฎหมาย จำนวน 137,031,652 บาท และจ่ายเงินปันผลในอัตราหุ้นละ 0.04 บาท รวมเป็นเงิน 388,000,000 บาท ขณะที่กำไรส่วนที่เหลือสำรองไว้ใช้ในการขยายกำลังการผลิตของบริษัท
โดยบริษัทกำหนดปิดสมุดทะเบียนพักการโอนหุ้น เพื่อให้สิทธิผู้ถือหุ้นสามัญในการรับเงินปันผลประจำปี 2548 ตั้งแต่วันที่ 31 มีนาคม 2549 และให้จ่ายเงินปันผลในวันที่ 9 พฤษภาคม 2549
|