Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายวัน24 กุมภาพันธ์ 2549
เคทีซีโชว์ กำไรปี 48ทะลุ 653 ล้านบาท เน้นแคมเปญกระตุ้นการใช้จ่ายเพิ่มขึ้น             
 


   
www resources

โฮมเพจ บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน)

   
search resources

บัตรกรุงไทย, บมจ.
Credit Card




"เคทีซี" โชว์ผลประกอบการปี 2548 กำไรสุทธิ 653 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 14.6% ผลจากความสำเร็จของแคมเปญกระตุ้นการใช้จ่ายได้ผลดีเกินคาด ดันฐานสมาชิกพุ่งทั้งธุรกิจบัตรเครดิตและสินเชื่อเจ้าของกิจการเพิ่มขึ้น พร้อมเน้นรักษาคุณภาพหนี้และค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานต่อรายได้ลดลง ประกาศเดินหน้ากลยุทธ์สร้างความแตกต่างในการออกแคมเปญทางการตลาด รักษาความเป็นผู้นำธุรกิจบัตรเครดิตของไทย

นายนิวัตต์ จิตตาลาน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน)หรือเคทีซี เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานในปี 2548 สิ้นสุด ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2548 ว่า บริษัทฯ มีกำไรสุทธิจำนวน 653 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 14.6% เมื่อเทียบกับกำไรสุทธิในช่วงเดียวกันของปี 2547 และคิดเป็นกำไรต่อหุ้นขั้นพื้นฐานเท่ากับ 2.55 บาทต่อหุ้น

การเพิ่มขึ้นของรายได้รวมในปี 2548 เท่ากับ 5,883 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 42.6% เนื่องมาจากการเพิ่มขึ้นของรายได้ดอกเบี้ยและรายได้ค่าธรรมเนียมที่ยังคงรักษาระดับการเติบโตอย่างต่อเนื่องถึง 57% และ 39% ตามลำดับ

โดยรายได้ดอกเบี้ยจากสินเชื่อเจ้าของกิจการ มีบทบาทสำคัญในการสร้างรายได้เพิ่มให้แก่บริษัทฯ เป็นอย่างมาก คือ มีอัตราการเติบโตสูงสุดถึง 488 ล้านบาท คิดเป็น 8.3% ของรายได้ดอกเบี้ยรวม อย่างไรก็ตาม บัตรเครดิตยังคงเป็นผลิตภัณฑ์ที่ทำรายได้สูงสุดให้กับบริษัท คิดเป็น 72%ของรายได้รวม รองลงมาคือ รายได้จากธุรกิจสินเชื่อบุคคล"

ในส่วนของค่าใช้จ่ายรวมมีจำนวน 4,187 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากสิ้นปี 2547 เท่ากับ 42.4% โดยค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นนั้นเกิดจากปริมาณหนี้สูญและหนี้สงสัยจะสูญรวม ที่เพิ่มขึ้นตามปริมาณสินเชื่อที่เพิ่มขึ้น และค่าใช้จ่ายในการบริหารรวมที่เพิ่มขึ้น รวมทั้งการที่บริษัทฯ ขยายพื้นที่สำนักงานบางส่วนไปที่ตึกไทยซัมมิท และเพิ่มศูนย์บริการ KTC Boutique Branch เป็น 16 สาขา และ KTC Touch เป็น 35 สาขา เพื่อให้บริการลูกค้าได้สะดวกและทั่วถึงยิ่งขึ้น

สำหรับฐานะทางการเงิน ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2548 เคทีซีมีสินทรัพย์รวมทั้งสิ้น 29,601 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 30.2% จากสิ้นปี 2547 โดยสินทรัพย์หลักของบริษัทฯ ประกอบด้วย ยอดลูกหนี้จากธุรกิจบัตรเครดิต 19,494 ล้านบาท ธนวัฏบัตรเครดิต 708 ล้านบาท สินเชื่อบุคคล 3,705 ล้านบาท และสินเชื่อเจ้าของกิจการ 3,975 ล้านบาท รวมมูลค่าทั้งสิ้น 27,881 ล้านบาท หรือ 94.19% ของสินทรัพย์รวม และมีจำนวนบัตรเครดิต ณ สิ้นปี 2548 เท่ากับ 1,205,316 บัตรเคทีซีได้สร้างปรากฏการณ์แปลกใหม่ ในการออกแคมเปญทางการตลาดที่ดึงดูดความสนใจลูกค้าเป็นอย่างดีและต่อเนื่องตลอดปี 2548 ไม่ว่าจะเป็นแคมเปญน้ำมัน แคมเปญ KTC Make Sense ที่มอบสิทธิพิเศษให้สมาชิกมีโอกาสได้รับสิทธิ์ใช้จ่ายผ่านบัตรฟรี หรือแคมเปญสุดท้ายของปี "ใช้ชีวิตที่น่าอิจฉากับเคทีซี" ซึ่งสมาชิกบัตรจะได้รับสิทธิประโยชน์มากมายจากการใช้จ่ายผ่านบัตร

โดยเป้าหมายสำคัญของเคทีซีคือ มุ่งเน้นการนำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการที่ตรงใจผู้บริโภคทุกกลุ่ม ครอบคลุมทุกรูปแบบไลฟ์สไตล์ และทุกกิจกรรมการใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน (Everyday Usage) เพื่อสร้างความสะดวกสบายในการจับจ่าย โดยเน้นการสร้างแบรนด์เคทีซีให้เป็นแบรนด์ในใจลูกค้า (Most Preferred Brand) และมุ่งผูกใจสมาชิกด้วยการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับสมาชิกในระยะยาว (Brand Experience) ผนวกเข้ากับการรวบรวมสิทธิประโยชน์มากมายในด้านต่างๆ เข้าไว้ด้วยกันในบัตรเดียว ภายใต้คอนเซ็ปท์การเป็น Membership Company" ตลอดจนการควบคุมต้นทุนโดยใช้บริการงานบางด้านจากบริษัทภายนอก (Outsource) อาทิ งานด้านการติดตามหนี้ งานด้านจัดหาสมาชิก มีผลให้อัตราส่วนค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานต่อรายได้ในปี 2547 ลดลงจาก 60% เหลือเพียง 55% ณ สิ้นปี 2548"

ในด้านธุรกิจสินเชื่อบุคคล มียอดลูกหนี้ KTC Cash สุทธิจำนวน 3,705 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7.3% จากสิ้นปี 2547 เนื่องจากบริษัทได้ปรับแผนการดำเนินงานของธุรกิจนี้ โดยต้องการคุมมาตรฐานคุณภาพของลูกหนี้ KTC CASH ให้ชะลออัตราการเพิ่มขึ้นของลูกหนี้ ตามภาวะเศรษฐกิจรวมที่มีอัตราการเติบโตน้อยกว่าที่ประมาณการไว้ ประกอบกับการที่บริษัทเน้นให้ความสำคัญด้านคุณภาพหนี้เป็นหลัก โดยมีจำนวนบัญชีของลูกหนี้ KTC CASH ในสิ้นปี 2548 เท่ากับ 136,810 บัญชี เพิ่มขึ้น 11.2%

ธุรกิจสินเชื่อเพื่อเจ้าของกิจการ KTC Million และได้ฉลองครบรอบหนึ่งปีในเดือนกันยายน 2548 ที่ผ่านมา พร้อมทั้งได้จัดตั้ง KTC Million Club ให้เป็นสื่อกลางของกลุ่มผู้ประกอบการที่อาจจะเอื้อประโยชน์ในธุรกิจระหว่างกัน มีโอกาสได้พบปะสังสรรค์เพื่อต่อยอดทางธุรกิจซึ่งกันและกัน โดยมียอดลูกหนี้สุทธิ KTC Million ณ สิ้นปี 2548 เท่ากับ 3,975 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2,107 ล้านบาท จากจำนวน 1,868 ล้านบาท ณ สิ้นปี 2547 และมีจำนวนบัญชีของ KTC Million ทั้งสิ้น 2,786 ราย ณ สิ้นปี 2548 เพิ่มขึ้นจาก 909 รายในปี 2547"

สำหรับการจัดการดูแลด้านความเสี่ยงของลูกหนี้ บริษัทฯ ให้ความสำคัญกับความสามารถในการชำระหนี้ของลูกหนี้ในทุกธุรกิจสินเชื่อที่ให้บริการ โดยมีฝ่ายงานด้านวิเคราะห์คุณภาพของพอร์ตลูกหนี้และอนุมัติสินเชื่อ เป็นผู้คอยควบคุมดูแลบริหารความเสี่ยงในการให้สินเชื่อ รวมทั้งฝ่ายติดตามหนี้ที่คอยดูแลด้านการผิดนัดชำระหนี้ ตลอดจนตรวจสอบสถานภาพการใช้เงินทั้งจากบริษัทข้อมูลเครดิตแห่งชาติ (National Credit Bureau) และระบบฐานข้อมูลลูกค้าของบริษัทฯเอง โดยพิจารณาถึงความเสี่ยงรวมของลูกค้าแต่ละราย จึงมีผลให้บริษัทฯ มีอัตราการค้างชำระ 30-179 วัน (Delinquency Rate) อยู่ในระดับต่ำเมื่อเทียบกับอุตสาหกรรม"

ผลประกอบการข้างต้นสามารถวิเคราะห์อัตราส่วนทางการเงินที่สำคัญได้ดังนี้ บริษัทฯ มีหนี้สินต่อส่วนของผู้ถือหุ้น (D/E) เท่ากับ 4.18 เพิ่มขึ้นเล็กน้อย เนื่องจากมีการออกหุ้นกู้ระยะยาวเพิ่มขึ้นในระหว่างปี แต่บริษัทฯยังคงสภาพคล่องทางการเงินและคงความสามารถในการชำระหนี้คืนได้ โดยมีอัตราผลตอบแทนจากสินทรัพย์ (ROA) เท่ากับ 2.5% และมีอัตราผลตอบแทนจากส่วนของผู้ถือหุ้น (ROE) เท่ากับ 12.0% เพิ่มสูงขึ้นเทียบกับ ณ สิ้นปี 2547 ทั้งนี้ เกิดจากผลกำไรของบริษัทฯ ที่เพิ่มขึ้นในอัตราส่วนที่มากกว่าการเพิ่มขึ้นของส่วนของผู้ถือหุ้นที่เพิ่มขึ้นจากการใช้สิทธิของ ESOP และจากการที่บริษัทฯสามารถขยายธุรกิจใหม่ๆ รวมถึงการส่งเสริมการตลาดประเภทต่างๆที่เพิ่มรายได้ให้กับบริษัทฯ แสดงว่าบริษัทฯมีความสามารถในการทำกำไรเพิ่มขึ้นด้วย   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us