Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายวัน24 กุมภาพันธ์ 2549
ไทยยูเนี่ยนตั้งเป้ายอดรายได้โต 15% ปี48กำไร 2 พันล้าน-เล็งจ่ายปันผลเพิ่ม             
 


   
www resources

โฮมเพจ ไทยยูเนี่ยน โฟรเซ่น โปรดักส์

   
search resources

ไทยยูเนี่ยน โฟรเซ่น โปรดักส์, บมจ.
ธีรพงศ์ จันศิริ
Frozen food




ผู้บริหาร "ไทยยูเนี่ยน" มั่นใจสถานการณ์การเมืองไม่กระทบแผนดำเนินงาน แต่ทำให้ตลาดหุ้นไทยซบเซา เผยปี 2548 ยอดขายรวมกว่า 5.4 หมื่นล้านบาท กำไรสุทธิ 2 พันล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 8% พร้อมตั้งเป้ารายได้ปีนี้เกิน 6 หมื่นล้านบาท หรือเติบโตอีก 15%

นายธีรพงศ์ จันศิริ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ไทยยูเนี่ยน โฟรเซ่น โปรดักส์ จำกัด (มหาชน) หรือ TUF กล่าวว่า สถานการณ์ทางการเมืองที่ทวีความรุนแรงอยู่ในขณะนี้ส่งผลให้นักลงทุนชะลอการลงทุนเพื่อรอดูสถานการณ์ต่างๆ และทำให้ภาวะการซื้อขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยตกอยู่ในช่วงซบเซา แต่เหตุการณ์ดังกล่าวไม่ได้ส่งผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจของบริษัทมากนัก เนื่องจากบริษัทเป็นผู้ผลิตและส่งออก

ทั้งนี้ ในปี 2548 ที่ผ่านมา บริษัทมีรายได้จากการขาย 1,330 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่มีรายได้จากการขาย 1,159 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือเพิ่มขึ้น 15% เมื่อคิดเป็นรูปเงินบาทมีรายได้จากการขาย 53,644 ล้าน และมีรายได้รวม 54,008 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นจากปี 2547 ประมาณ 15%

โดยในปี 2548 บริษัทแจ้งตลาดหลักทรัพย์ฯ ว่า มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 2,082 ล้านบาท กำไรสุทธิต่อหุ้น 2.40 บาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนกำไรสุทธิ 1,933 ล้านบาท และกำไรสุทธิต่อหุ้น 2.24 บาท กำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 149 ล้านบาท หรือ 7.71%

สำหรับกำไรสุทธิของบริษัทในไตรมาส 4 ปี 2548 มีอัตราการขยายตัวลดลงจากงวดเดียวกันของปีก่อนเล็กน้อย คือ กำไรสุทธิ 453 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 0.52 บาท ลดลงจากปีก่อนที่กำไรสุทธิ 526 ล้านบาท กำไรสุทธิต่อหุ้น 0.61 บาท หรือลดลงประมาณ 14% เนื่องจากบริษัทย่อยในสหรัฐอเมริกามีผลประกอบการที่ดีขึ้น ส่งผลให้ต้องเสียภาษีเพิ่มขึ้น รวมทั้งภาระดอกเบี้ยจ่ายที่เพิ่มขึ้นจากการขยายววเงินสินเชื่อเพื่อรองรับปริมาณการสั่งซื้อสินค้าที่สูงขึ้น

"ภาพรวมปี 2548 แล้ว ถือว่าบริษัทยังคงสร้างผลงานได้เป็นไปตามเป้าหมายที่คาดการณ์ไว้ เนื่องจากสามารถทำยอดขายและผลกำไรเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยมีรายได้จากการขายกว่า 5.4 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 15% กำไรสุทธิกว่า 2 พันล้านบาท เพิ่มขึ้นเกือบ 8%" นายธีรพงศ์ กล่าว

ส่วนแนวโน้มธุรกิจในปี 2549 นั้น นายธีรพงศ์ กล่าวว่า ทิศทางการส่งออกของอุตสาหกรรมอาหารน่าจะมีทิศทางที่ดีขึ้น เนื่องจากสถานการณ์ต่างๆ มีความชัดเจน ได้แก่ การที่ประเทศสหรัฐฯ ได้ประกาศอัตราภาษีการทุ่มตลาดสินค้ากุ้ง การคืนสิทธิพิเศษทางศุลกากร (GSP) ของสหภาพยุโรป ซึ่งจะทำให้อนาคตการส่งออกกุ้งของไทยแจ่มใสขึ้น

ทั้งนี้ ในปี 2549 บริษัทตั้งเป้ายอดรายได้ไว้ 60,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2548 ที่มียอดรายได้รวมประมาณ 54,000 ล้านบาทหรือมีอัตราการขยายตัวประมาณ 15% โดยรายได้หลักมาจากทูน่ากระป๋อง ที่มีสัดส่วนรายได้อยู่ประมาณ 55% ของรายได้รวม รวมทั้งมีแผนที่จะพัฒนาและออกพัฒนาผลิตใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง เพื่อรักษาอัตราการขยายตัวของบริษัทไว้

"แม้ภาพรวมอุตสาหกรรมในปีนี้จะดีขึ้น แต่บริษัทเองยังต้องติดตามสถานการ์ต่างๆ อย่างใกล้ชิด ทั้งในเรื่องของค่าเงินบาทที่มีแนวโน้มแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ การเจรจาผลประโยชน์และจัดทำข้อตกลงการค้าเสรี (FTA) กับประเทศคู่ค้า โดยเฉพาะประเทศสหรัฐฯ และประเทศญี่ปุ่น ซึ่งหากมีการปรับลดภาษีการนำเข้าจะทำให้การส่งออกของเราสามารถเติบโตเพิ่มขึ้นได้"

สำหรับนโยบายการจ่ายเงินปันผลนั้น ในปี 2548 ที่ผ่านมา บริษัทได้จ่ายเงินปันผลระหว่างกาลไปแล้วในอัตราไม่ต่ำกว่า 50% ของกำไรสุทธิ หรือเท่ากับหุ้นละ 0.56 บาท ซึ่งเป็นไปตามนโยบายการจ่ายเงินปันผลของบริษัท และคาดว่าบริษัทจะสามารถจ่ายเงินปันผลจากผลการดำเนินงานในปี 2548 อีกครั้งในอัตราที่ใกล้เคียงกัน โดยจะสามารถจ่ายได้ในช่วงเดือนพฤษภาคม 2549 นี้   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us