เซ็นทรัล รอเก็บผลประโยชน์ตลาดนอกปี'50 หันลุยตลาดในประเทศ ทุ่มเม็ดเงิน 16,000 ล้านบาท กระจายทุนสู่ 5 ธุรกิจหลัก มุ่งขยายสาขา พัฒนาศักยภาพ และสร้างภาพลักษณ์ผ่านโครงการสังคมอย่างต่อเนื่อง ด้านตลาดนอกรอเก็บผลปี'50
หลังจากกลุ่มเซ็นทรัลประกาศแผนที่จะรุกตลาดต่างประเทศในปีที่แล้วโดยวางแผนขยายธุรกิจค้าปลีกทั้งในส่วนของห้างสรรพสินค้าและศูนย์การค้าไปสู่เวียดนามและอินโดนีเซียเนื่องจากเล็งเห็นว่าเป็นตลาดที่ยังมีช่องว่างให้เซ็นทรัลได้แจ้งเกิด แต่เนื่องจากการเจรจากับคู่ค้ายังไม่แล้วเสร็จ ซึ่งคาดว่าแผนในการโกอินเตอร์ของเซ็นทรัลจะเห็นเป็นรูปธรรมในปีหน้า ดังนั้นภาพรวมของธุรกิจในปีนี้คือการกลับมามุ่งเน้นที่โครงการต่างๆในประเทศให้ลุล่วงไปก่อน
"ในปีที่ผ่านมาประเทศไทยประสบกับมรสุมทางเศรษฐกิจตั้งแต่ต้นปีต้องประสบกับภัยซึนามิ ปัญหาความไม่สงบในภาคใต้ ไข้หวัดนก ตลอดจนถึงความผันผวนของราคาน้ำมัน และภัยธรรมชาติต่างๆทั้งภัยแล้งและน้ำท่วม ซึ่งสิ่งเหล่านี้ส่งผลกระทบกับทุกฝ่ายทั้งผู้บริโภคและผู้ประกอบการ แต่ในส่วนของเซ็นทรัลสามารถฝ่าฟันมาได้จากการมีโครงสร้างในการบริหารที่แข็งแกร่ง" สุทธิชัย จิราธิวัฒน์ ประธานกรรมการบริหาร กลุ่มเซ็นทรัล กล่าว
แผนการลงทุนของเซ็นทรัลในปีนี้จะมีการทุ่มงบลงทุนกว่า 16,000 ล้านบาท โดยกระจายการลงทุนไปยังส่วนธุรกิจ 5 กลุ่ม คือ กลุ่มธุรกิจค้าปลีก ลงทุน 5,350 ล้านบาท เน้นไปที่โครงการขยายพื้นที่ห้างสรรพสินค้าเซน และการพัฒนาธุรกิจอื่นๆ เช่น ท็อปส์ซูเปอร์มาร์เก็ต เพาเวอร์บาย โฮมเวิร์ค ยีทูเอส ซูเปอร์สปอร์ต ส่วนกลุ่มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ลงทุน 7,750 ล้านบาทเน้นไปที่โครงการเซ็นทรัลเวิลด์ ศูนย์การค้าที่แจ้งวัฒนะ พัทยา พระราม 9 และการรีโนเวทศูนย์การค้าเดิม สำหรับธุรกิจค้าส่งมีการลงทุน 250 ล้านบาท โรงแรม 2,250 ล้านบาทให้ความสำคัญไปที่โครงการโรงแรมวงศ์อมาตย์ โรงแรมเซ็นทรัลเวิลด์ และที่กระบี่ สุดท้ายเป็นกลุ่มเซ็นทรัลเรสเตอรองส์มีการลงทุน 400 ล้านบาท
ทั้งนี้ในปีที่ผ่านมาเซ็นทรัลได้ตั้งงบลงทุนไว้ 13,500 ล้านบาท แต่มีการลงทุนเพียง 10,200 ล้านบาท ดังนั้นงบที่เหลือจากปีก่อนจะถูกนำมาใช้ในปีนี้ โดยกลุ่มเซ็นทรัลตั้งเป้าว่าในปีนี้บริษัทจะสามารถสร้างกการเติบโตได้ 11% หรือคิดเป็นยอดขาย 96,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมาที่ทำได้ 87,000 ล้านบาท โดยปัจจัยบวกเป็นผลมาจากการขยายตัวทางเศรษฐกิจซึ่งคาดว่าจะสูงถึง 5% การกระตุ้นกำลังซื้อของผู้บริโภครวมถึงการปรับเงินเดือนต่างๆ ทำให้ปัจจัยลบด้านเงินเฟ้อที่สูงถึง 4% ไม่ค่อยส่งผลเท่าใดนัก ในขณะที่ปัญหาทางการเมืองเชื่อว่าถ้าทุกอย่างยังคงอยู่ในกรอบกติกาก็จะไม่ส่งผลต่อการลงทุน
นอกจากนี้กลุ่มเซ็นทรัลยังคงดำเนินนโยบายด้านสังคมอย่างต่อเนื่อง (Corporate Social Responsibility) ทั้งในเรื่องของการสร้างภาพลักษณ์ให้กับองค์กร การทำกิจกรรมสาธารณกุศล รวมถึงการช่วยเหลือเกษตรกรโดยมีโครงการ Contract Farming ซึ่งมีท็อปส์ ซูเปอร์มาร์เก็ต คอยรับผลิตผลจากเกษตรกรเข้ามาจำหน่ายโดยผ่านกรมส่งเสริมสหกรณ์อีกที
|