ทิปโก้ฟู้ดส์ ยักษ์ใหญ่น้ำผลไม้ของไทยประกาศสวนกระแสเศรษฐกิจ เปิดตัวน้ำผลไม้พรีเมียมใหม่ล่าสุดจากยุโรป
"คาปริ-ซอน" เจาะตลาดกลุ่มเด็ก ด้วยรูปลักษณ์แพ็กเกจจิ้งดีไซน์ใหม่
ถุงอะลูมิเนียมฟอยล์ สีสันทันสมัยและรสชาติแปลกจากน้ำผลไม้ทั่วไป
ปัจจุบันตลาดน้ำผลไม้พร้อมดื่มยังมีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่องคือประมาณ
20% ต่อปี ซึ่งในปี 2539 ที่ผ่านมานั้นมีมูลค่าตลาดทั้งสิ้น 1,500 ล้านบาท
ทิปโก้ฟู้ดส์คาดหมายว่าในปี 2540 มูลค่าตลาดน้ำผลไม้พร้อมดื่มจะเพิ่มขึ้นเป็น
1,800 ล้านบาท
โดยที่ผ่านมา มีการนำเข้าน้ำผลไม้ประมาณ 6% มีสินค้ามีคุณภาพที่ผลิตในประเทศประมาณ
34% เป็นสินค้าราคาย่อมเยา (popular market) 27% และเป็นสินค้าราคาประหยัด
(economy market หมายถึงน้ำผลไม้ที่มีราคาประมาณลิตรละ 20 กว่าบาท) ประมาณ
20-32%
เมื่อดูจากโครงสร้างตลาดเช่นนี้ ทิปโก้ฟู้ดส์ ซึ่งมีสินค้าในตลาดอยู่แล้ว
2 ตัวคือ น้ำผลไม้ทิปโก้ 100 % ซึ่งอยู่ในตลาดบนคือสินค้ามีคุณภาพ และน้ำผลไม้
25% ฟรุตเต้ ซึ่งสินค้าทั้ง 2 ตัวต่างเป็นผู้นำตลาดน้ำผลไม้ทั้งหมดหลังจากที่เริ่มเข้าสู่ตลาดเพียง
3 ปี
อย่างไรก็ดี เพื่อรักษาสัดส่วนการเป็นผู้นำตลาดและเพื่อเพิ่มกลุ่มเป้าหมายใหม่ให้มากขึ้น
สมชาย ชุณหรัศมิ์ กรรมการผู้จัดการบริษัท ทิปโก้ฟู้ดส์ จำกัด กล่าวว่าบริษัทได้ร่วมกับยักษ์ใหญ่ด้านเครื่องดื่มจากเยอรมนีคือบริษัทรูดอล์ฟ
ไวล์ จำกัด (Rudolf Wild GMBH & CO.KG) เพื่อผลิตน้ำผลไม้ คาปริ-ซอน
(Capri-Sonne) ในประเทศไทย
สมชายเล่าว่าโครงการเริ่มมาได้ 2 ปีแล้ว โดยบริษัท รูดอล์ฟ ไวล์ ได้เข้ามาหาผู้ร่วมทุนเพื่อทำการผลิตและจำหน่ายในประเทศไทย
บริษัทนี้เป็น 1 ในผู้ผลิตน้ำผลไม้ชั้นนำของโลก ดำเนินธุรกิจน้ำผลไม้มานานกว่า
35 ปี และมีการผลิตและจำหน่ายน้ำผลไม้คาปริ-ซอน ในกว่า 50 ประเทศทั่วโลก
นอกจากนี้บริษัทยังเป็นผู้ผลิตน้ำผลไม้อันดับ 1 ในสหรัฐฯ เป็นคู่ค้ากับบริษัท
เจเนอรัล ฟู้ดส์-ยักษ์ใหญ่ในอุตสาหกรรมอาหารของสหรัฐฯ บริษัทมียอดขายในตลาดสหรัฐฯ
1,200 ล้านซอง
รูดอล์ฟ ไวล์ จะให้การสนับสนุนในด้านเทคโนโลยีในการผลิต การพัฒนาผลิตภัณฑ์และการตลาด
ซึ่งในตอนนี้ ทิปโก้ฟู้ดส์ใช้กำลังการผลิตยังไม่ถึงครึ่งของกำลังการผลิตทั้งหมดที่มี
ซึ่งคาดหมายว่าจะสามารถขยายตลาดได้มากกว่านี้และครอบคลุมถึงตลาดอินโดจีนด้วย
คาปริ-ซอน เป็นน้ำผลไม้ระดับพรีเมียมที่เจาะกลุ่มตลาดเด็กตั้งแต่อายุ 6-12
ปี อันเป็นกลุ่มวัยที่ชอบสีสันของแพ็กเกจจิ้งใหม่ ทั้งนี้บริษัทได้มีการทำการทดลองทางการตลาดโดยผ่านช่องทางโรงเรียน
ซึ่งเป็นที่ชื่นชอบของเด็กนักเรียนที่เป็นกลุ่มเป้าหมายมาก
สมชายกล่าวว่า ในปีนี้ คาปริ-ซอน จะจัดจำหน่ายใน 3 รสคือ รสส้ม เป็นน้ำผลไม้
20% ที่ผสมระหว่างส้มเอเชียกับส้มแมนดาริน ให้รสชาติแบบที่คนเอเชียชอบ รสซาฟารี
เป็นน้ำผลไม้ 11% รวมรสสูตรสับปะรดผสม กับส้มแมนดาริน และรสสตรอเบอรี่คูลเลอร์
เป็นน้ำผลไม้ 12% ผสมผสานระหว่างน้ำสตรอเบอรี่ น้ำส้ม และน้ำองุ่นแดงบรรจุในถุงอะลูมิเนียมฟอยล์แบบใหม่
ขนาด 200 มิลลิเมตร ช่วยรักษาความเย็นได้นาน
ทิปโก้ฟู้ดส์มอบหมายให้บริษัทดีทแฮล์ม จำกัด เป็นผู้จัดจำหน่าย ซึ่งสมบุญ
ประสิทธิจูตระกูล ผู้จัดการฝ่ายเครื่องอุปโภคบริโภคดีทแฮล์มกล่าวว่า "ดีทแฮล์มอาศัยช่องทางจัดจำหน่ายที่แข็งแกร่งกว่า
1,000 แห่งทั้งคอนวีเนียนสโตร์ ซูเปอร์สโตร์โดยจะเน้นหนักการกระจายสินค้าในกทม.และหัวเมืองใหญ่
พร้อมกับมีรายการส่งเสริมการขายและสร้างการรับรู้ให้กลุ่มบริโภคที่เป็นเด็ก
โดยการจัดกิจกรรมไปยังโรงเรียนกว่า 100 แห่ง ทั่วกทม. รวมทั้งสวนสนุก สนามเด็กเล่น"
นอกจากนี้บริษัทยังมีภาพยนตร์โฆษณาที่เป็นแคมเปญจากต่างประเทศกระตุ้นให้กลุ่มผู้ปกครองเข้าใจและสนใจด้วย
รวมทั้งโฆษณาชุดที่เป็นภาษาไทยซึ่งจัดทำขึ้นใหม่ และสามารถดึงดูดความสนใจได้ดีด้วยภาพลักษณ์ของความสนุกสนานเร้าใจ
บริษัทตั้งเป้าหมายว่าจะสร้าง คาปริ-ซอน ให้เป็นผู้นำตลาดน้ำผลไม้สำหรับเด็กภายใน
1 ปี โดยมีส่วนแบ่งตลาด 7.6% ของตลาดน้ำผลไม้ทั้งหมด
ส่วนตัวบริษัททิปโก้ฟู้ดส์นั้น เมื่อปี 2539 ที่ผ่านมามียอดขายรวมประมาณ
200 ล้านบาท แต่ปีนี้บริษัทตั้งเป้าหมายยอดขายสวนกระแสเศรษฐกิจตกต่ำมาก กล่าวคือตั้งเป้าหมายยอดขายไว้
500 ล้านบาท ซึ่งสมชายกล่าวว่า "ในช่วงก.ค.-ส.ค. ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นช่วงที่มีกระแสข่าวไม่ดีทางเศรษฐกิจอย่างหนัก
แต่บริษัทกลับมียอดขายน้ำผลไม้ที่ดี ตามตัวเลขจากบริษัทวิจัย ดีมาร์ นั้น
บริษัทมีส่วนแบ่งตลาดเพิ่มขึ้น 30% แล้วในตอนนี้ คาดว่าในสิ้นปี บริษัทน่าจะทำได้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้"
เหตุที่ทิปโก้ฟู้ดส์มั่นใจมากเช่นนั้น เพราะอัตราการบริโภคน้ำผลไม้ในประเทศไทยค่อนข้างต่ำมากเมื่อเทียบกับประเทศอื่นๆ
กล่าวคือมีการบริโภครวมทั้งสิ้น 54 ล้านลิตรในปีที่ผ่านมา หรือคิดเป็นอัตรา
0.9 ลิตรต่อคนต่อปีเท่านั้น ซึ่งแสดงว่าตลาดนี้ยังสามารถผลักดันให้เติบโตได้อีกมาก