|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
ตลท.ลงดาบสั่งห้ามซื้อขายเน็ตแซทเทิลเมนท์ และมาร์จิ้น หุ้นไมด้า-เมดดาลิสท์ฯ เป็นเวลา 30 วันทำการ หลังพบการซื้อขายกระจุกตัวราคาปรับขึ้นแรง ขณะที่ผู้ถือหุ้นใหญ่ ติงเพราะกฎของก.ล.ต.ระบุให้ผู้ถือหุ้นเดิมติดไซเรนพีเรียด ทำให้ถูกไล่ราคาหุ้นได้ง่ายเนื่องจากจำนวนหุ้นน้อยราคาไม่สูงมาก ด้านไทยฮีทฯปฎิเสธขายหุ้นให้ผู้ถือหุ้นใหม่ราคาหุ้นละ 1บาท ส่วนหุ้นแผ่นดินทองราคาพุ่ง 15.51% รับข่าวลือ"เสี่ยเจริญ"เทคโอเวอร์ บริษัทได้ออกมาปฏิเสธข่าว
รายงานข่าวจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย แจ้งว่าได้สั่งห้ามซื้อขายในลักษณะหักกลบราคาค่าซื้อกับราคาค่าขายหลักทรัพย์เดียวกันในวันเดียวกัน(Net Settlement) และห้ามสมาชิกให้ลูกค้ากู้ยืมเงินเพื่อซื้อหลักทรัพย์ (Margin Trading) ของหลักทรัพย์บริษัท ไมด้า-เมดดาลิสท์ เอ็นเธอร์เทนเมนท์ จำกัด (มหาชน)MME ชั่วคราวเป็นเวลา 30 วันทำการ ทั้งนี้ตั้งแต่วันที่ 22 กุมภาพันธ์ ถึง 4 เมษายน 2549
เนื่องจากการซื้อขายในช่วงวันที่ 15 กุมภาพันธ์-21กุมภาพันธ์ 2549 มีการเปลี่ยนแปลงของราคาและมูลค่าการซื้อขายรวมเพิ่มขึ้นอย่างมากจากช่วงเวลาก่อนหน้า และมีการซื้อขายอย่างกระจุกตัวในหลักทรัพย์ดังกล่าว โดยไม่มีสารสนเทศใดที่มีผลกระทบต่อสภาพการซื้อขายและเพื่อเป็นการป้องกันและระงับการซื้อขายหลักทรัพย์ที่มีแนวโน้มที่อาจส่งผลกระทบเสียหายต่อสภาพการซื้อขายโดยรวม อันเนื่องมาจากมีการเปลี่ยนแปลงของราคา หรือปริมาณการซื้อขายในหลักทรัพย์นั้นอย่างรุนแรงหรือมีการซื้อขายอย่างกระจุกตัวในหลักทรัพย์นั้นเป็นจำนวนมาก
แหล่งข่าวจากโบรกเกอร์เปิดเผยว่า ราคาหุ้นบริษัทไมด้า-เมดดาลิสท์ และหุ้นบริษัทไทยฮีทเอ็กซ์เช้นจ์ จำกัด (มหาชน) หรือ THECO นั้นที่ราคาหุ้นปรับตัวขึ้นมาแรงอย่างต่อเนื่อง เกิดจากกลุ่มนักลงทุนรายใหญ่ที่เข้ามาไล่ราคาก่อนหน้านี้ ซึ่งนักลงทุนรายใหญ่กลุ่มนี้ก็เป็นกลุ่มเดียวกับที่เคยเข้าไปไล่ราคาหุ้นบริษัทอินเตอร์แนชั่นเนิลเอนจีเนียริง จำกัด (มหาชน)หรือ IEC ซึ่งการที่ราคาหุ้นไมด้า-เมดดาลิสท์ ปรับตัวขึ้นมาตั้งแต่วันที่ 10 กุมภาพันธ์และเป็นการขึ้นมาแรง ดังนั้นตลาดหลักทรัพย์ควรที่จะออกมาตรการห้ามาร์จิ้นและเน็ตแซทเทิลเมนท์มาตั้งนานแล้ว การที่ปล่อยเวลานานจะทำให้นักลงทุนรายย่อยที่เข้าไปเก็งกำไรได้รับความเสียหาย
***ติงเกณฑ์ไซเรนพีเรียด
แหล่งข่าวผู้ถือหุ้นใหญ่บริษัท ไมด้า-เมดดาลิสท์ เอ็นเธอร์เทนเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ MME กล่าวว่า หุ้นของบริษัทเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ได้ประมาณ 2 เดือนซึ่งในช่วงที่ผ่านมาราคาหุ้นของบริษัทปรับขึ้นค่อนข้างมากเนื่องจากมีกลุ่มนักลงทุนที่เข้ามาดันราคาหุ้น จนตลาดหลักทรัพย์สั่งห้ามซื้อขายแบบเน็ตแซทเทิลเมนท์ และมาร์จิ้น แต่ที่ผ่านมาตลาดหลักทรัพย์ยังไม่เคยให้บริษัทมีการทำหนังสือเพื่อชี้แจงการปรับขึ้นของราคา
ทั้งนี้ การปรับขึ้นของราคาหุ้นไม่ได้เกิดขึ้นเพราะผู้ถือหุ้นรายใหญ่หรือกลุ่มผู้ถือหุ้นเดิมเข้ามาไล่ซื้อ เนื่องจากจำนวนหุ้นที่ผู้ถือใหญ่เดิมถืออยู่ในขณะนี้ยังไม่สามารถซื้อขายได้เนื่องจากติดไซเรนพีเรียดทั้ง 100% สำหรับเรื่องของกฎระเบียบของสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ หรือ ก.ล.ต.ที่ระบุผู้ถือหุ้นเดิมต้องติดไซเรนพีเรียดเมื่อนำหุ้นเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์
อย่างไรก็ตาม สำนักงานก.ล.ต. ซึ่งเป็นผู้ออกควรจะเร่งพิจารณาในเรื่องดังกล่าวเนื่องจากบริษัทขนาดเล็กมักจะตกเป็นเป้าในการไล่ราคาของนักลงทุนรายใหญ่
"ถ้าเค้ามีเงิน 400-500 ล้านบาทเค้าจะไล่ราคาหุ้นให้ไปถึง 30 บาทก็ได้ ซึ่งแม้ว่าเราจะไม่เห็นด้วยเราก็ทำอะไรไม่ได้ จะขายหุ้นออกเพื่อเพิ่มจำนวนหุ้นซึ่งจะทำให้การไล่ราคาเป็นไปได้ยากขึ้นก็ไม่ได้ และที่สำคัญถ้าผมมีหุ้นในราคา 8 บาทไม่ต้องให้มันขึ้นถึง 16 บาทหรอกแค่ 10 หรือ 12 บาทผมก็ขายแล้วแต่เราทำอะไรไม่ได้ ก.ล.ต.จึงควรลงมาดูเรื่องนี้บ้าง"แหล่งข่าวกล่าว
***ไทยฮีทชี้ยังไม่ได้ข้อยุติขายหุ้นเพิ่มทุน
นายสุรินทร์ วรรณเพ็ญสกุล กรรมการ บริษัท ไทยฮีท รีไววัล จำกัด ในฐานะผู้บริหารแผน ของ บริษัท ไทยฮีทเอ็กซ์เช้นจ์ จำกัด (มหาชน) ชี้แจงต่อตลาดหลักทรัพย์เกี่ยวกับข่าวเรื่องการขายหุ้นเพิ่มทุนราคาและขายหุ้นเพิ่มทุนให้กลุ่มผู้ถือหุ้นรายใหม่ว่า บริษัทฯ ยังไม่ได้ข้อยุติ ส่วนการเพิ่มทุนหรือราคาขายหุ้นเพิ่มทุนนั้น บริษัทฯอยู่ระหว่างการเจรจากับนักลงทุนที่สนใจซื้อหุ้นเพิ่มทุนของบริษัทฯ
ด้านตลาดหลักทรัพย์ได้ขึ้นเครื่องหมาย"H" หลักทรัพย์บริษัท ไทยฮีท เอ็กซ์เช้นจ์ จำกัด (มหาชน) ในช่วงเวลา 11.17 น.เนื่องจากปรากฏสารสนเทศสำคัญเกี่ยวกับการขายหุ้นเพิ่มทุนของบริษัทให้กับพันธมิตรรายใหม่ในราคาหุ้นละ 1 บาท ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อภาวะการซื้อขายหลักทรัพย์ของบริษัท ภายหลังบริษัทได้ชี้แจงตลาดหลักทรัพย์จึงปลดเครื่องหมาย"H"ในช่วงบ่าย
***แผ่นดินทองปฏิเสธข่าวเจริญฮุบ
นายวันชัย ศรีหิรัญรัศ กรรมการ บริษัท แผ่นดินทอง พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด(มหาชน)(GOLD) แจ้งตลาดหลักทรัพย์ว่าตามที่ปรากฏข่าวว่าบริษัทมีข่าวลือบริษัทจะมีการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างผู้ถือหุ้นนั้น บริษัทได้รับการติดต่อจากผู้ถือหุ้นใหญ่ ซึ่งได้แจ้งว่าไม่มีการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างผู้ถือหุ้นแต่อย่างใด
นายเจริญ เอี่ยมพัฒนธรรม รองกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ทีเอสอีซี เปิดเผยถึงสาเหตุที่ราคาหุ้นบริษัทแผ่นดินทอง พร็อพเพอร์ตี้ฯ ปรับเพิ่มขึ้น เนื่องจากได้รับปัจจัยบวกจากกระแสข่าวที่ระบุว่านายเจริญ สิริวัฒนภักดี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ไทยเบฟเวอเรจหรือเบียร์ช้างจะเข้ามาเทกโอเวอร์ ซึ่งปัจจัยดังกล่าวส่งผลบวกต่อจิตวิทยาการลงทุน ดังนั้นจึงส่งผลให้มีแรงเก็งกำไรเข้ามาอย่างต่อเนื่อง
"เรื่องที่ว่านายเจริญ จะเข้ามาเทกโอเวอร์ก็น่าจะมีส่วนที่ทำให้ราคาหุ้นปรับเพิ่มขึ้นซึ่งข่าวนี้จะเป็นความจริงหรือไม่เราคงต้องรอดูความชัดเจนก่อน"นายเจริญกล่าว
***ราคาหุ้นMME-THECO รูด GOLDวิ่งฉลุย
ด้านการซื้อขายของหุ้นวานนี้(22 ก.พ.)ราคาหุ้นบริษัทไมด้า-เมดดาลิสท์ฯ ปิดที่ 16.00 บาทลดลง 0.50 บาทหรือ 3.03% มูลค่าการซื้อขาย 61.38 ล้านบาท ขณะที่หุ้นบริษัทไทยฮีทเอ็กซ์เช้นจ์ ราคาปิดที่ 2.10 บาทลดลง 0.08 บาทหรือ 3.67% มูลค่าการซื้อขาย 642.62 ล้านบาท
หุ้นบริษัทแผ่นดินทอง พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเม้นท์ ราคาปิดที่ 10.80 บาทเพิ่มขึ้น 1.45 บาทหรือ 15.51% มูลค่าการซื้อขาย 513.18 ล้านบาท
ขณะที่ภาวะตลาดหุ้นโดยรวมดัชนีปิดที่ 728.60 จุดเพิ่มขึ้น 0.84 จุด มูลค่าการซื้อขาย 12,161.22 ล้านบาท โดยการซื้อขายของนักลงทุนรายกลุ่มปรากฏว่านักลงทุนต่างประเทศซื้อสุทธิ 758.08 ล้านบาท ขณะที่นักลงทุนสถาบันในประเทศขายสุทธิ 158.91 ล้านบาทและนักลงทุนทั่วไปขายสุทธิ 599.18 ล้านบาท
นายกิตติ นาฑีสุวรรณ ผู้จัดการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ทีเอ็มบี แมคควอรี (ประเทศไทย) กล่าวว่า บริษัทคาดดัชนีตลาดหุ้นไทยปีนี้จะอยู่ที่ 825 จุด มีค่าP/E 10 เท่า และจะมีการจ่ายเงินปันผลได้ 5% โดยคาดว่าจะให้ผลตอบแทนในการลงทุนประมาณ 22-23% ซึ่งคาดว่าเศรษฐกิจไทยปีนี้จะมีการเติบโต 4-5%
นายจอห์น ทอมพ์สัน กรรมการผู้จัดการ บล.ทีเอ็มบี แมคควอรี(ประเทศไทย) จำกัดเปิดเผยว่า ปัจจัยในเรื่องการเมืองนั้น ไม่มีผลกระทบต่อการลงทุนของนักลงทุนต่างประเทศ ซึ่งดูจาก 2 สัปดาห์ที่ผ่านมานักลงทุนต่างประเทศก็ยังคงเข้าซื้อหุ้นไทยต่อเนื่อง เพราะมองว่าปัจจัยทางการเมืองดังกล่าวไม่มีผลกระทบในเรื่องของภาวะเศรษฐกิจ และราคาหุ้นไทยก็ถือว่าอยู่ในระดับต่ำ
|
|
|
|
|