ชาร์ป ชี้ตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้าปีนี้ขยายตัวน้อย ระบุปัจจัยการเมืองไม่แน่นอน ภาวะเศรษฐกิจย่ำแย่กระทบ บีบผู้ประกอบการงัดสงครามราคาระลอกใหญ่กระตุ้นยอดขาย ลั่นเครื่องใช้ไฟฟ้าโดยรวมส่อเค้าดั๊มราคาลงอีก 3-4% ส่วนเครื่องปรับอากาศอาการหนักหั่นราคา 7-8% ชาร์ปโดดลงสมรภูมิตัดใจลดราคาเครื่องปรับอากาศ 3,000-10,000 บาท สิ้นปีรายได้รวมโต 10% กวาด 3,500 ล้านบาท
นายศุภชัย สุทธิพงษ์ชัย กรรมการผู้จัดการ บริษัทกรุงไทยการไฟฟ้า จำกัด ผู้แทนจำหน่ายเครื่องใช้ไฟฟ้าในครัวเรือนยี่ห้อ ชาร์ป เปิดเผยว่า สภาพตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้าโดยรวมปีนี้มีการขยายตัวเพียง 5 % เท่านั้น ทั้งนี้เพราะมีปัจจัยลบรอบด้าน ไม่ว่าจะเป็น ภาวะเศรษฐกิจที่ย่ำแย่ ปัญหาด้านการเมืองที่สับสนไม่แน่นอน จึงทำให้ปีนี้การแข่งขันผู้ประกอบการจะงัดกลยุทธ์ราคาขึ้นมาใช้มากขึ้น เพื่อกระตุ้นกำลังการซื้อของผู้บริโภคที่มีความระมัดระวังการจับจ่ายใช้สอย โดยคาดว่าปีนี้เครื่องใช้ไฟฟ้าโดยรวมทุกกลุ่มจะลดราคาสินค้าลงอีก 3-4% ขณะที่เครื่องปรับอากาศลดลงราคา 7-8%
“ปีที่ผ่านมาเศรษฐกิจไม่ดีนัก ผลพวงจากราคาน้ำมันที่ปรับเพิ่มขึ้น ภัยธรรมชาติเกิดขึ้นหลายภาค ทำให้กำลังการจับจ่ายของผู้บริโภคลดลง ส่งผลให้ตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้าปีที่ผ่านมามีการขยายตัวเพียง 5 % ขณะที่ผลประกอบการของชาร์ปไม่เป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้จากที่ตั้งเป้าโต 5% หรือมีรายได้ 3,300 ล้านบาท เป็นเพียงโต 3% มีรายได้ 3,200 ล้านบาท
สำหรับแผนการตลาดปีนี้ใช้กลยุทธ์ ONE OF A KIND INNOVATIONS ต่อเนื่องเป็นปีที่ 6 โดยได้เตรียมส่งสินค้าใหม่กลุ่มเครื่องใช้ไฟฟ้าในครัวเรือนลงสู่ตลาด ประกอบด้วย หม้อนึ่งข้าวเหนียว เครื่องปั่นอเนกประสงค์ หม้อหุงข้าวชาร์ป ไอพอท ซีรี่ส ตู้แช่แข็งแบบตั้ง และตู้เย็นชาร์ รุ่น No –Forst Double French พร้อมกันนี้ยังได้เปิดร้านอาหาร โฮมเมด ขึ้น เพื่อประชาสัมพันธ์และแนะนำผลิตภันฑ์ให้กับผู้บริโภคผ่านการสร้างประสบการณ์โดยตรง ซึ่งได้เปิดให้ทดลองชิมอาหารที่ปรุงโดยเครื่องครัวไฟฟ้าชาร์ป โดยปีนี้บริษัทใช้งบการตลาด 250 ล้านบาท แบ่งเป็นงบโฆษณา 100 ล้านบาท และงบส่งเสริมการขาย 150 ล้านบาท
ล่าสุดในช่วงฤดูร้อนนี้บริษัทได้รุกตลาดเครื่องปรับอากาศภายใต้กลยุทธ์ราคา โดยได้ลดราคาเครื่องปรับอากาศของชาร์ป ในรุ่นที่มีพลาสม่า คลาสเตอร์ ลงประมาณ 3,000-10,000 บาทแล้วแต่ขนาดบีทียู เช่น ในขนาด 1.2 หมื่นบีทียู จากเดิมที่มีราคา 2.8 หมื่นบาทลดเหลือ 2.1 หมื่นบาท เป็นต้น เพื่อเป็นการฉลองครบรอบจำหน่ายพลาสม่า คลาสเตอร์ 10 ล้านเครื่องทั่วโลก ตั้งแต่วันนี้ จนถึงสิ้นเดือนพฤษภาคม
“แอร์ของเรามีเทคโนโลยีพลาสม่า คลาสเตอร์ทำให้ราคาสูงกว่าคู่แข่งถึง 30% ทำให้กระแสตอบรับในเรื่องยอดขายยังไม่ดีเท่าที่ควร โดยมีส่วนแบ่งตลาดเพียง 2-3% แต่ในปีนี้ บริษัทแม่ในญี่ปุ่นได้สนับสนุนในเรื่องส่วนลดราคา เพื่อให้มาทำโปรโมชันชนกับคู่แข่ง ทำให้มั่นใจว่าภายในกลางปีนี้จะมียอดขายได้ 2 หมื่นตัวและมีส่วนแบ่งประมาณ 5% และภายในปีหน้า ส่วนตลาดก็จะเพิ่มขึ้นเป็น 10% ได้หรือคิดเป็นยอดขายเติบโตขึ้น 3 เท่า”
ส่วนแนวโน้มการแข่งขันของตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้าโดยรวมนั้น ยังได้รับการกดดันจากสินค้า จีน ที่ได้เปรียบในเรื่องของต้นทุนสินค้า ทำให้การกำหนดราคาขายในตลาดได้เปรียบ และหลังจากเปิดเอฟทีเอไทย-จีน เชื่อว่าจะมีสินค้าจากจีนเข้ามาทำตลาดมากขึ้น ซึ่งในส่วนของบริษัทนั้น ได้เตรียมรับมือกับการแข่งขัน โดยหันมาเน้นสินค้าที่เป็นนวัตกรรมใหม่ๆเข้าสู่ตลาด ซึ่งจะเป็นส่วนสำคัญในการผลักดันให้ผลประกอบการโดยรวมของบริษัทปีนี้ตั้งเป้าเติบโต 10% หรือมีรายได้ 3,500 ล้านบาท
|