|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
"พงษ์ศักดิ์"ยอมรับสถานการณ์การเมืองร้อนกระทบการลงทุนเมกะโปรเจ็กต์ นักลงทุนถามความมั่นคงของรัฐบาล ยันเดินหน้าต่อหลัง ครม.มีมติตั้ง กนค. แล้ว แนะเอกชนออกแบบรถไฟทางคู่รองรับไฮสปีดเทรน วงในชี้หากยุบสภาฯโครงการทั้งหมดต้องชะลออย่างน้อย 1 ปี และหากเปลี่ยนขั้วรัฐบาล ถึงขั้นล้มเหตุวิธีประมูลแบบฟรีสไตล์คุมเกมลำบาก
นายพงษ์ศักดิ์ รักตพงศ์ไพศาล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมเปิดเผยภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วานนี้ ( 21 ก.พ.) ว่า ที่ประชุมเห็นชอบแต่งตั้งคณะกรรมการนโยบายโครงการลงทุนพิเศษของรัฐ (กนค.) โดยมีพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เป็นประธานแล้วตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการดำเนินโครงการลงทุนพิเศษของรัฐเพื่อการพัฒนาประเทศ พ.ศ. 2549 และยอมรับว่าการเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีลาออกนั้นทำให้มีนักลงทุนสอบถามถึงเรื่องเสถียรภาพของรัฐบาลมาก เพราะนักลงทุนไม่มีความมั่นใจหากมีการเปลี่ยนแปลงรัฐบาล โครงการเมกะโปรเจ็กต์จะมีการเปลี่ยนแปลง และต้องชะลอออกไปหรือไม่
"กระทรวงคมนาคม รอเพียงให้กนค.ประชุมและส่งผู้ทรงคุณวุฒิมาร่วมเป็นคณะกรรมการบริหาร 5 ชุดทุกอย่างก็จะเดินหน้าต่อไป"นายพงษ์ศักดิ์กล่าว
นายพงษ์ศักดิ์กล่าวว่า มีหลายบริษัทสอบถามการลงทุนหลายเรื่อง เช่น อัลสตรอมสอบถามถึงโครงการในอนาคตว่าจะมีอะไรอีก ซึ่งได้ชี้แจงว่า นอกจากระบบรถไฟฟ้าแล้ว ยังมีรถไฟทางคู่ทั่วประเทศด้วย ซึ่งถือเป็นระบบขนส่งระหว่างเมืองที่มีประสิทธิภาพ และหากมีการศึกษาและเสนอโครงการเพื่อรองรับสำหรับใช้เป็นรถไฟความเร็วสูง หรือ ไฮสปีดเทรน ก็เป็นข้อเสนอที่ดีเพราะจะทำให้การลงทุนไม่ซ้ำซ้อน โดบเชื่อว่า ใน 5-10 ปี การเดินทางระหว่างกรุงเทพไปยังเชียงใหม่และนครราชสีมาจะมีปริมาณนักท่องเที่ยวมากขึ้นและรัฐต้องลงทุนรถไฟความเร็วสูงแน่นอน ซึ่งหากรางที่ทำรองรับได้ก็ไม่ต้องลงทุนใหม่
การเมืองทำเมกะโปรเจ็กต์ชะลออย่างน้อยอีก 1 ปี
แหล่งข่าวภายในพรรคไทยรักไทย กล่าวว่า หากยุบสภาจริง จะทำให้การประมูลโครงการเมกะโปรเจ็กต์ต้องชะลอออกไปไม่น้อยกว่า 1 ปี ซึ่งในช่วงที่ต้องชะลอโครงการรอการจัดตั้งรัฐบาลนั้น นักลงทุนต่างชาติจะรอดูด้วยว่าใครจะขึ้นมาเป็นผู้นำประเทศคนใหม่ หากยังคงเป็น พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เชื่อว่าต่างชาติยังมั่นใจ แต่อาจน้อยลง และความล่าช้าต่างๆ ทำให้ต้นทุนของนักลงทุนเพิ่มขึ้นด้วย
สำหรับการประมูลเมกะโปรเจ็กต์ครั้งนี้ใช้รูปแบบ International Bidding และเปิดกว้างเรื่องเงื่อนไขในทีโออาร์ ให้เอกชนสามารถยื่นข้อเสนอฟรีสไตล์ ซึ่งถือเป็นครั้งแรกของโลกที่เปิดประมูลแบบนี้ในหลายโครงการ โดยเป็นแนวคิดของ พ.ต.ท.ทักษิณ แม้ว่าจะยังไม่สามารถสรุปได้ว่ารูปแบบดังกล่าวดีจริงหรือไม่ แต่นักลงทุนต่างชาติก็ยินดีเข้าร่วมประมูล ดังนั้นถ้าเปลี่ยนรัฐบาลและนายกฯ อาจต้องล้มวิธีประมูลแบบนี้
แหล่งข่าวจากกระทรวงคมนาคม กล่าวว่า หลังจากมีกระแสทางการเมืองเกิดขึ้น นักลงทุนสอบถามมาที่ DATA ROOM ลดลงจากเดิมประมาณ 30% และคำถามส่วนใหญ่คือเสถียรภาพของรัฐบาล และหลังจากวันที่ 15 ก.พ.ซึ่งเป็นกำหนดที่จะจัดส่งทีโออาร์อย่างเป็นทางการให้นักลงทุน นักลงทุนได้สอบถามเข้ามามากว่าจะแจกทีโออาร์เมื่อไร
โดยสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) ในฐานะที่รับผิดชอบ DATA ROOM ได้ลงประกาศในเว็บไซต์ www.bangkokmasstransit.com ซึ่งเป็นเว็บไซต์ให้ต่างชาติเข้ามาสอบถามข้อมูลเมื่อวันที่ 20 ก.พ. ที่ผ่านมา ระบุว่า กระทรวงคมนาคมยังไม่สามารถออกเอกสารเชิญชวนให้ยื่นข้อเสนอสำหรับโครงการพัฒนาระบบขนส่งมวลชนและโลจิสติกส์ได้ในวันที่ 15 ก.พ. 2549 เนื่องจากยังติดขัดในการดำเนินการตามขั้นตอนของระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี พ.ศ.2549 เสร็จเรียบร้อยเมื่อใดจึงจะแจ้งให้ทราบ อย่างไรก็ตามทีโออาร์ที่จะแจกให้นักลงทุนจะใกล้เคียงกับที่ได้แจกในวันที่ 26 ม.ค. ที่ผ่านมา
|
|
|
|
|