Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page


ตีพิมพ์ใน นิตยสารผู้จัดการ
ฉบับ กันยายน 2540








 
นิตยสารผู้จัดการ กันยายน 2540
"ทริสเปิดโครงการใหม่ "จับปูใส่กระด้ง"             
โดย สนิทวงศ์ เจริญรัตตะวงศ์
 


   
search resources

ไทยเรทติ้งแอนด์อินฟอร์เมชั่นเซอร์วิส, บจก. - TRIS
ชัย โสภณพนิช
สุขเทพ จันทร์ศรีชวาลา




"ขว้างก้อนหินถามทาง" ดูเหมือนจะใช้กับการเปิดตัวโครงการใหม่ของทริสได้เป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเป็นโครงการจัดอันดับการศึกษา หรือจะเป็นงานใหม่อย่าง "จัดอันดับธุรกิจประกันภัย" ซึ่งดูแล้วอย่างหลังน่าจะไปได้สวยกว่า เพราะอย่างแรกนั้นถูก ก.ล.ต. ชะลอโครงการไปก่อน เนื่องจากไม่ได้เป็นงานในหน้าที่ของทริสโดยตรงตามปรัชญาการก่อตั้ง

แม้ว่าจะเป็นเพียงก้อนหินเล็ก ๆ ที่ขว้างออกไป ทว่าตรงเป้าหมายอย่างเต็มที่ทั้งกลุ่มการศึกษาหรือกลุ่มประกันภัย ทำให้แต่ละครั้งของการเปิดตัวโครงการใหม่ชาวทริสทั้งหลายพากันเจ็บตัวอยู่เสมอกับสะเก็ดหินที่กระเด็นกระดอนกลับมาโดน ไม่เว้นแม้แต่ ดร.วุฒิพงษ์ เพรียบจริยวัฒน์ กรรมการผู้จัดการ

แม้โครงการจัดอันดับการศึกษาจะถูกพับไป ด้วยสาเหตุที่ว่าเป็นงานนอกเหนือความรับผิดชอบโดยตรงของทริสแล้ว ส่วนหนึ่งคือ ก.ล.ต. คงเกรงว่าทริสจะมีงานเต็มมือจนรับไม่ไหว เพราะสถานการณ์การเงินของประเทศยังอยู่ในภาวะผันผวน นัยว่าน่าจะเอาเวลามาดูแลสถาบันการเงินทั้งที่มีปัญหา ไม่มีปัญหา และอาจจะมีปัญหาในอนาคต

แต่ในความเป็นจริงแล้วงานที่คาดว่าจะเพิ่มมากขึ้นนั้นกลับไม่เป็นไปตามคาด จนทำให้ทริสเองต้องลดตัวเลขประมาณการกำไรในปีนี้ที่เคยตั้งไว้ที่ 20 ล้านบาทเหลือเพียง 10 ล้านบาทเท่านั้น เพราะตั้งแต่ต้นปีมาจำนวนลูกค้าของทริสทั้งที่ขอยกเลิก และไม่ต่อสัญญานั้นมีไม่ต่ำกว่า 20 ราย เผลอ ๆ อาจจะถึง 30 รายไปแล้วก็ได้ ซึ่งก็เข้าใจได้ว่าสถานการณ์เช่นนี้ นอกจากแต่ละบริษัทยังไม่อยากเปลืองตัวโชว์ฐานะทางการเงินแล้วคงไม่อยากเปลืองเงินในช่วงที่ไม่จำเป็น เพราะต่อให้เรตติ้งตราสารออกมาดีอย่างไรก็ไม่แน่ว่าจะมีคนกล้าหรือมีเงินมาซื้อ

งานใหม่ ที่ใคร ๆ ก็เห็นดีด้วย

ดังนั้นด้วยเงื่อนไขของเวลา และสถานการณ์ทริสอาจจะเข็นโครงการจัดอันดับการศึกษาให้ ก.ล.ต. พิจารณาอีกรอบซึ่งก็ต้องรอลุ้นว่า ก.ล.ต. จะมีมุมมองอย่างไร แต่โครงการใหม่อย่างจัดอันดับธุรกิจประกันภัยคงมีอนาคตที่สดใสด้วยแนวคิดที่จะสะท้อนฐานะ และความมั่นคงทางการเงินของบริษัทประกันภัย รวมทั้งความสามารถในการชำระคืนค่าสินไหมทดแทนตามเงื่อนไขที่ระบุในกรมธรรม์

จากการจัดสัมมนาเมื่อปลายเดือนกรกฎาคม ทุกฝ่ายเห็นชอบในหลักการ ไม่ว่าจะเป็นกรมการประกันภัย ฝ่ายกำกับดูแล สมาคมประกันชีวิตไทย สมาคมประกันวินาศภัย และมูลนิธิเพื่อผู้บริโภค ซึ่งต้องย้ำว่าเป็นความเห็นชอบอย่างแท้จริงโดยไม่มีอาการแง่งอนให้เห็น

เริ่มจากชัย โสภณพานิช ซึ่งถูกเชิญมาในนามของนายกสมาคมประกันวินาศภัย แต่ขอพูดในนามส่วนตัวเพราะถ้าพูดในนามสมาคมแล้วเขาบอกว่า แม้ทุกฝ่ายจะเห็นด้วยแต่คงไม่มีใครอยากเข้าร่วม "เนื่องจากคงไม่มีใครอยากให้คนอื่นได้รับเรตติ้งดีกว่าตัวเอง เพราะจะต้องถูกผู้บริหาร คณะกรรมการ หรือผู้ถือหุ้นถามว่าบริหารงานอย่างไรทำไมคนอื่นจึงได้เรตติ้งดีกว่า การปิดบังทุกอย่างดีที่สุดต่างคนต่างสบาย"

ทางออกที่ชัยเสนอให้คือทางกรมการประกันภัยต้องออกกฎหมายขึ้นมาบังคังอาจจะเป็นทางตรงหรือทางอ้อม อาทิ ถ้าบริษัทใดไม่ทำเรตติ้งก็ไม่ต่อใบอนุญาตให้หรือประกาศให้ทราบว่าบริษัทใดเข้าร่วมทำเรตติ้ง ส่วนบริษัทใดที่ไม่ทำก็ให้ตั้งข้อสังเกตไว้ก่อนว่าฐานะทางการเงินอาจไม่ดีจึงไม่กล้าที่จะถูกเปิดเผย

ข้อดีที่ชัยให้ความเห็นสนับสนุนต่อโครงการนี้ เขามองว่าเมื่อผลการจัดอันดับของบางบริษัทออกมาแล้วไม่ดีแม้ว่าบริษัทนั้น ๆ จะรู้สึกไม่พอใจแต่อย่างน้อยที่สุดก็จะทราบเหตุว่าทำไมจึงถูกประเมินอย่างนั้น รวมทั้งข้อที่ควรปรับปรุงและแนวทางการทำให้เรตติ้งของบริษัทตนเองสูงขึ้น ซึ่งสิ่งเหล่านี้เขาคิดว่าจะช่วยพัฒนาธุรกิจประกันวินาศภัยได้ในทางอ้อม

สำหรับสุขเทพ จันทร์ศรีชวาลา นายกสมาคมประกันชีวิตไทย มองต่างมุมจากชัยในเรื่องการออกกฎหมายบังคับว่า ในการดำเนินธุรกิจแบบเสรีควรให้เป็นไปในลักษณะที่สมัครใจ และเสนอให้กรมการประกันภัยสนับสนุนในลักษณะต่าง ๆ อาทิ ถ้าบริษัทใดเข้าร่วมจัดเรตติ้งแล้วผลที่ได้อยู่ในเกณฑ์มาตรฐานเป็นที่ยอมรับในคุณภาพอาจจะไม่มีการควบคุมค่าใช้จ่ายเล็ก ๆ น้อยๆ ซึ่งเกิดขึ้นจากการดำเนินงาน หรือกรณีการเปิดสาขา-ออกกรมธรรม์ใหม่โดยไม่ต้องรอการอนุมัติจากกรมฯ แต่เป็นเพียงการแจ้งให้ทราบเท่านั้น

นอกจากนี้สุขเทพยังฝากความกังวลในเรื่องความสนใจของผู้บริโภคต่อการจัดเรตติ้งดังกล่าวนี้ และที่ผ่านมาก็ยังไม่มีการจัดเรตติ้งในลักษณะเช่นนี้ จึงเป็นการยากที่จะคาดเดา และเสี่ยงลงทุน เพราะถ้าความสนใจไม่เป็นตัวเลขที่มากพอ ย่อมจะไม่มีบริษัทอยากลงทุนตรงจุดนี้

มุมมองจากมูลนิธิเพื่อผู้บริโภคผ่านทางสารี อ๋องสมหวัง ผู้จัดการมูลนิธิฯ ซึ่งเกี่ยวข้องกับผู้บริโภคโดยตรงสามารถตอบข้อกังวลของสุขเทพได้ โดยสารีให้ข้อมูลว่าการทำเรตติ้งในครั้งนี้ก็คงคล้ายกับเรื่องของตู้เย็นหรือเครื่องปรับอากาศ เบอร์ 5 ซึ่งเดิมผู้บริโภคก็เลือกจากคำบอกเล่าและการโฆษณา แต่หลังจากมีการประกาศใช้เครื่องไฟฟ้าแบบประหยัดเบอร์ 5 ทุกคนก็จะแห่ไปซื้อโดยอัตโนมัติ

ด้านกรมการประกันภัย ฝ่ายกำกับดูแลซึ่งมีพิพรรธน์ อินทรศัพท์ เป็นอธิบดี ให้การตอบรับและสนับสนุนแนวคิดอย่างแข็งขัน และแม้จะมองว่าการจัดอันดับในลักษณะนี้เป็นการวัดประสิทธิภาพการบริหารงานที่จะตอบสนองให้กับผู้เอาประกัน โดยไม่จำเป็นที่จะต้องออกเป็นกฎหมาย แต่เมื่อมีผู้เสนอให้มีการบังคับอธิบดีพิพรรธน์ก็พร้อมที่จะผลักดันให้ถ้าทุกฝ่ายเห็นว่าเป็นสิ่งที่ควรกระทำ

สิ่งหนึ่งที่กรมการประกันภัยยังคงห่วงใยค่อนข้างมากในเรื่องของความเป็นกลาง ความมั่นคงในวิชาชีพ และเลยไปถึงจรรยาบรรณของผู้ประเมินไม่ว่าจะเป็นทริสหรือผู้ที่จะเข้ามาจัดอันดับรายอื่นๆ โดยทางกรมฯ ให้เหตุผลว่า ในหลักการและวิธีการนั้น เมื่อผลออกมาย่อมเป็นสิ่งที่เชื่อถือได้ อ้างอิงได้ถึงขนาดว่าอาจจะยกประโยขน์ให้กับผู้ที่ได้เรตติ้งในระดับ A ขึ้นไปที่จะไม่มีการเข้มงวดจากทางกรมฯ มากนักเพราะมองว่าผ่านการกลั่นกรองมาแล้วขั้นหนึ่ง

ความกังวลของกรมฯ ในเรื่องนี้มิใช่เป็นเรื่องที่เกินเลยหรือจะมองข้ามไปได้ เพราะถ้าศึกษาประวัติศาสตร์ของวงการประกันภัยจะพบว่าปัญหาเรื่องการจ่ายคืนค่าสินไหมทดแทนอย่างเดียวก็เล่นเอากรมฯ ไม่ต้องทำงานหรือพัฒนางานด้านอื่น ๆ ก็ว่าได้ ไม่ว่าจะเป็นการเบี้ยวค่าสินไหม หรือการประวิงเวลาที่บางบริษัทพร้อมที่จะหาลู่ทางฉวยโอกาสจากช่องของกฎหมายหรือความไม่รู้เท่าทันของผู้เอาประกันอยู่ตลอดเวลา

แม้จะระแวดระวังอยู่แล้วก็ตาม กระนั้นอธิบดีเองก็ยอมรับว่าการตรวจสอบของกรมฯ นั้นปัจจุบันทำไม่ไหวเพราะมีเจ้าหน้าที่อยู่เพียงหยิบมือเดียว การเข้ามาของทริสคงจะช่วยแบ่งเบาภาระตรงนี้ของกรมฯ ไปได้

สิ่งสำคัญที่กรมฯ ยังฝากความหวังไว้กับโครงการนี้คือการตรวจสอบการทำงานและมุมมองของกรมฯ กับบริษัทเอกชนอย่างทริสว่ามีความแตกต่างหรือสอดคล้องอย่างไร เพื่อการพัฒนาปรับปรุงการทำงานต่อไปที่ดีขึ้น ซึ่งอธิบดีพิพรรธน์เห็นว่าในส่วนของกรมฯ แล้วอาจจะสำคัญกว่าการแบ่งเบาภาระงานเสียอีก

งานไม่ยากแต่คงวุ่นวาย

ที่ผ่านมาทั้งหมดมุมมองของแต่ละฝ่ายยอมรับในหลักการอย่างที่กล่าวมาแล้วตั้งแต่เปิดเรื่อง ดังนั้นโครงการนี้คงจะสะดวกโยธินแน่ในระยะแรกคือมีโอกาสได้ทำสูงเพราะทั้งฝ่ายกำกับดูแล ผู้อยู่ในวงการเองและตัวแทนที่เกี่ยวข้องกับผู้บริโภคต่างยอมรับ

ยิ่งไปกว่านั้นการได้รับความร่วมมือจากฟิทช์หรือบริษัท ฟิทช์อินเวสเตอร์เซอร์วิส ซึ่งเป็นบริษัทจัดอันดับเครดิตชั้นนำ 1 ใน 4 ของโลก ยิ่งจะมีส่วนช่วยในเรื่องคุณภาพและความน่าเชื่อของการประเมินได้เป็นอย่างดี เนื่องจากฟิทช์ได้ชื่อว่าเป็นผู้นำในด้านการจัดอันดับประกันภัยซึ่งเป็นที่ยอมรับในระดับนานาชาติและในวันที่ 8-11 กันยายน ทริสได้ส่งบุคลากรระดับผู้จัดการฝ่ายวิเคราะห์ 3 คนและผู้บริหารอีก 2 คนเพื่อไปอบรมฝึกฝนที่สำนักงานใหญ่ของฟิทช์ ณ กรุงนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา

ดังนั้นสำหรับการจัดอันดับธุรกิจประกันภัยนี้เรื่องความยากลำบากในการดำเนินงานคงเป็นสิ่งที่ทริสสามารถควบคุมดูแลได้ แต่สิ่งที่จะตามมาในกระบวนการประเมินนั้นเป็นสิ่งที่น่ากังวลอยู่เพราะความมีลูกเล่นของบรรดาบริษัทประกันภัยนั้น ถ้าจับไม่ได้ไล่ไม่ทันก็จะเหนื่อยอย่างกรมฯ ที่เป็นอยู่ทุกวันนี้

ดร.วุฒิพงษ์คงเข้าใจในข้อนี้ดีจึงขอเวลาเตรียมตัวและเตรียมความพร้อมของทีมงานก่อนเป็นเวลา 6 เดือนก่อนจะเริ่มงานอย่างจริงจัง

เมื่อทริสเข้ามารับบท "จับปูใส่กระด้ง" แทนกรมฯ เช่นนี้ก็ต้องเตรียมใจว่าต้องรับบทหนักจริง ๆ เห็นได้จากงานสัมมนาวันนั้น แม้ท่านนายกฯ ของทั้งสองสมาคมจะยอมรับกันอย่างแข็งขัน แต่บรรดาตัวแทนบริษัทประกันทั้งหลายที่เข้าฟังแทบจะพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า "ทริสต้องทำการบ้านมากกว่านี้" เพราะลำพังแต่การขายแนวคิดที่ดีเพียงอย่างเดียวคงไม่มีน้ำหนักพอ ที่จะให้พวกเขาเหล่านี้ยอมเปลืองตัวเปลืองเงินให้ทริสจับมาแก้ผ้าได้ง่าย ๆ

อันที่จริง ทริสน่าจะขอความช่วยเหลือจากโพลล์ต่าง ๆ ที่ทำเกี่ยวกับการประกันภัยอยู่แล้วให้สำรวจความคิดเห็นของผู้บริโภค ซึ่งเชื่อแน่ว่าผลที่ออกมาคงจะสนับสนุนโครงการใหม่ของทริสเป็นแน่ และบางทีตัวเลขที่ออกมาอาจจะทำให้ปู (ประกัน) น้อยใหญ่ทั้งหลายเสียงอ่อนยอมเข้ารับการรีดเลือดของทริสโดยดุษณีก็เป็นได้

และที่สำคัญถ้าเป็นที่ยอมรับและผู้บริโภคใช้เป็นเกณฑ์ในการเลือกทำประกันแล้วละก็งานนี้ทริสรับไปเต็ม ๆ เพราะทั้งบริษัทประกันเก่าที่มีอยู่ 73 รายและที่ขอใบอนุญาตใหม่อีก 28 รายก็ร่วมร้อยบริษัทรายได้จากค่าจัดเรตติ้งเฉพาะตรงนี้ก็ไม่ใช่น้อย !!

   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us