เอไอเอสยันเปลี่ยนโครงสร้างผู้ถือหุ้น ไม่กระทบแผนการลงทุนด้านเครือข่าย 3G คาดหากต้องการให้เครือข่ายครอบคลุมเท่า 2G ต้องใช้เงินลงทุน 50,000-100,000 ล้านบาท พร้อมดูงาน 3G World Congress ศึกษาความพร้อมซัปพลายเออร์ในตลาดก่อนตัดสินใจเลือก
นายวิเชียร เมฆตระการ รองกรรมการผู้อำนวยการ สายงานปฏิบัติการเครือข่าย บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส หรือเอไอเอส กล่าวว่า ภายหลังการปรับโครงสร้างผู้ถือหุ้นในกลุ่มชินคอร์ป เอไอเอสไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงแผนการลงทุนด้านการเครือข่ายแต่อย่างไรโดยเฉพาะการขยายสู่เทคโนโลยีใหม่ 3G โดยล่าสุดขึ้นอยู่ว่าจะได้ไลเซนส์เมื่อไหร่เท่านั้น ซึ่งคาดว่าจะได้ประมาณปลายปีนี้
ผู้บริหารเอไอเอสกล่าวถึงแผนการลงทุนในเครือข่าย 3G ว่า หากต้องการให้ครอบคลุมการให้บริการเท่าเครือข่าย 2G เดิมต้องใช้งบในการลงทุนเป็นหลักแสนล้านบาท คือเริ่มต้นที่ 50,000-100,000 ล้านบาท โดยคำนวณจากเครือข่าย 2G ที่มีอยู่ในปัจจุบันประมาณ 10,400 สถานีฐาน โดยลักษณะการลงทุนไม่ต้องสร้างสถานีฐานใหม่แต่เป็นการนำอุปกรณ์ลงในสถานีเดิมที่มีอยู่
หากใช้เวลาในการปกติของการพัฒนาไปสู่เครือข่ายใหม่ ประมาณ 3-4 ปีแต่ถ้าต้องการเร่งระยะเวลาให้เร็วขึ้นก็จะใช้เวลาประมาณ 2-3 ปีก็จะครอบคลุมเครือข่ายเดิมทั้งหมด ส่วนงบในการลงทุนแม้เอไอเอสไม่มีเทมาเส็กเป็นหุ้นส่วนใหม่ก็มีเงินลงทุนของตัวเองที่สามารถนำมาใช้ได้
การพัฒนาสู่ 3G ผู้บริหารเอไอเอสมองเป็น 2 ด้าน ด้านแรกเป็นการมองความจำเป็นของการพัฒนาสู่ 3G ในแง่ผู้บริโภคที่จะเห็นความจำเป็นของการใช้งาน 3G หรือไม่ กับด้านการพัฒนาเครือข่ายที่ต้องให้ครอบคลุมการใช้งานเพื่อไม่ให้เกิดการสะดุดในการใช้งาน โดยมองการให้ความสำคัญใน 2 เรื่องคือ 1. ลูกค้าจะให้การตอบรับ 3G มากน้อยแค่ไหน และ 2. แอปพลิเคชันที่สอดคล้องเพื่อให้ 3G เกิดมีมากน้อยแค่ไหน โดยมองความจำเป็นของการลงทุนก่อนขั้นต้นเพื่อเป็นการปูทางตลาด
ผู้บริหารเอไอเอสมองว่า ในขั้นแรกจะมีการลงทุนประมาณ 3 พันล้านบาท สำหรับ 600-700 สถานีฐาน โดยเฟสแรกจะเป็นการลงทุนในเขตกรุงเทพฯและปริมณฑล
“หลังได้ไลเซนส์ 2 เดือนเราสามารถเริ่มวางเครือข่ายได้เลย”
ด้านแผนการตลาดเอไอเอสมองว่า ปัจจุบันเครือข่าย 2G มีการแข่งขันกันมากด้านการตลาดแต่ 3G แข่งขันกันที่แอปพลิเคชัน โดยต้องดูพฤติกรรมการตอบรับจากตลาดเป็นหลัก ในแง่เทคนิคต้องมีการเตรียมความพร้อมการพัฒนาด้านเครือข่ายเพื่อให้สอดคล้องกับแผนการพัฒนาด้านการตลาดที่ต้องเดินไปพร้อมกัน ไม่ใช่การตลาดนำอย่างเดียวแต่เครือข่ายไม่ครอบคลุม การใช้งานก็ไม่เกิดประสิทธิภาพ
ทั้งนี้ แอปพลิเคชันจะเป็นเรื่องสำคัญในการทำตลาด 3G โดยมองว่าแอปพลิเคชันที่จะได้รับความนิยมและนำมาใช้งานก่อนคือ วิดีโอ คอลล์, ริงแบ็ก วิดีโอ หรือเสียงพูดของผู้โทร.พร้อมภาพที่ส่งมาเมื่ออีกฝ่ายไม่สามารถรับโทรศัพท์ได้ ตลอดจนแบ็กกราวด์เบื้องหลังภาพที่ถูกส่งมาขณะการสนทนาที่สามารถเปลี่ยนได้ตามต้องการ ซึ่งไม่จำเป็นต้องอยู่ในสถานที่ผู้พูดส่งมาก็ได้
ล่าสุดทีมงานเอไอเอส ทั้งด้านเครือข่ายตลอดจนทีมฟิวเจอร์แล็บ เดินทางไปดูงาน 3G World Congress ที่ประเทศสเปน โดยผู้บริหารกล่าวว่า ปัจจุบันเทคโนโลยีของแต่ละยี่ห้อไม่ค่อยมีความแตกต่างกันมากนักแต่ละค่ายมีการพัฒนาเทคโนโลยีได้เกือบเท่าเทียมกันหมด ทั้งนี้ การพัฒนาไปสู่ 3G นอกจากเอไอเอสให้ความสำคัญกับเทคโนโลยีที่มีประสิทธิภาพแล้ว ยังให้ความสำคัญกับซัปพลายเออร์ที่มีคุณภาพด้านการให้บริการ โดยมองว่า เอไอเอสมีลูกค้าในระบบ มากกว่า 16 ล้านราย การพัฒนาไปสู่ระบบใหม่ก็ต้องการซัปพลายเออร์ที่มีการบริการที่ดี จากความต้องการที่จะได้พบปะผู้บริหารระดับสูงของซัปพลายเออร์หลายรายไม่จะเป็นหัวเหว่ย, โนเกีย, ซิสโก้, ไมโครซอฟท์ เพื่อเป็นหลักประกันในการให้บริการ เป็นที่มาที่ทำให้ผู้บริหารเอไอเอสให้ความสำคัญกับงาน 3G World Congress โดยมองว่า เป็นงานยิ่งใหญ่สุดยอดด้านโทรคมนาคมที่โอเปอเรเตอร์ทุกรายไม่พลาดที่จะเข้าชมงานนี้
แหล่งข่าวในวงการกล่าวว่า การที่เอไอเอสมา 3G World Congress ครั้งนี้นอกจากดูความพร้อมของซัปพลายเออร์ก่อนตัดสินใจเลือกให้เป็นผู้พัฒนาสู่ 3G แล้ว เอไอเอสกำลังประสานงานในการร่วมพัฒนาดีไวซ์หรือเครื่องลูกข่ายตัวใหม่ ที่มีขนาดใหญ่กว่าโทรศัพท์ธรรมดาแต่เล็กกว่าโน้ตบุ๊ก เพื่อเตรียมรองรับการทำตลาด 3G โดยเฉพาะ
|