วโรปกรณ์ ประกาศจ่ายเงินปันผลปี 2548 รวม 0.80 บาท แบ่งจ่ายเป็นหุ้นปันผลในอัตรา 10 หุ้นเดิมต่อ 1 หุ้นใหม่ คิดเป็นอัตราหุ้นละ 0.50 บาท และเงินปันผลอีก 0.30 บาท กำหนดจ่ายวันที่ 11 พ.ค.นี้ ขณะที่ผลงานปี 2548 กำไรสุทธิ 100 ล้านบาท ลดลงจากปีก่อนกว่า 47%

นายสันชัย ชัยเฉนียน กรรมการผู้จัดการ บริษัท วโรปกรณ์ จำกัด (มหาชน) หรือ VARO กล่าวว่า ที่ประชุมคณะกรรมการ ครั้งที่ 1/2549 อนุมัติให้เพิ่มทุนจดทะเบียนจาก 356.40 ล้านเป็น 392.04 ล้านบาท ด้วยการออกหุ้นสามัญใหม่จำนวน 71.28 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 5 บาท รวม 35.64 ล้านบาท เพื่อรองรับการจ่ายปันผลที่คณะกรรมการจะเสนอให้ที่ประชุมผู้ถือหุ้นพิจารณาจ่ายหุ้นปันผลสำหรับปี 2548 ในอัตราส่วน 10 หุ้นเดิมต่อหุ้นปันผล 1 หุ้น คิดเป็นเงินปันผล 35.64 ล้านบาท หรือคิดเป็นอัตราการจ่ายเงินปันผลหุ้นละ 0.50 บาท

พร้อมกันนี้ บริษัทยังจ่ายปันผลเป็นเงินสดในอัตราหุ้นละ 0.30 บาท คิดเป็นเงิน 21,384,000 บาท โดยจ่ายจากกำไรสะสม ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2548 ทำให้เงินปันผลรวมทั้งปีหุ้นละ 0.80 บาท แต่เงินปันผลดังกล่าวจะต้องหักภาษี ณ ที่จ่ายของหุ้นปันผลและเงินปันผล ทำให้ผู้ถือหุ้นจะได้รับเงินปันผลสุทธิหุ้นละ 0.22 บาท โดยกำหนดจ่ายหุ้นปันผลและเงินปันผลพร้อมกันในวันที่ 11 พฤษภาคม 2549

อย่างไรก็ตาม มติการเพิ่มทุนและจ่ายเงินปันผลจะต้องผ่านความเห็นชอบจากที่ประชุมผู้ถือหุ้น ซึ่งบริษัทจะจัดให้มีการประชุมใหญ่สามัญผู้ถือห้นครั้งที่ 28 ในวันที่ 21 เมษายน 2549 และกำหนดปิดสมุดทะเบียนพักการโอนหุ้นเพื่อสิทธิในการประชุมผู้ถือหุ้นในวันที่ 3 เมษายน 2549 และปิดสมุดทะเบียนพักการโอนหุ้นกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นเพื่อสิทธิรับหุ้นปันผลและเงินปันผลในวันที่ 2 พฤษภาคม 2549

ด้านผลการดำเนินงานประจำปี สิ้นสุด ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2548 บริษัทมีกำไรสุทธิ 100.69 ล้านบาท กำไรสุทธิต่อหุ้น 1.41 บาท เทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนกำไรสุทธิ 190.41 ล้านบาท กำไรสุทธิต่อหุ้น 2.67 บาท หรือมีกำไรสุทธิลดลง 89.72 ล้านบาท หรือคิดเป็นอัตราส่วน 47.12%

โดยในปี 2548 บริษัทมีรายได้จากการขายอยู่ที่ 1,735 ล้านบาท ลดลงจากปีก่อน 4.18% เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว ส่งผลให้ความต้องการสินค้าของบริษัทลดลง ขณะที่อัตราส่วนต้นทุนขายต่อรายได้อยู่ที่ 88.05% สูงกว่าปีก่อนหน้าที่อยู่ในระดับ 82.50% เนื่องจากการผลิตในระดับต่ำ ประกอบกับวัตถุดิบและค่าใช้จ่ายในการผลิตที่แพงมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง

นอกจากนี้ บริษัทยังมีค่าใช้จ่ายอื่นๆ อาทิ ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารสูงขึ้นเล็กน้อย อยู่ที่ 51 ล้านบาท และค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยสูงขึ้นเป็น 22.8 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 39.4% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า เนื่องจากการกู้ยืมเงินเพื่อโครงการขยายโรงงาน ขณะที่สินทรัพย์รวม ณ สิ้นปี 2548 เพิ่มขึ้นเป็น 1,938 ล้านบาท เนื่องจากมีการลงทุนขยายโรงงาน