ดูเหมือนคอลัมนิสต์กีฬานาม "คุณตุ๋ย" แห่งหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ
เรียกระวิ โหลทองว่า "ผู้ยิ่งใหญ่ที่ใหญ่ทุกอย่าง"
อาจเป็นเพียงคำสัพยอกกันในหมู่พี่น้องเพื่อนฝูงแต่ก็เป็นความนัยที่ระบุถึงความสำเร็จอันยิ่งยง
เทียบกับความเห็นของเหยี่ยวข่าวที่เคยทำงานใน "ทิศทางธุรกิจ" หนังสือพิมพ์ในเครือสยาม
สปอร์ต เขากล่าวว่า "พี่ระวิแกเป็นคนง่าย ๆ ธรรมดามากเลย มองดูแล้ว
ก็ไม่เชื่อว่าแกจะประสบความสำเร็จได้ขนาดนี้ เพียงแต่มีข้อน่าสังเกตว่าตอนพิมพ์สยามกีฬา
รายวัน ยอดมันพุ่งชนิดน่าตกใจ"
หนังสือธุรกิจ หนังสือผู้หญิง หนังสือบันเทิง ระวิย่ำสังเวียนเหล่านี้มาแล้วอย่างชนิดไม่น้อยหน้าใคร
มิหนำซ้ำเขายังเป็นผู้ชุบชีวิตโดยให้เครดิตการพิมพ์ระยะยาวแก่นายทุนหนังสือธุรกิจหลายค่าย
แต่ระวิก็ดูเหมือนจะต้องโฉลกกับสิ่งพิมพ์กีฬาเป็นอันดับ 1 ส่วนบันเทิงเป็นอันดับ
2
"สื่อสิ่งพิมพ์สำคัญมากเลยเรามีสยามกีฬารายวัน สตาร์ ซอคเก้อร์รายวัน
และแมกกาซีน พวกเราคิดมาก เขียนมาก คนจึงนิยม ตื่นตัวกันใหญ่ นี่เป็นผลดีแก่
สตาร์ ซอคเก้อร์" สมลักษณ์กล่าว
หากไม่มีสิ่งพิมพ์ ก็ไม่มีร้านสตาร์ ซอคเกอร์ นี่ของตายอยู่แล้ว สิ่งพิมพ์เป็นทั้งอาวุธ
ทางการตลาดและฐานที่มั่นใหญ่ของการค้าปลีก ปัจจุบันบริษัทสยามสปอร์ตมีมูลค่าหุ้นสูงที่สุดในหมู่สิ่งพิมพ์ด้วยกัน
ทั้ง ๆ ที่พวกเขาทำหนังสือเอายอดขาย เอเยนซีโฆษณาก็ไม่ค่อยจะเหลียวแลมากนัก
แต่พวกเขาก็อยู่ได้โดยยังไม่มีข่าวการเลิกจ้างและการขาดทุนมหาศาล เหมือนสิ่งพิมพ์อื่น
นักข่าวในกองบรรณาธิการสยามกีฬารายวัน ชี้แจงกับ "ผู้จัดการรายเดือน"
ว่า "เรายังไม่มีการลดพนักงาน บริษัทมีรายได้ดี โดยเฉพาะตอนจัดแมนยูแข่งกับทีมชาติ
ได้เงินมาหลายสิบล้านบาท"
นี่เป็นคำอธิบายอย่างซื่อ ๆ สิ่งที่เขากล่าวก็คือทัวร์นาเมนต์ที่เรียกว่า
"3 ศึกแห่งทศวรรษ" ซึ่งนอกจากทำรายได้เป็นกอบเป็นกำแล้ว ย่อมเป็นการกระตุ้นตลาด
ทีมชาติไอร์แลนด์มาแข่งขันด้วยค่าตัว 6 ล้านบาท เชลซี 10 ล้านบาท และแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด
14 ล้าน บาท โดยเฉพาะแมทช์สุดท้ายคนเต็มสนาม เพราะแมนยูมีแฟนในไทยไม่ต่ำกว่า
5 แสนคน
สยามสปอร์ตฟันบิลลิ่งจากสปอนเซอร์คือ โตโยต้า 15 ล้านบาท ส่วนโพสเทล การบินไทย
คาร์ลสเบิร์ก ไอบีซี โรงแรมเรดิสัน แชมพูแคล์รอล เอ็ม 100 อีแมคเจล และรองเท้ารีบอค
จ่ายรายละ 2 ล้านบาท ค่าผ่านประตู ประมาณ 10 ล้านบาท
ความสำเร็จเช่นนี้ไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ ด้านหนึ่งคือ คอนเนกชั่น ประสบการณ์
และการมีสื่อพร้อมสรรพในมือ นี่กลายเป็นอานิสงส์ ที่ทำให้สินค้าแมนยู ในสตาร์ซอคเกอร์
ขายดิบขายดีไปด้วย
"เพราะเมื่อแมนยูมาแข่ง ใคร ๆ ก็อยากใส่เสื่อแมนยู" แฟนฟุตบอลที่ห้างดิสคัพเวอรี่
กล่าว
แต่ปัจจัยที่แข็งจริงของสยามสปอร์ตก็คือสิ่งพิมพ์ไม่ว่าจะเป็นสยามกีฬารายวัน
สตาร์ ซอคเกอร์ฟุตบอลสยาม มวยสยาม เอนเตอร์เทน แคมปิ้ง ดูเหมือนเป็นตลาดล่าง
แต่สิ่งพิมพ์ยอดขายสูงเหล่านี้ ไม่ต่างจากผ้าขี้ริ้วห่อทองโดยแท้
ด้วยประสบการณ์อันยาวนานกว่า 23 ปี ระวิทำให้สิ่งพิมพ์ของสยามสปอร์ตมีราคาจำหน่ายสูงกว่าต้นทุนการผลิต
โดยไม่ต้องพึ่งพารายได้ค่าโฆษณา และขยายยอดจำหน่ายไปตามความรักกีฬาของคนไทย
ช่วงสองปีหลังยอดจำหน่ายของทั้งเครือจึงขยายตัวไม่ต่ำกว่า 35% ส่งผลให้กลายเป็นรายได้หลักประมาณ
65% ของรายได้ทั้งหมดรายได้จากโฆษณามีเพียง 5% เท่านั้น และรายได้อื่น ๆ
อีก 5%
ความน่าเกรงขามที่เกิดขึ้นคือ ช่วงหลังการมียอดผู้อ่านระดับทอปไพว์ ทำให้เอเยนซีชักปรายตามาทางสยามสปอร์ต
หลังจากที่มองว่าเป็นกลุ่มนักอ่านที่ไม่มีกำลังซื้อ
หากปรับปรุงรูปเล่มอีกเล็กน้อย ณ วันที่เอเยนซีเทโฆษณาเข้ามา สยามสปอร์ตจะเป็นตำนานบทหนึ่งที่นักการตลาดจะต้องศึกษากันอย่างเร่าร้อนทีเดียว