|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
2 ผู้บริหารแบงก์ใหญ่ เผยยังไม่มีความจำเป็นที่จะออกไฮบริด บอนด์ กสิกรไทยชี้แจงเป็นทางเลือกที่น่าสนใจแต่ออกแล้วจะเอาเงินที่ได้ไปทำอะไร ระบุยังไม่เคยมีการพูดคุยระหว่างผู้บริหารและบอร์ดแบงก์ ขณะที่แบงก์ไทยพาณิชย์โชว์ตัวเลขเงินกองทุนชั้นที่ 1 สูงถึง 11% สามารถขยายสินเชื่อได้หลายแสนล้านจึงไม่จำเป็นต้องเร่งออก
นายประสาร ไตรรัตน์วรกุล กรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) KBANK เปิดเผยว่า การออกตราสารหนี้กึ่งทุน หรือ ไฮบริด บอนด์เป็นทางเลือกที่น่าสนใจในการเพิ่มเงินกองทุนชั้นที่ 1 แต่หากธนาคารจะออกไฮบริด บอนด์ จะต้องตอบคำถามให้ได้ก่อนว่า เงินที่ได้จากการออกไฮบริด บอนด์ จะนำไปทำผลประโยชน์ให้กับผู้ถือหุ้นอย่างไรได้บ้าง
ทั้งนี้ อัตราดอกเบี้ยไฮบริด บอนด์ในตลาดต่างประเทศอยู่ที่ระดับ 6-7 % และหากพิจารณาถึงเงินกองทุนชั้นที่ 1 ของธนาคารในปัจจุบันอยู่ที่ 10% ซึ่งถือว่าเพียงพอแล้วกับสภาพในปัจจุบัน และเรื่องการออกไฮบริด บอนด์นั้น ก็ยังไม่เคยมีการคุยกันระหว่างคณะกรรมการของธนาคารและผู้บริหารของธนาคารด้วย
นายวิชิต สุรพงษ์ชัย ประธานกรรมการบริหาร ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน)SCB กล่าวว่า ในขณะนี้ธนาคารไม่มีความจำเป็นที่จะออกไฮบริด บอนด์ เพราะมีเงินกองทุนชั้นที่ 1 อยู่ที่ถึง 11% หากรวมกับเงินกองทุนชั้นที่ 2 แล้วจะทำให้ธนาคารมีเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยงสูงถึง 15% เพราะฉะนั้นธนาคารจึงไม่มีความจำเป็นที่จะต้องออกไฮบริด บอนด์ และไม่มีความจำเป็นที่จะต้องเพิ่มทุนด้วย เนื่องจากเงินทุนที่มีอยู่ก็สามารถขยายสินเชื่อได้หลายแสนล้านบาท
โดยก่อนหน้านี้ สายนโยบายสถาบันการเงินของ ธนาคารแห่งประเทศไทย หรือธปท.ได้ออกประกาศถึงธนาคารพาณิชย์ไทยและสาขาธนาคารต่างชาติ ในการกำหนดการดำรงเงินกองทุน โดยได้ยกเลิกประกาศธนาคารแห่งประเทศไทย เรื่องการกำหนดให้ธนาคารพาณิชย์ที่จดทะเบียนในประเทศดำรงเงินกองทุน และได้เพิ่มเติมประเภทตราสารหนี้ด้อยสิทธิที่มีลักษณะคล้ายทุนที่ไม่สะสมดอกเบี้ยจ่ายและไม่ชำระดอกเบี้ยในปีที่ไม่มีผลกำไรให้สามารถนับเป็นเงินกองทุนชั้นที่ 1 และเพิ่มเติมประเภทน้ำหนักความเสี่ยงเพื่อให้สอดคล้องกับนโยบายการส่งเสริมให้ธนาคารพาณิชย์ให้สินเชื่อแก่ประชาชนรายย่อยและวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม
ทั้งนี้ การที่ ธปท. ปรับปรุงประกาศดังกล่าวเนื่องจากต้องการเพิ่มช่องทางในการระดมเงินกองทุนของธนาคารพาณิชย์ตามหลักเกณฑ์มาตรฐานสากลโดยอนุญาตให้มีเงินกองทุนชั้นที่ 1 ในรูปตราสารหนี้ด้อยสิทธิที่มีลักษณะคล้ายทุนที่ไม่สะสมดอกเบี้ยจ่าย และไม่ชำระดอกเบี้ยในปีที่ไม่มีผลกำไร (Hybrid Tier 1) ได้ ซึ่งจะต้องมีคุณสมบัติที่สำคัญอยู่หลายประการ โดยต้องรองรับผลการขาดทุนของธนาคารพาณิชย์ได้ในระหว่างการดำเนินการทำนองที่ใกล้เคียงกับหุ้นสามัญ
อย่างไรก็ตาม ธนาคารกรุงไทย โดยนายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ กรรมการผู้จัดการ เปิดเผยเมื่อวันที่ 16 ก.พ.ว่า ธนาคารกรุงไทยสนใจจะออกตราสารหนี้กึ่งทุนหรือไฮบริด บอนด์ คาดว่าวงเงินจะอยู่ที่ 200 ล้านเหรียญสหรัฐ ภายในไตรมาสแรกแต่หลังจากที่ธนาคารทหารไทยออกไปแล้ว ทั้งนี้ สัปดาห์หน้าจะสรุปคัดเลือกที่ปรึกษา ขณะนี้อยู่ระหว่างการคัดเลือกที่ปรึกษาที่ให้ข้อเสนอดีที่สุดและภายหลังจากที่ธนาคารออกไฮบริด บอนด์ มูลค่า 200 ล้านเหรียญสหรัฐจะทำให้เงินกองทุนขั้นที่ 1 ของธนาคารเพิ่มอีก 1% มาอยู่ที่ประมาณ 9.4% จากสิ้นปี 2548ที่อยู่ที่ 8.4%
สำหรับสาเหตุที่ธนาคารจะต้องเร่งออกไฮบริด บอนด์ นายอภิศักดิ์กล่าวว่า เนื่องจากปัจจุบันอัตราดอกเบี้ยของไฮบริด บอนด์ ยังอยู่ในระดับต่ำ ซึ่งหากในอนาคตธนาคารหลายแห่งสนใจที่จะออกไฮบริด บอนด์ จะทำให้อัตราดอกเบี้ยปรับเพิ่มขึ้น ดังนั้น ธนาคารจึงต้องเร่งออกไฮบริดบอนด์ เพื่อประหยัดต้นทุนอัตราดอกเบี้ย โดยการออกไฮบริด บอนด์ จะต้องออกในตลาดต่างประเทศเพราะตลาดต่างประเทศให้ความนิยม แต่ขณะที่ในประเทศไทยยังไม่มีตลาด ซึ่งธนาคารยอมรับว่าการออกไฮบริด บอนด์ไม่ได้ทำให้ต้นทุนในการระดมทุนทั้งหมดของธนาคารลดลงมาก แต่จะส่งผลดีต่อความสามารถในการหารายได้ของธนาคารที่จะดีขึ้น
|
|
|
|
|