ในวัย 86 ปี วันนี้ เกียรติ วัธนเวคิน ได้มอบบทบาทหลักในการบริหารกิจการของกลุ่มให้แก่จรรย์สมร
และลูก ๆ ไปหมดแล้ว
จรรย์สมร เป็นลูกสาวคนเดียวของชาวจีนครอบครัวหนึ่งที่อาศัยเรือแพอยู่ที่อำเภอบางเลน
จังหวัดอยุธยา แต่งงานกับเกียรติ เมื่อเธออายุ 20 ปี ในขณะที่เกียรติอายุ
40 ปี เธอเริ่มเข้ามามีบทบาทช่วยกิจการของสามีด้วยการเข้าไปเป็นผู้จัดการบริษัทสากลสถาปัตย์
บริษัทรับเหมาก่อสร้างทางทั่วประเทศ ทำให้เธอต้องทำงานหนักเยี่ยงผู้ชายคนหนึ่งแต่ยิ่งกว่านั้นคือการเป็นผู้หญิงที่ต้องอุ้มท้องไปคุมงานก่อสร้างด้วย
ถนนหลายสายที่มีอุปสรรคอย่างมากในการก่อสร้างเมื่ออดีต เช่นถนนเส้นแม่สอด-อุ้มผาง
ซึ่งอยู่ท่ามกลางดงของผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์ ผู้ก่อการร้ายหนีคดีอุกฉกรรจ์
คือสิ่งที่จรรย์สมรผ่านมาแล้วทั้งนั้น
วิถีชีวิตสมบุกสมบันของเธอทำให้เกิดแนวความคิดที่ไม่เหมือนใคร ความเป็นลูกสาวคนเดียวของชาวจีนที่สร้างความเสียใจให้กับพ่อแม่และญาติพี่น้องพากันรังเกียจเดียดฉันท์
ทำให้เธอสนับสนุนสามีให้เห็นคุณค่าของการศึกษาโดยเฉพาะลูกผู้หญิง เพื่อให้ผู้หญิงมีคุณค่ามากขึ้น
ลบล้างค่านิยมเก่า ๆ ดั้งเดิมของครอบครัวให้หมดไป
นอกจากนั้นการขยายกิจการไปยังสาขาอื่นของวัธนเวคิน จรรย์สมรก็เป็นตัวหลักในการเป็นผู้ริเริ่มและวางรากฐานที่มั่นคงไว้ให้
ทุกวันนี้ เธอมีตำแหน่งเป็นรองประธานผู้อำนวยการบริษัทเงินทุนหลักทรัพย์เกียรตินาคิน
และเป็นประธานบริหารบริษัทน้ำตาลตะวันออก รวมทั้งตำแหน่งที่ปรึกษาบริษัทในเครืออื่น
ๆ อีกมากมาย และว่ากันว่าเป็นผู้หญิงคนเดียวในวงสังคมชั้นสูงของเมืองไทยที่ยามออกงานสังคมเธอจะไม่ใส่เครื่องประดับอะไรเลย
มีแต่แหวนลงยันต์จากเจ้าคุณประสิทธิ์วัดสามปลื้มวงเดียวเท่านั้น
จรรย์สมร เป็นวัธนเวคินรุ่นที่ 2 ที่ยังมีบทบาทและเป็นตัวเชื่อมมายังรุ่นที่
3 ซึ่งเป็นลูก ๆ ของเธอ
นัฎฐิกา คือพี่สาวคนโตที่มีภาระหน้าที่ในการสานต่อธุรกิจของตระกูลร่วมกันกับวัธนเวคินรุ่นที่
3 คนอื่น ๆ
โชคดีที่นัฎฐิกาเกิดมาในครอบครัวที่บิดามารดาแม้มีเชื้อสายจีนแท้ ๆ แต่ก็สนับสนุนในเรื่อง
การเรียนอย่างเต็มที่ด้วยวิสัยทัศน์ที่แตกต่างออกไป
"ท่านมองว่ายิ่งเป็นผู้หญิงยิ่งต้องเรียนให้มาก เมื่อแต่งงานแต่งการออกไปจะได้ไม่เป็นภาระให้กับใคร
และยังช่วยเหลือผู้อื่นได้ด้วย" เธอเล่าให้ "ผู้จัดการรายเดือน"ฟัง
นัฎฐิกาถูกส่งไปเรียนที่ประเทศอิสราเอล ในช่วงปิดภาคเรียนเมื่อย่างเข้าวัยรุ่นอายุเพียง
14-15 ปี เธอได้ไปอยู่ในคอมมูน ที่จะต้องทำงานไปด้วย เรียนไปด้วย เพื่อเป็นการเรียนรู้ชีวิต
หลังจากนั้นได้ไปศึกษาต่อที่ไต้หวัน ด้วยมุมมองของเกียรติที่ว่าอยากให้ได้ศึกษาภาษาจีน
เพราะจีนเป็นประเทศที่มีพลเมืองมากถึง 1 ใน 4 ของโลก ถ้าในอนาคตข้างหน้าจีนเปิดประเทศก็จะได้สื่อสารกับคนอื่น
ๆ ได้อีกมากมาย
นัฎฐิกาจบการศึกษาระดับปริญญาตรีสาขาการเงิน และสาขาการบริหารจากมหาวิทยาลัย
เมืองยูทาห์ สหรัฐอเมริกา เมื่อปี 2518 และจบปริญญาโทสาขาบริหารธุรกิจปี
2520 จาก INDIANA UNIVERSITY BLOOMINGTON.U.S.A. ปัจจุบันเธอกำลังศึกษาหลักสูตรป้องกันราชอาณาจักรภาครัฐร่วมเอกชน
ปอร. รุ่นที่ 9 ปี 2539-2540
7 ปี หลังจากศึกษาอยู่ในต่างแดนเธอเดินทางกลับมาเมืองไทย เพื่อจะได้เริ่มช่วยงานของครอบครัวด้วยความรู้สึกของการเป็นพี่ใหญ่
และด้วยความคิดที่ว่าตนใช้ทรัพยากรจากจุดนี้ไปต้องกลับมาทดแทน แต่เกียรติต้องการให้กลับไปศึกษาต่อจนถึงระดับปริญญาเอก
แต่เธอไม่ยอมและได้ไปช่วยมารดาทำงานทางด้านสังคมสงเคราะห์อยู่หลายปี จึงได้เริ่มเข้าไปทำงานอย่างจริงจังที่บริษัทน้ำตาลตะวันออก
ปัจจุบันเธอเป็นกรรมการผู้จัดการใหญ่บริษัทน้ำตาลตะวันออก เป็นรองประธานกรรมการ
บงล. เกียรตินาคิน บริษัท อัมรินทร์ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด และสมรสแล้วกับสนั่น
อังอุบลกุล กรรมการผู้จัดการบริษัทศรีไทยซุปเปอร์แวร์ จำกัด(มหาชน)
ในขณะที่บทบาททางด้านการบริหารกิจการกำลังหนักหน่วง วันนี้เธอยังต้องรับบทบาทของการเป็นคุณแม่ลูก
4 ซึ่ง 2 คนโตเป็นลูกชายหญิงของสนั่นอายุ 17 และ 14 ปี และ 2 คนเล็ก น้องสนอายุ
3 ขวบและน้องสันอายุ 9 เดือน
ส่วนลูกชายคนโตของตระกูลคือสุพลนั้น หลังจากจบการศึกษาระดับอุดมศึกษาที่วชิราวุธวิทยาลัย
เกียรติกลับไม่ยอมให้สอบเข้ามหาวิทยาลัยของรัฐ แต่ให้ศึกษาต่อที่มหาวิทยาลัยรามคำแหง
ด้วยความเห็นที่ว่าเป็นมหาวิทยาลัยเปิดจะได้มีเพื่อนฝูงมากมาย ขณะเดียวกันช่วงที่เรียนก็จะได้เรียนรู้งานที่
บงล. เกียรตินาคินไปด้วย ปัจจุบันสุพลคือผู้รับผิดชอบหลักทางด้านการเงิน
พนิดา น้องสาวอีกคนซึ่งรับผิดชอบทางด้านธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ จบปริญญาตรีทางด้านนิติศาสตร์เกียรตินิยม
และนิติศาสตรมหาบัณฑิตจากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยและปริญญโทด้านบริหารธุรกิจจากศศินทร์
จุฬาฯ เช่นกัน
สุขกาญจน์ และฐิตินันท์ น้องชายหญิงอีกคู่หนึ่งเป็นกำลังสำคัญทางด้านอุตสาหกรรม
และด้านการเงินส่วนวรรณสมรน้องสาวคนเล็กเพิ่งแต่งงานและย้ายติดตามสามีไปอยู่ต่างประเทศ
ทั้งหมดคือลูกชายหญิงของเกียรติ และจรรย์สมรในขณะที่บุตรธิดาทั้งหมดของเขามี
16 คน รวมลูกบุญธรรมอีก 3 คนเป็น 19 คน
ขณะนี้เกียรติในฐานะผู้บุกเบิกอาจจะสิ้นสุดลงแล้ว นัฎฐิกา และน้อง ๆ ของเธอจะเป็นกลุ่มที่ต้องสืบสานภาระนั้นต่อไป
การบุกเบิกธุรกิจจนประสบความสำเร็จนั้นว่ายากแล้ว แต่ในฐานะผู้รักษาอาจจะยิ่งยากกว่าโดยเฉพาะปัญหาต่าง
ๆ ที่โหมกระหน่ำเข้ามาในช่วงเวลานี้ แต่เธอและน้อง ๆ พร้อมด้วยทีมงานยังไม่ท้อและจะสู้ต่อไปแน่นอน