Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายวัน20 กุมภาพันธ์ 2549
สยามอินเตอร์โหมธุรกิจสื่อคาดรายได้ปีนี้ทะลุ700ล้าน             
 


   
search resources

สยามอินเตอร์มัลติมีเดีย, บมจ.
News & Media




สยามอินเตอร์มัลติมีเดียหรือเอสเอ็มเอ็ม ลุยหนักธุรกิจสื่อ ทั้งสิ่งพิมพ์ วิทยุ ล่าสุดซื้อลิขสิทธิ์นิตยสารหัวนอก HealthPlus มาทำตลาด พร้อมกับยอมปิดบางหัวที่ไม่สำเร็จประเดิมนิตยสาร ZAP และมูฟวี่เอ็กซ์ตร้า ยุบไปแล้ว ด้านวิทยุเซ็นสัญญากับทศภาคทำตลาดฟุตบอลโลก หวังปีนี้รายได้รวมทะลุ 700 ล้านบาท เติบโต 10%

นายสุทธิศักดิ์ โล่สวัสดิ์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท สยามอินเตอร์มัลติมีเดีย จำกัด (มหาชน) หรือเอสเอ็มเอ็ม เปิดเผยว่า นโยบายการดำเนินธุรกิจในปีนี้ของบริษัทฯจะหันมาให้ความสำคัญกับสร้างการเติบโตของธุรกิจที่ทำอยู่ แต่ก็จะมีการขยายงานด้วยเช่นกัน จากเดิมที่ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา บริษัทฯได้ขยายธุรกิจออกไปอย่างมากในเชิงปริมาณทุกส่วนของทุกกลุ่มธุรกิจทั้งสื่อสิ่งพิมพ์ สื่อวิทยุ รีเทลร้านหนังสือบุ๊คเฟรนด์

โดยตั้งเป้าหมายรายได้ของบริษัทฯปีนี้ประมาณ 700 ล้านบาท เติบโตจากปีที่แล้ว 10% จากรายได้ 650 ล้านบาท และคาดมีการเติบโต 10% ซึ่งรายได้เติบโตจากปี 2547 ที่มีรายได้เพียง 450 ล้านบาท ซึ่งจะเป็นผลมาจากการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับธุรกิจเดิม การขยายงานเพิ่มขึ้นแต่มองในเชิงคุณภาพมากขึ้นกว่าเดิมที่เน้นปริมาณ

สำหรับธุรกิจที่ทำแล้วไม่ประสบผลสำเร็จ บริษัทฯก็พิจารณาที่จะยกเลิกไป เช่นที่ผ่านมา สื่อสิ่งพิมพ์ก็มีหลายหัวที่ยุบไปเช่น นิตยสาร ZAP แนวบันเทิง ทำออกมาได้ประมาณ 5-6 ฉบับก็เลิกเพราะไม่สามารถสู้กับนิตยสารหัวเดียวกันได้ หรือนิตยสารมูฟวี่เอ็กซ์ตร้าก็ปิดไปแล้ว ส่วนนิตยสารเส้นทางรวยก็ไปได้ดี ส่วนนิตยสารซุบซิบและเอสตาร์นั้นเป็นของบริษัทอื่นที่บริษัทฯรับหน้าที่ในการเป็นผู้จัดจำหน่ายให้เท่านั้น

ทั้งนี้สัดส่วนรายได้ของบริษัทฯจะมาจาก3 กลุ่มหลักคือ สิ่งพิมพ์ 70% วิทยุประมาณ 25% และอื่นๆ เช่น รายได้จากค่าเช่าสำนักงาน การบริการเอสเอ็มเอส ประมาณ 5% โดยในส่วนของกลุ่มสิ่งพิมพ์นั้น หลักๆยังคงมาจาก การ์ตูนประมาณ 60% พ็อคเก็ตบุ๊ก 30% และนิตยสารประมาณ 10% เจาะแผนรุกทุกลุ่ม

นายสุทธิศักดิ์กล่าวต่อถึงแผนการทำธุรกิจแต่ละกลุ่มว่า ในส่วนของสื่อสิ่งพิมพ์ กลุ่มของหนังสือการ์ตูนจะมีการขยายงานมากขึ้น ซึ่งจะมีการเติบโตไปในระดับเดียวกับตลาดรวม โดยเฉพาะบริษัทฯมีแผนการพยายามสร้างการ์ตูนคาแรคเตอร์ของไทยให้เป็นที่ยอมรับ ซึ่งปัจจุบันบริษัทฯทำตลาดทั้งของตัวเองและของนอกเครือ อีกทั้งในภาพรวมหลายบริษัทหลายสำนักพิมพ์ก็เริ่มหันมาให้ความสนใจในการพัฒนาคาแรคเตอร์การ์ตูนของตัวเองมากขึ้นด้วย

“เรามีการ์ตูนญี่ปุ่นเป็นหลัก เช่น ซีคิด ดีคอมมิคส์ คอสมิคโซน แมคคอส เป็นต้น อย่างไรก็ตามปัญหาหนึ่งของการทำหนังสือการ์ตูนคือ ความไม่ชัดเจนของการพิจารณาว่า หนังสือเรื่องใดเข้าข่ายโป๊หรือไม่โป๊ อยู่ที่ดุลยพินิจและการตีความของคน ทำให้ทำตลาดลำบาก เพราะบางครั้งบริษัทฯไม่รู้ว่า อันไหนจะเหมาะสมหรือไม่เหมาะสมทั้งๆที่การ์ตูนเรื่องนันไม่ได้ส่อไปในทางโป๊เลย ซึ่งขอยืนยันว่า ถ้าเป็นการ์ตูนโป๊เราไม่ทำอยู่แล้ว มีบางส่วนที่ไม่แน่ชัด เรามีสต๊อกมากกว่า 10 ล้านบาท ที่ตอนนี้เก็บเอาไว้ก่อน”

ตลาดหนังสือการ์ตูนในประเทศไทยยังโตอีกมากและอำนาจซื้อของผู้บริโภคสำหรับหนังสือการ์ตูนมีสูงไม่จำกัด โดยเฉพาะการ์ตูนสำหรับผู้ใหญ่แทบจะเป็นช่องว่างใหญ่ เพราะมีแต่การ์ตูนเด็กเล็กและเด็กโตไม่เหมือนญี่ปุ่นที่มีการ์ตูนเจาะได้ทุกกลุ่ม

แผนการออกหนังสือการ์ตูนจากนี้ เตรียมที่จะเปิดตัว “สามอริยสงฆ์” ประกอบด้วย หลวงปู่ทวด หลวงปู่มั่น ท่านพุทธทาส เป็นการ์ตูนที่สอนเกี่ยวกับพุทธศาสนา อ่านได้ทุกวัยส่วนกลุ่มพ้อคเก็ตบุ๊คนั้นที่ผ่านมาเติบโตค่อนข้างดี และบริษัทฯเป็นรายใหญ่ที่ทำตลาดด้านพ๊อคเก๊ตบุ๊คจีนอยู่แล้ว ก็จะขยายในกลุ่มอื่นเพิ่มขึ้นด้วย โดยนโยบายตรงนี้จะเน้นทำเรื่องที่เกี่ยวกับกระแส โดยเฉพาะหนังที่ได้รับความนิยม

โดยบริษัทฯจะออกสำรวจตลาดว่า มีภาพยนตร์เรื่องใดบ้างที่สถานีโทรทัศน์ของไทยไปซื้อลิขสิทธิ์ฟรีทีวีมาและเรื่องนั้นได้รับความนิยมอย่างมากในประเทศนั้นๆ ก็จะพิจารณาซื้อลิขสิทธิ์พ๊อกเก็ตบุ๊คมาทำตลาดในไทย ล่าสุดอยู่ระหว่างการเจรจาซื้อลิขสิทธิ์อีก 3-4 เรื่อง ทั้งหนังจีน เกาหลี ญี่ปุ่น ที่ออกอากาศในประเทศนั้นและได้รับความนิยมมาแล้ว เป็นแนวโมเดิร์นโดยเล่มล่าสุดคือเรื่อง แดจังกึม ที่ออกมาถึง 4 เล่ม มียอดพิมพ์เล่มละมากกว่า 70,000 ฉบับแล้ว เพราะได้กระแสแรงจากที่ช่อง 3 นำมาฉายทางฟรีทีวี นอกจากนั้นเตรียมที่จะออก “50ปีกิมย้ง” ซึ่งเป็นนักเขียนนิยายจีนที่โด่งดัง

ขณะที่กลุ่มนิตยสารจะมุ่งเน้นแนวเนือ้อาที่เกี่ยวกับสุขภาพ และครอบครัว เพราะยังมีช่องว่าง และมีเนื้อหาสาระที่เป็นประโยชน์ต่อการดำรงชีวิต ล่าสุดบริษัทฯได้ซื้อลิขสิทธิ์นิตยสาร HealthPlus ของสำนักพิมพ์อีแมปจากประเทศอังกฤษ เริ่มวางแผงเดือนมีนาคมนี้ เป็นนิตยสารแนวสุขภาพ ราคา 70 บาท จากเดิมที่มีการซื้อลิขสิทธิ์ นิตยสาร Slimming และ Mother & Baby มาแล้วทำตลาดมาได้ประมาณ 1 ปี 7 เดือน และ 7 เดือน ตามลำดับ โดยมียอดพิมพ์มากกว่า 50,000 เล่มต่อเดือนของแต่ละหัว มียอดขายเฉลี่ย 90% ซึ่งเล่มแรกนั้นคืนทุนแล้ว และจะเริ่มระบบสมาชิกในปีนี้ ขณะนี้ยังอยู่ระหว่างการศึกษาที่จะซื้อลิขสิทธิ์เพิ่มขึ้น 3-4 เล่มเช่น แนวสุขภาพเกี่ยวกับผู้ชาย เนื่องจากกลุ่มอีแมปนี้มีหัวหนังสือมากกว่า 400 หัว คาดว่าจะสรุปเร็วๆนี้

นายสุทธิศักดิ์กล่าวด้วยว่า สื่อวิทยุปีนี้ก็จะมีบทบาทมากขึ้น โดยเฉพาะในช่วงฟุตบอลโลก เพราะบริษัทฯได้เซ็นสัญญากับทางบริษัท ทศภาค จำกัด ผู้ได้รับสิทธิ์การถ่ายทอดสดฟุตบอลโลกปีนี้ที่ประเทศเยอรมัน เป็นเจ้าภาพ โดยบริษัทฯจะมีการจัดกิจกรรมตลอด สำหรับธุรกิจค้าปลีกร้านหนังสือ บุ๊คเฟรนด์นั้น ขณะนี้มีเปิดบริการประมาณ 40 สาขา ตั้งเป้าปีนี้จะเปิดอีกประมาณ 10 สาขา แต่ขึ้นอยู่กับโอกาสในการหาพื้นที่ด้วยว่าจะได้ทำเลดีและมากหรือน้อยแค่ไหน   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us