ที่จริงแล้วจุดเริ่มต้นของบริษัทจัสมิน อินเตอร์เนชั่นแนล ส่วนหนึ่งมาจากประสบการณ์ของอดิศัยที่ใช้ชีวิตการเป็นลูกจ้างบริษัทเอกชน
ที่ชื่อสยามเทลเทค ในเครือไวท์กรุ๊ป
ปัจจุบันมีน้อยคนนักที่จะรู้จักไวท์กรุ๊ป แต่ย้อนไปเมื่อ 20 กว่าปีที่แล้ว
ไวท์กรุ๊ปจัดเป็นหนึ่งในเทรดดิ้งเฟิร์มรายใหญ่ ซึ่งก่อตั้งขึ้นโดยผู้ถือหุ้นใหญ่
3 ราย คือ ดี. เอ็ม. เคเนดี้ สิทธิ์ ปรุศดำเกิง และพาสนา สุวรรณ์เสถียร เพื่อทำธุรกิจซื้อมาขายไป
เช่นเดียวกับกลุ่มล็อกซเล่ย์ สินค้าไวท์กรุ๊ปนำเข้ามาจำหน่ายนั้นมีตั้งแต่เคมีภัณฑ์พลาสติก
ช่วงหนึ่งไวท์กรุ๊ปมีการขยายธุรกิจออกไปมากมายมีการแตกไลน์ไปยังธุรกิจอื่น
ๆ อาทิ ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ช่วงนั้นเองสิทธิ์ ปรุศดำเกิง 1 ใน 3 ผู้ถือหุ้นใหญ่ก็จดทะเบียนจัดตั้งบริษัทสยามเทลเทคขึ้นมา
เพื่อทำธุรกิจค้าขายอุปกรณ์อุปกรณ์สื่อสารให้กับหน่วยงานทหาร
การเกิดของสยามเทลเทคเป็นช่วงใกล้ ๆ กับการกำเนินบริษัทคอมพิวเตอร์ยูเนี่ยนของสหยูเนี่ยน
และเมโทรซิลเต็มของกลุ่มศรีกรุง ซึ่งเป็นช่วงที่บริษัทเทรดดิ้งเฟิร์มรายใหญ่
ๆ เริ่มนำคอมพิวเตอร์มาใช้งานภายใน และตั้งแผนกคอมพิวเตอร์ขึ้นเพื่อค้าขายสินค้าไปด้วยในตัว
หลังจากตั้งสยามเทลเทค สิทธิ์ได้ไปชักชวนอดิศัยให้มาร่วมงานในสยามเทลเทค
ซึ่งเวลานั้นอดิศัยกำลังหมดภารกิจการเป็นที่ปรึกษาและเลขานุการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม
ให้กับคุณหญิงเลอศักด์ สมบัติศิริ ในยุครัฐบาลธานินทร์ กรัยวิเชียรมาหมาด
ๆ
"ดร. อดิศัยเขาค่อนข้างดังเป็นที่รู้จักของคนในวงการ พอตั้งบริษัทสยามเทลเทคขึ้นมา
คุณสิทธิ์ก็ไปชวนให้เข้ามาทำงาน มารับตำแหน่งผู้จัดการทั่วไป" อดีตพนักงานไวท์กรุ๊ปเล่า
ธุรกิจของสยามเทลเทค ไม่ได้ขยายตัวหรือมีบทบาทในตลาดอย่างหวือหวา เนื่องจากลูกค้าหลักของบริษัทเป็นหน่วยงานราชการทหาร
ซึ่งลักษณะการทำธุรกิจกับหน่วยงานราชการไม่ใช่อยู่ที่กิจกรรมการตลาด แต่อยู่วิธีการติดต่อเจรจากับผู้มีอำนาจ
ชื่อของสยามเทลเทคเป็นที่รู้จักมักคุ้นในแวดวงทหารเป็นอย่างดี
ผู้ถือหุ้นส่วนหนึ่งในสยามเทลเทคนอกจากสิทธิ์ ปรุศดำเกิง และไวท์กรุ๊ปแล้ว
จะมีทหารระดับเสนาธิการในรายชื่อผู้ถือหุ้นด้วย ตามสไตล์ของบริษัทที่ค้าขายกับหน่วยงานราชการก็มักจะดึงเอาคนของหน่วยงานเหล่านั้นร่วมงานอยู่ด้วย
เพื่อความสะดวกในการติดต่องาน
ในสยามเทลเทค นอกเหนือจากงานด้านการขายแล้วสิ่งที่อดิศัยได้เรียนรู้วิธีการเจรจาติดต่อกับผู้กุมอำนาจตัดสินใจ
อันเป็นหัวใจของธุรกิจที่ต้องเกี่ยวพันกับหน่วยงานของรัฐ และกลายเป็นคุณสมบัติอันโดดเด่นในตัวอดิศัย
ที่ทำให้จัสมินเติบใหญ่มาจนทุกวันนี้
หลังจากนั้น สิทธิ์ก็จัดตั้งบริษัทสยามเทลเทคคอมพิวเตอร์ ขึ้นอีกแห่ง เพื่อทำธุรกิจรับออกแบบติดตั้งระบบคอมพิวเตอร์
และในครั้งนั้นสิทธิ์ได้ให้อดิศัยเข้ามาถือหุ้นในสยามเทลเทคคอมพิวเตอร์ ซึ่งนับเป็นจุดเริ่มต้นของการมีธุรกิจเป็นตัวเองเป็นครั้งแรก
จากจุดนี้อดิศัยก็เริ่มมองเห็นลู่ทางทำธุรกิจด้านออกแบบและติดตั้งระบบงานวิศวกรรมโทรคมนาคม
อดิศัยจึงได้จัดตั้งบริษัทจัสมินอินเตอร์เนชั่นแนลขึ้นมาในช่วงที่ยังนั่งทำงานอยู่ที่สยามเทลเทค
โดยได้ดึงเอาสมบุญ พัชรโสภาคย์ มาเป็นหลักในการบริหารงานและติดต่องานในจัสมิน
เมื่อจัสมินเริ่มขยายตัวมากขึ้น อดิศัยจึงลาออกไปนั่งบริหารที่จัสมินอย่างเต็มตัว
พร้อมกับดึงเอารุ่นน้องวิศวะจุฬาเข้ามาร่วมงาน ซึ่งต่อมาอดิศัยได้ติดต่อขอซื้อหุ้นของสยามเทลเทคคอมพิวเตอร์จากสิทธิ์และไวท์กรุ๊ปมาทั้งหมด
ทางด้านสายมเทลเทคเอง ก็มีการเปลี่ยนแปลงเมื่อไวท์กรุ๊ปได้ขายหุ้นทั้งหมดที่ถืออยู่ในสยามเทลเทคให้กับสิทธิ์ไป
สิทธิ์จึงไปดึงเอาพลอากาศสมพล บุรุษรัตน์พันธ์ อดีตนายทหารเสนาธิการกองทัพอากาศเข้าร่วมถือหุ้นด้วยแต่ในทางปฏิบัติสยามเทลเทคก็ยังไม่ได้แยกออกไปจากไวท์กรุ๊ปเสียทีเดียว
เพราะเวลานั้นสิทธิ์ยังถือหุ้นและนั่งบริหารงานในไวท์กรุ๊ปอยู่
กระทั่งเมื่อ 3 ปีที่แล้วโอสถสภาเต๊กเฮงหยู ได้เข้ามาซื้อหุ้นไวท์กรุ๊ป
สิทธิ์จึงแยกสยามเทลเทค
ออกไปบริหารอย่างเต็มตัว
ทุกวันนี้สิทธิ์ก็ยังคงนั่งบริหารสยามเทลเทค ที่หันมาขายเฮลิคอปเตอร์ เรดาร์
ในขณะที่อดิศัย และจัสมินได้กลายเป็นหนึ่งในยักษ์ใหญ่ทุนสื่อสาร ซึ่งสยามเทลเทคคอมพิวเตอร์ที่เขาเทกโอเวอร์ขึ้นมานั้น
เป็นเพียงแค่หนึ่งในธุรกิจสิบกว่าธุรกิจในมือเท่านั้น