ค่ายทีโอเอเปิดแผนรีแบรนด์ “TOA คลาสสิก” เปลี่ยนเนื้อสีเพิ่มความเงาด้วยเนื้อสีอคลีลิค เจาะกลุ่มตลาดล่างรักษาฐานลูกค้าเก่าขยายฐานลูกค้าใหม่ วางตำแหน่งสินค้าให้ชัดเจนตรงกลุ่มเป้าหมาย ภายใต้ชื่อ แบรนด์ “TOA Shield One” ทุ่มงบ 50 ล้านบาท เดินหน้าสร้างการรับรู้เข้าถึงกลุ่มลูกค้าผ่านสื่อทุกแขนง คาดหนุนยอดขายสีตลาดล่างโตเพิ่ม 25% ตั้งเป้ายอดขายปี 49 โตเพิ่ม10% หรือมีตัวเลข 6,800 ล้านบาท
นายจตุภัทร์ ตั้งคารวคุณ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ทีโอเอ เพ้นท์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทได้ทำการรีแบรนด์สี TOA คลาสสิกใหม่
ซึ่งเป็นกลุ่มสีที่เน้นเจาะกลุ่มลูกค้าตลาดระดับล่างที่ทำตลาดมากว่า 40 ปีแล้ว โดยเปลี่ยนชื่อจาก TOA คลาสสิก เป็น TOA Shield One สำหรับสีในกลุ่มทีโอเอคลาสสิกนี้ เป็นกลุ่มสีที่มีฐานลูกค้าใหญ่ที่สุดของบริษัท และมีอัตราการเติบโตที่สูง แต่เนื่องจากในปัจจุบันตลาดสีมีการเปลี่ยนแปลงและการแข่งขันที่สูงขึ้น ทำให้กลุ่มลูกค้ามีทางเลือกและสินค้าที่เพิ่มขึ้น โดยการรีแบรนด์นี้ ได้เริ่มดำเนินการตั้งแต่เดือน ธ.ค.2548 มาแล้ว ซึ่งหลังจากมีการรีแบรนด์เป็น TOA Shield One แล้ว ปรากฏว่ายอดขายของสีในกลุ่มนี้ มีอัตราการขยายตัวเพิ่มขึ้น และคาดว่าในปี 2549 นี้ กลุ่มสี TOA Shield One จะมีอัตราการขยายตัวของยอดขายเพิ่มขึ้นประมาณ 25% หรือขยับขึ้นมาอีก 1,000 ล้านบาท จากเดิมที่ในปีที่ผ่านมา มียอดขายเพียง 800 ล้านบาทต่อปี
“ความแตกต่างระหว่างสี ทีโอเอ คลาสสิก กับ TOA Shield One หลังจากที่มีการรีแบรนด์ คือเนื้อสีจะมีการเปลี่ยนเป็นสีอคีลิคที่มีเนื้อสีกึ่งเงา จากเดิมที่สีเนื้อของทีโอเอคลาสสิกไม่มีความเงา ทำให้สีมีคุณภาพสูงขึ้นเทียบเท่ากับสีในกลุ่มตลาดระดับกลาง แต่ไม่มีการปรับราคาขายเพิ่มขึ้น ซึ่งยังเจาะลูกค้าในตลาดราคาระดับล่างเหมือนเดิม การปรับเปลี่ยนคาดว่าจะใช้ระยะเวลา 2 ปี ในการดำเนินการ และใช้งบประมาณ 50 ล้านบาทขึ้นไป โดยแบ่งออกเป็น 2 เฟส คือ เฟสแรก ทีโอเอจะเน้นสร้างการรับรู้และจดจำแบรนด์ผ่านสื่อต่างๆ ส่วนเฟสที่2 บริษัทจะเน้นสร้างทางด้านการตลาดเพื่อเข้าถึงลูกค้าโดยตรง" นายจตุภัทร์ กล่าว
สำหรับภาพรวมตลาดสีในปี 2548 ที่ผ่านมา ตลาดมีอัตราการเติบโตประมาณ 5% หรือมีมูลค่ารวมในตลาด 24,000 ล้านบาท แบ่งออกเป็น ตลาดสีทาอาคาร 12,000 ล้านบาท และตลาดสีอุตสาหกรรม 12,000 ล้านบาท โดยในส่วนของตลาดสีทาอาคาร TOA มีส่วนแบ่งตลาดประมาณ 48% คิดเป็นมูลค่าขาย 5,800 ล้านบาท ค่ายสีไอซีไอ มีส่วนแบ่งตลาด 1,920 ล้านบาทหรือ 16% ค่ายสีโจตัน มีส่วนแบ่ง 384 ล้านบาทหรือ 3.2% สีนิปปอนเพนท์ มีส่วนแบ่งอยู่ 384 ล้านบาทหรือ 2.7% และอื่นๆ อีก 3,572 ล้านบาท คิดเป็น 30.1%
โดยใน 2548 บริษัทมียอดขายรวมจากทั้ง 2 ตลาด 7,400 ล้านบาท แยกเป็นสีอุตสาหกรรม 1,600 ล้านบาท และรายได้จากสีทาอาคาร 5,800 ล้านบาท
สามารถแยกออกเป็นยอดขายกลุ่มสีพรีเมียม 2,800 ล้านบาท กลุ่มสีระดับกลาง 2,500 ล้านบาท และกลุ่มสีระดับล่าง 500 ล้านบาท ส่วนในปี 2549 นี้ บริษัทตั้งเป้าว่าจะมียอดขายเติบโตเพิ่มขึ้นประมาณ 10% ขณะที่ตลาดรวมจะมีการเติบอยู่ที่ประมาณ 5% เท่าเดิม ซึ่งสาเหตุที่เป้ายอดขายรวมโตกว่าตลาดรวม เป็นผลมาจากการรีแบรนด์สีทีโอเอ คลาสสิก และจากการขยายตัวของสีในตลาดพรีเมียมและตลาดกลางด้วย
|