Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page


ตีพิมพ์ใน นิตยสารผู้จัดการ
ฉบับ กันยายน 2540








 
นิตยสารผู้จัดการ กันยายน 2540
"โตโยต้ากับการตัดสินใจครั้งสำคัญ"             
โดย สันทิฏฐ์ สมานฉันท์ กุสุมา พิเสฏฐศลาศัย
 

   
related stories

"วิกฤต 58 ไฟแนนซ์ กระทบเช่าซื้อจังเบอร์ ตลาดรถไทยมืดสนิท"

   
search resources

โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย, บจก.




ผู้บริหารของโตโยต้า กล่าวว่า บริษัทจำต้องลดกะการทำงานจาก 2 กะ ลงเหลือ 1 กะ เพื่อลดกำลังการผลิตลงจาก 10,000-12,000 คันต่อเดือนเหลือเพียง 7,000 กว่าคันต่อเดือนเท่านั้น

การต้องปิดโรงงานเป็นการชั่วคราว และการประกาศลดกำลังการผลิตลงหลายสิบเปอร์เซ็นต์นั้น ถือว่าสะเทือนใจคนโตโยต้าอย่างมาก เพราะหลายสิบปีมานี้ รับรู้กันว่า โตโยต้านั้นใหญ่คับฟ้าเมืองไทยทีเดียว จะขยับทางไหนก็สร้างแรงสั่นสะเทือนแก่คู่แข่งทั่ววงการ

ต่อเมื่อมาพบคู่ปรับยี่ห้อ "วิกฤตการณ์เศรษฐกิจ" ยักษ์ใหญ่อย่างโตโยต้า ก็แทบรับศึกไม่ไหว ยิ่งเป็นองค์กรขนาดใหญ่ และมีหน้ามีตาเช่นนี้แล้ว ยิ่งต้องระมัดระวังในการพลิกแผน โดยเฉพาะการโละพนักงานนั้นเป็นเรื่องต้องแยบยลที่สุด

ในองค์กรโตโยต้าทุกวันนี้ถึงกับเปรียบเปรยกันว่า ผู้บริหารระดับสูงโดยเฉพาะ ผู้บริหารที่เป็นคนไทยนั้น ถึงกับพูดไม่ได้ คิดไม่เป็น กันเลยทีเดียว เพราะเรื่องวุ่น ๆ ที่ต้องตามแก้มีมากเหลือเกิน

ยิ่งมองถึงตัวเลขยอดจำหน่ายเดือนล่าสุด (กรกฎาคม 2540) ดูเหมือนว่า โตโยต้า กำลังประสบปัญหาอย่างหนัก เพราะสูญเสียความเป็นผู้นำตลาดรถยนต์นั่งที่เคยครองความยิ่งใหญ่มาตลอดสิบปี

ยอดจำหน่ายรถยนต์นั่งโตโยต้าในเดือนกรกฎาคม 2540 ตกลงไปอยู่ที่ 2,422 คันเท่านั้น เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว ถือว่าตกต่ำลงกว่า 40% ทีเดียว ส่วนยอดจำหน่ายปิกอัพนั้นอีซูซุก็เริ่มทิ้งห่างโตโยต้าออกไปทุกขณะ

ในด้านยอดจำหน่ายรถยนต์นั่งนั้น อาจอธิบายได้ง่าย ๆ ว่าเป็นเพราะยอดการสั่งซื้อโซลูน่า รถยนต์นั่งที่ฮือฮามากที่สุดในประวัติศาสตร์รถยนต์เมืองไทย ได้หมดจำนวนลงแล้ว และยอดใหม่ที่เข้ามาก็น้อยนิด ประกอบกับรถยนต์ยอดนิยมอย่างโคโรล่า ก็ดูอ่อนล้าเหลือเกิน

หรือว่า โตโยต้า กำลังไร้จุดขายในตัวผลิตภัณฑ์เสียแล้ว

แต่ผู้บริหารยังยืนยันว่า ตัวเลขที่เห็นล่าสุดนั้น เพราะอยู่ระหว่างการปรับสายการผลิต ก่อนที่โตโยต้า กำลังจะทำอะไรบางอย่าง ที่กล่าวอ้างว่าจะสร้างความสั่นสะเทือนให้กับตลาดรถยนต์เมืองไทยอีกครั้ง

แต่มันจะคืออะไร ยังมองไม่ออกจริง ๆ และก็ไม่น่าจะเป็นเหตุผลที่ทำให้ยอดจำหน่ายจากที่เคยพุ่งถึงเดือนละ 5-6 พันคันในปีนี้ ต้องหดลงมาเหลือเพียงกว่าสองพันคันเท่านั้น

หลายคนอาจมองว่าสถานการณ์อย่างนี้ยักษ์ใหญ่อย่างโตโยต้าน่าจะได้เปรียบ แต่แท้จริงแล้วความยากลำบากมีมากมายกว่าบริษัทเล็ก ๆ หลายสิบเท่านัก และจากการที่ตลอดเวลาที่ผ่านมา โตโยต้าได้เน้นการผลิตเพื่อจำหน่ายในประเทศเป็นหลัก แผนการส่งออกจากฐานในไทยเพิ่งเป็นแค่การเริ่มต้นคลำทาง ทั้ง ๆ ที่น่าจะทำใด้เมื่อหลายปีก่อนแล้ว

ดังนั้นเมื่อตลาดในประเทศตกต่ำลงอย่างทันทีทันใด เช่นนี้ ยิ่งเป็นแรงบีบให้โตโยต้าต้องรีบเร่งหาหนทางลดภาระและคลี่คลายสถานการณ์ให้ได้โดยเร็ว

"เร่งแผนการส่งออก" แต่ถามว่า จะสามารถเร่งได้เร็วตามใจปรารถนาภายในไม่กี่เดือนเชียวหรือ ซึ่งประเด็นนี้ผู้บริหารกล่าวว่า การส่งออก เราคงไปเร่งให้เร็วขึ้นอย่างทันทีทันใดไม่ได้ ทุกอย่างคงต้องดำเนินการไปตามแผนงานระยะยาว อาจจะมีเร็วขึ้นบ้างแต่ไม่ใช่ภายในปีสองปีจะขยับขยายอย่างผิดหูผิดตา เพราะเราต้องคำนึงถึงเรื่องคุณภาพและความสามารถในการผลิตของเราเป็นหลักสำคัญรวมถึงแผนรองรับอย่างต่อเนื่อง

"แล้วถ้าเป็นการลดกำลังการผลิต หยุดการขยายงานล่ะ" แน่นอนว่าต้องชะลอไม่ต่ำกว่า 1 ปี แล้วเงินลงทุนกับโครงการใหญ่ที่ลงไปมากมายแล้วที่โตโยต้า เกตเวย์ จะคุ้มค่ากันหรือไม่

หรือว่า โตโยต้า จะต้องตัดสินใจขั้นเด็ดขาดกับตลาดไทย ตามที่ผู้บริหารได้แย้มไว้

"สถานการณ์เช่นนี้ ถึงเวลาแล้วที่โตโยต้าจะต้องทำอะไรหลายอย่าง เพื่อครอบครองตลาดโดยส่วนใหญ่เอาไว้ในมือและอีกไม่นานจากนี้ต้องคอยติดตามกิจกรรมของเรา และไม่มีครั้งไหนที่เราจะบุกอย่างรอบด้านเช่นนี้" ผู้บริหารของโตโยต้ากล่าวกับ "ผู้จัดการรายเดือน"

อย่างไรก็ดี ผู้บริหารโตโยต้า ยอมรับว่า จากสภาพการณ์ที่ประสบอยู่นั้นส่งผลกระทบต่อแผนงานของโตโยต้าค่อนข้างมาก แต่เมื่อโตโยต้า ได้ลงทุนไปมากแล้ว การที่จะถอยเพื่อรอดูสถานการณ์จึงไม่น่าจะใช่หนทางที่ถูกต้องนัก

ดังนั้นในช่วงหลายเดือนมานี้ จึงได้พัฒนาระบบงานต่าง ๆ ทั้งภาคการผลิตในโรงงาน การจัดการภายในสำนักงาน และการพัฒนาเพื่อเพิ่มความเข้มของงานการตลาด

"เราเลือกที่จะคุมต้นทุนให้อยู่ ก่อนที่จะผลักภาระให้ผู้บริโภค ยิ่งในสถานการณ์เช่นนี้แล้ว ยิ่งเป็นเรื่องสำคัญและอาจกลายเป็นภาพพจน์ที่ดีของโตโยต้าเลยทีเดียว" ผู้บริหารกล่าว

แน่นอนว่าราคาจำหน่ายรถยนต์โตโยต้า ได้ปรับตามภาษีมูลค่าเพิ่มไปแล้ว แต่ในส่วนของการปรับราคาตามต้นทุนที่เพิ่มสูงขึ้นนั้น ยังไม่มีการขยับในส่วนนี้ และแม้ว่า สุพจน์ วิสุทธิผล กรรมการบริษัท จะเคยออกมาแถลงข่าวว่า โตโยต้า อาจจำเป็นต้องปรับราคาจำหน่ายตามต้นทุนจริงที่เพิ่มสูง ซึ่งการปรับราคานั้นน่าจะมีในช่วงเดือนกันยายน

แต่ผู้บริหารของโตโยต้าผู้หนึ่งยืนยันว่า ที่สุดแล้วโตโยต้าคงเลือกหนทางไม่ปรับราคามากกว่า เพราะการพัฒนาเพื่อคุมต้นทุนอย่างรอบด้านของโตโยต้า จนถึงวันนี้เริ่มเห็นชัดแล้วว่ามีทางเป็นไปได้

"การที่เราแถลงข่าวออกไปอย่างนั้น ไม่ใช่เราต้องการทำให้คู่แข่งหลงทาง และคู่แข่งก็คงไม่มารอหรอกว่าโตโยต้าจะปรับราคาหรือไม่ แต่ที่เราแถลงข่าวเช่นนั้นเพราะยังไม่มั่นใจว่าสถานการณ์จะเป็นอย่างไร และความพยายามของเราจะสำเร็จหรือไม่"

การเลือกที่จะพยายามไม่ปรับราคาจำหน่าย เป็นมาตรการหนึ่งที่โตโยต้าหวังจะสร้างภาพพจน์ที่ดีให้กับตลาดและแน่นอนว่านโยบายครั้งนี้ ย่อมได้รับเสียงชื่นชมอย่างมากทีเดียว แต่ก็ขึ้นอยู่กับว่าโตโยต้าจะทำได้สำเร็จหรือไม่

โตโยต้า ยังวางแผนจัดกิจกรรมส่งเสริมการตลาดในลักษณะการเข้าถึงลูกค้าโดยตรงตามหัวเมืองใหญ่ ๆ เพื่อเป็นการบุกตลาดภูธรให้มากขึ้น เช่นการจัดงานที่เชียงใหม่และจังหวัดรอบ ๆ เมื่อปลายเดือนสิงหาคม และจะมีที่หาดใหญ่ อุบลราชธานี ซึ่งรูปแบบงานนั้นใหญ่โตตามลักษณะนิสัยองค์กร

ยังมีอีกหลายมาตรการ ไม่ว่าจะเป็นการพัฒนาการจัดการ การมีกิจกรรมและเครือข่ายเกื้อหนุนอย่างรอบด้าน เงินทุนที่มหาศาลโดยเฉพาะการตั้งโตโยต้า ลิสซิ่ง ขึ้นมาเป็นฐานสำคัญ และจะยิ่งมีความสำคัญอย่างมากในช่วงสถานการณ์เช่นนี้ (อ่านล้อมกรอบเช่าซื้อรถยนต์)

"การกระทำครั้งนี้ไม่ใช้การตั้งรับสถานการณ์ที่เลวร้ายแต่เป็นการบุกตลาดอย่างที่เราตั้งใจไว้อยู่แล้ว เพียงแต่ว่าสถานการณ์ที่เลวร้ายนั้น เป็นตัวเร่งให้เราต้องดำเนินการเร็วขึ้นเท่านั้นเอง" ผู้บริหารยืนยันอย่างหนักแน่น

ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตามโตโยต้ามอเตอร์ประเทศไทยได้กลายเป็นบริษัทรถยนต์ที่น่าจับตามากที่สุดในช่วงสถานการณ์ที่วิกฤตเช่นนี้

โตโยต้า อาจจะล้ม

หรืออาจจะรุกเข้าครอบงำตลาดอย่างเบ็ดเสร็จ

สถานการณ์ตรงนี้เป็นช่วงที่สำคัญที่สุด

   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us