Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page


ตีพิมพ์ใน นิตยสารผู้จัดการ
ฉบับ กันยายน 2540








 
นิตยสารผู้จัดการ กันยายน 2540
"เปิดขุมทรัพย์ธุรกิจฟุตบอลอังกฤษแมนยูฯ กับกองเงิน 20,000 ล้านบาท"             
โดย รัศมี หาญวจนวงศ์
 

 
Charts & Figures

ผลการดำเนินงานของบริษัทแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด (มหาชน)


   
www resources

โฮมเพจ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด

   
search resources

Manchester United
Commercial and business
Investment
Sports




ในทศวรรษนี้ ช่องทางการสร้างเงินของสโมสรฟุตบอลอังกฤษได้ถูกพัฒนาขึ้นด้วยทักษะทางการตลาดและการเงินที่ซับซ้อนกว่าเดิม ไม่ว่าจะเป็นการนำบริษัทที่เป็นเจ้าของสโมสรเข้าสู่ตลาดหุ้น การแตกธุรกิจออกไปสู่อุตสาหกรรมบริการ การถ่ายทอดการแข่งขันในระบบ Pay Per View หรือกระทั่งการทำสถานีโทรทัศน์กีฬาของตนเอง

เสียงเพลงเชียร์กระหึ่มก้องสนามฟุตบอล ราวกับฉากสัประยุทธ์เลือดนองในสนามโคลีเซียมยุคอาณาจักรโรมัน กวาดสายตาไปทั่วอัฒจันทร์ เห็นแต่คนแน่นขนัดล้วนอยู่ในเสื้อกีฬาที่ถอดแบบมาจากทีมของนักกีฬาฟุตบอลในสนามบ้างทาใบหน้าด้วยสีประจำสโมสรของตน บ้างกระโดดโลดเต้นแสดงอารมณ์อันฮึกเหิมอย่างเต็มที่

ยามเมื่อมีการทำประตูสักครั้ง อัฒจันทร์ประหนึ่งจะถล่มทลาย กล้องโทรทัศน์นับสิบตัวจะตัดภาพไปมาระหว่างอารมณ์ดีใจสุดขีดในสนามและบนอัฒจันทร์ กล้องเหล่านั้นกำลังถ่ายทอดสดทุกรายละเอียดสู่งกองเชียร์ทั้งในประเทศ และสู่ประเทศต่าง ๆ ทั่วโลก แต่ละวินาทีของการแข่งขันแต่ละ ตร. นิ้วของสนามล้วนนำมาซึ่งเม็ดเงินมหาศาล ที่จะถูกแบ่งสันสู่ฝ่ายต่าง ๆ ในมหกรรมธุรกิจแห่งมหาอาณาจักรฟุตบอล

ช่องทางสร้างรายได้ของสโมสรฟุตบอลอังกฤษเคยทำการอยู่ในระดับเบสิก แค่การเก็บค่าผ่านประตูเข้าชมการแข่งขัน และการขายอาหารเครื่องดื่มในสนามฟุตบอล ตลอดจนการขายอุปกรณ์การเชียร์กับของที่ระลึก

ในทศวรรษนี้ช่องทางการสร้างเงินได้ถูกพัฒนาขึ้นด้วยทักษะทางการตลาดและการเงินที่ซับซ้อนกว่าเดิมไม่ว่าจะเป็น การนำบริษัทที่เป็นเจ้าของสโมสรเข้าสู่ตลาดหุ้น การแตกธุรกิจออกไปสู่อุตสาหกรรมบริการอย่างเช่น การทำภัตตาคาร หรือการทำโรงแรม การนำเทคโนโลยี Interactive TV มาใช้กับการถ่ายทอดการแข่งขัน ในระบบ Pay Per View หรือกระทั่งการทำสถานีโทรทัศน์กีฬาของตนเอง ตลอดจนการพัฒนาการตลาดของสโมสรด้วยยุทธศาสตร์โลกาภิวัฒน์

ความคลั่งไคล้ของแฟนบอลคือปัจจัยความสำเร็จทางการเงินของสโมสร

ปัจจัยเบื้องหลังความสำเร็จด้านการเงินของสโมสรฟุตบอลอังกฤษทั้งหลายย่อมไม่อาจเป็นอื่นใดได้ นอกจากปัจจัยความคลั่งไคล้ที่แฟนมีให้แก่ทีมบอลของสโมสรและดาราของทีม

ความคลั่งไคล้กีฬาฟุตบอลที่ระอุอยู่ในปัจจุบัน เชื่อกันว่ามีจุดหักเหสำคัญเมื่อต้นทศวรรษนี้เอง กล่าวคือ ในภาวะที่ความสนใจในกีฬาฟุตบอลกำลังขยายตัวอย่างมากมายอยู่เป็นทุนเดิมแล้วนั้น ทางบริษัทบริติชสกาย บรอดคาสซิ่ง หรือ บีสกายบี เกิดปิ๊งไอเดียทำเงินจากการซื้อสิทธิ์ผูกขาดการถ่ายทอดสด รายการแข่งขันฟุตบอลอังกฤษทั้งหมดตลอดทั้งฤดูการแข่งขัน ไม่ว่าจะเป็นรายการ พรีเมียร์ลีก เอฟ.เอ.คัพ ลีกคัพ รายการของดิวิชั่นต่าง ๆ ฯลฯ ทั้งนี้เพื่อนำเสนอต่อสมาชิกเคเบิลทีวีของตนที่มีจำนวนร่วม ๆ 4 ล้านราย และเพื่อขายป้อนสถานีโทรทัศน์ทั่วโลก

การถ่ายทอดสดอย่างเป็นล่ำเป็นสันและสม่ำเสมอจึงสถาปนาตัวเองขึ้นเป็นรายการหนึ่งของโทรทัศน์ในครัวเรือนทั่วโลก และได้ตอบสนองความตื่นเต้นเร้าใจแก่ผู้ที่ติดตามการแข่งขันอย่างทวีคูณ มากกระทั่งว่าการติดตามรายการแข่งขันฟุตบอลกลายเป็นอีกหนึ่งแฟชั่นไปแล้วส่งผลให้แวดวงของผู้ที่สนใจกีฬาฟุตบอลขยายตัวรุนแรงอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

ความคลั่งไคล้ดังกล่าวมีอาการประดุจคลื่นที่เปลี่ยนแปลงขึ้นลงได้อย่างอ่อนไหวเป็นที่สุด ขึ้นอยู่กับความทุ่มเทในเกม ความสม่ำเสมอในฝีเท้า และพัฒนาการต่าง ๆ ที่ทีมนักเตะจะอภินันท์แก่สายตาของแฟนและสาวกของตน

เมื่อทีมสามารถโชว์ลีลาทีมเวิร์คแท็กติกรูปแบบใหม่ ๆ พร้อมกับอวดความสามารถเฉพาะตัวของนักเตะไล่ล่าเก็บชัยชนะ สะสมแต้ม หรือวิ่งเบียดเข้ารอบลึก ๆ ของรายการแข่งขันประเภทต่าง ๆ ได้ความตื่นเต้นเร้าใจที่ผู้คนได้รับจากการชมการแข่งขันย่อมจะพุ่งสูง ในขณะเดียวกันความสุขที่แฟนบอลได้สัมผัสบนความรู้สึกเสมือนเป็นชัยชนะของตนเองด้วยนั้น ก็ยิ่งสร้างความผูกพันที่มีต่อทีมบอล ตลอดจนความรักใคร่ชื่นชมที่มีให้แก่ดารานักเตะขวัญใจของตน

แมตช์สดคือแหล่งรายได้สำคัญ :

บัตรผ่านประตู & ลิขสิทธิ์ถ่ายทอดทีวี

รูปธรรมของจิตวิทยามวลชนว่าด้วยความรักและผูกพันต่อทีมบอลปรากฏออกมาเป็นความต้องการชมการแข่งขันแบบสดมากกว่าแบบเทปบันทึกรายการ ถ้าเป็นแฟนบอลที่อยู่ในอังกฤษก็หมายถึงว่าจะต้องเข้าชมการแข่งขันในสนามฟุตบอลให้กระจะตา

กระแสอารมณ์เช่นนี้เองที่ส่งผลให้สโมสรฟุตบอลสามารถขายบัตรผ่านประตูได้อย่างท่วมท้น ยิ่งสำหรับสโมสรขนาดใหญ่ในพรีเมียร์ลีกด้วยแล้ว การขายบัตรผ่านประตูได้หมดเกลี้ยงกลายเป็นปรากฏการณ์ปกติ รายได้จากการขายบัตรผ่านประตูจึงเป็นรายได้อันดับต้น ๆ ของหลายสโมสรทีเดียว

อย่างไรก็ตาม ในทางปฏิบัติแล้ว ตั๋วเข้าชมการแข่งขันมักไม่เพียงพอกับความต้องการของแฟนบอล การถ่ายทอดสดการแข่งขันฟุตบอลแต่ละแมตช์จึงเป็นรายการโทรทัศน์ที่ได้รับความนิยมสูงมาก ราคาค่าลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดที่บีสกายบีต้องจ่ายจึงสูงเป็นสัดส่วนตามไปด้วย

ในรอบต่ออายุลิขสิทธิ์กับพรีเมียร์ลีก เมื่อปลายฤดูการแข่งขัน 1995/96 เงิน 33,500 ล้านบาท คือ มูลค่าที่บีสกายบีตกลงชำระให้แก่พรีเมียร์ลีกสำหรับระยะเวลาของสิทธิ์ เพียง 4 ปี

ทั้งนี้เม็ดเงินที่จะตกสู่ถุงเงินของแต่ละสโมสรฟุตบอล 20 รายในฟรีเมียร์ลีกถูกแบ่งเป็น 3 ส่วน ส่วนแรกคือ 50% นำมาหารแบ่งเฉลี่ยเท่ากันทุกสโมสรส่วนที่สอง 25% จัดสรรไปตามจำนวนครั้งมากน้อยเท่าที่แต่ละทีมได้รับการถ่ายทอดการแข่งขัน ส่วนที่เหลืออีก 25% กันไว้เป็นเงินรางวัล

อลัน ชูการ์ ประธานสโมสรฟุตบอลท็อตแน่ม ฮ็อตสเปอร์ เคยให้ตัวเลขเฉลี่ยผลตอบแทนที่แต่ละสโมสรในพรีเมียร์ลีกได้รับส่วนแบ่งจากค่าถ่ายทอดโทรทัศน์ว่า ตกประมาณ 400 ล้านบาท

ขณะนี้ ช่องทางที่สโมสรฟุตบอลสามารถหารายได้เพิ่มจากโทรทัศน์มีแนวโน้มใหม่ที่สำคัญยิ่ง บีสกายบีกำลังดำเนินงานโครงการทำสถานีโทรทัศน์ Interactive ที่จะถ่ายทอดสัญญาณดาวเทียมในระบบ Pay Per View จำนวน 200 ช่อง ทั้งนี้บีสกายบีกำหนดให้ 60 ช่องเป็นช่องกีฬา ซึ่งจะตอบสนองผู้ชมรายการที่ต้องการดูการแข่งขันของทีมที่ไม่ได้อยู่ในรายการเบสิกได้ด้วยสนนราคาประมาณแมตช์ละ 450 บาท ดังนั้นทางสโมสรก็จะได้รับส่วนแบ่งรายได้ปีละไม่ใช่น้อย

อย่างไรก็ตาม ข้อตกลงลิขสิทธิ์ฉบับปัจจุบันระหว่างบีสกายบีกับพรีเมียร์ลีกบังคับไม่ให้เปิดบริการตัวนี้จนกว่าจะถึงปี 1999 หรืออีก 2 ปีข้างหน้า หลายสโมสรจึงกำลังรอผลการศึกษารายละเอียดต่าง ๆ ตลอดจนเงื่อนไขการแบ่งรายได้ที่เกิดจากการถ่ายทอดในรูปแบบ Pay Per View นี้

นอกจากนั้น บางสโมสรถึงกับคิดอ่านจะทำสถานีโทรทัศน์กีฬาของพวกตัว เพื่อหารายได้จากค่าโฆษณาและหรือจากค่าสมาชิกค่าขายรายการแทนที่จะรอรับเพียงส่วนแบ่งจากลิขสิทธิ์

โฆษณาเพียบ รายเก่าถอนรายใหม่เสียบ

รายได้ค่าสปอนเซอร์ที่เข้ามาโดยตรงสู่สโมสรฟุตบอลเป็นอีกหนึ่งช่องทางที่สำคัญของสโมสรฟุตบอล สินค้าจำนวนมากแห่ตามกันเข้ามาไล่แจกเงินแก่สโมสรฟตบอล เพื่อแลกเปลี่ยนกับสิทธิ์ที่จะได้ปะชื่อปะยี่ห้อสินค้าไว้ข้างสนาม ได้ขึ้นไปอวดตัวหราบนอกเสื้อของนักแตะ ตลอดจนได้ปรากฏอยู่บนสินค้าต่าง ๆ ของสโมสรฟุตบอล

เมื่อปลายฤดูการแข่งขันปี 1996/97 บริษัทสก็อตติช คอร์เรจ เจ้าของยี่ห้อ Coors บนอกเสื้อของนักเตะสโมสรเชลซี ไม่ยอมเพิ่มงบสปอนเซอร์เพื่อต่อสัญญารอบใหม่ตามข้อเรียกร้องของบริษัทเชลซี วิลเลจ (มหาชน) ปรากฏว่ามีบริษัทอื่น 4-5 รายติดต่อเจรจาขอเข้าแทนที่ ดังนั้นเมื่อเปิดฤดูการแข่งขันปีนี้ ยี่ห้อบนอกเสื้อของเด็กสิงโตน้ำเงินครามจึงเปลี่ยนไปเป็น AUTO GLASS เสียแล้ว

ค่ารอยัลตีที่สโมสรฟุตบอลได้รับจากการปะยี่ห้อของสปอนเซอร์บนสินค้าประเภทเสื้อกีฬาที่เหมือนเสื้อที่นักเตะใส่ลงเล่นทั้งเหย้า และเยือนเป็นอีกแหล่งรายได้หนึ่ง ที่สำคัญยิ่ง อาทิ ยี่ห้อ UMBRO บนเสื้อเชียร์ในสังกัดของสโมสรแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด นั้นต้องแลกกับเงิน 4,000 ล้านบาทสำหรับสัญญาอายุ 5 ปี หรือยี่ห้อ Reebox บนเสื้อเชียร์ของสโมสรลิเวอร์พูลมีราคา 2,000 ล้านบาทสำหรับสัญญาอายุ 5 ปี

แฟนบอลมาพร้อมกับการบริโภค สไตล์พักผ่อนหย่อนใจ

พร้อม ๆ กับการดูดเงินโดยตรงจากค่าบัตรผ่านประตูเข้าชมการแข่งขันแต่ละครั้ง สโมสรฟุตบอลยังสามารถสร้างรายได้ จากความต้องการบริโภคสไตล์พักผ่อนหย่อนใจของแฟนบอลได้อีกมาก สินค้าประเภทอาหาร เครื่องดื่ม อุปกรณ์การเชียร์ นิตยสาร หนังสือ วิดีโอ เสื้อผ้าเครื่องแต่งกาย ของใช้ ของที่ระลึก ไปจนถึงสารพันสินค้าที่เป็นตัวแทนความรักความผูกพันที่แฟนบอลมีให้แก่ทีม และดาราในทีม จะขายดีเป็นพิเศษในวันแข่งขัน ที่สโมสรเป็นทีมเหย้า

สินค้าที่ขายดีที่สุดเห็นจะเป็นเสื้อเชียร์ที่เหมือนเสื้อที่นักเตะใส่ลงฟาดแข้ง เมื่อต้นฤดูการแข่งขันปี 1996/97 สโมสรฟุตบอลลิเวอร์พูลทำสถิติขายเสื้อเชียร์ได้ 250,000 ตัวภายในเวลาเพียง 2 สัปดาห์

สำหรับหลายสโมสรที่มีสนามฟุตบอลความจุสูง รายได้จากค่าอาหาร เครื่องดื่ม ในแต่ละปีนั้นสามารถทำตัวเลขสูสีกับตัวเลขรายได้จากโทรทัศน์ทีเดียว ในขณะที่รายได้จากค่าขายสินค้าสามารถทำยอดสูงเป็นอันดับต้น ๆ เกินหน้าบรรดารายได้ทุกประเภทก็มีให้เห็นบ่อย ๆ

สินค้าที่ติดยี่ห้อสโมสรฟุตบอลและ/หรือติดภาพดารานักบอลของสโมสรจะขายได้อย่างเป็นล่ำเป็นสันทีเดียว มีการตั้งร้านค้าขึ้นมาใหญ่โตโดยปกติร้านค้าจะอยู่ในสนามกีฬาเพราะพลังการซื้อในวันแข่งขันจะรุนแรงเป็นพิเศษ กรณีร้าน CHELSEA MEGASTORE ในสนามสแตมฟอร์ดบริดจ์ของสโมสรเชลซี บนพื้นที่ประมาณ 1,000 ตร. เมตรเป็นตัวอย่างความสำเร็จที่เพิ่งเรียกเสียงฮือฮาเมื่อเร็ว ๆ นี้

แต่สโมสรฟุตบอลที่ตั้งร้านค้ากระจายออกทั่วไปก็มี ทั้งในลอนดอนและในเบลฟาสต์ของไอร์แลนด์เหนือกับในดับบลินของสาธารณรัฐไอแลนด์

สโมสรฟุตบอลหัวเซ็งลี้จัดจ้านหลายรายพัฒนาการตลาดของตนด้วยยุทธศาสตร์โลกาภิวัฒน์ มีการกระจายสินค้าและร้านค้าออกไปต่างประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในเขตเอเชียที่ความคลั่งไคล้ในฟุตบอลอังกฤษทวีความรุนแรงอย่างรวดเร็วมากนิตยสารในสังกัดของสโมสรฟุตบอลอังกฤษไปปรากฎเป็นภาษาต่าง ๆ ทั่วโลกเป็นเรื่องปกติ ร้านขายสินค้าของสโมสรฟุตบอลอังกฤษในต่างประเทศผุดขึ้นเป็นว่าเล่น อาทิในไทย เวียดนามและจีน

ความพยายามจะแตกธุรกิจเพิ่มขึ้นจากแวดวงธุรกิจฟุตบอลเป็นอีกช่องทางหนึ่งที่สร้างรายได้ให้แก่สโมสรฟุตบอล เพียงแต่ว่าธุรกิจที่แตกเพิ่มขึ้นนั้นยังต้องอิงอยู่กับความป็อบปูลาร์ของทีมบอล เท่าที่ผ่านมาธุรกิจร้านอาหารกับธุรกิจโรงแรมแสดงแนวโน้มดีน่าประทับใจ

ร้านอาหาร Red Cafe ของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด มีแผนงานจะขายเชนให้กว้างขวางทั้งในและนอกประเทศ โรงแรมหรูระดับ 160 ห้องของเชลซีอยู่ในระหว่างก่อสร้างที่บริเวณสนามสแตมฟอร์ด บริดจ์ และมีกำหนดจะเปิดทำการในไม่ช้า

อีกหนึ่งช่องทางสร้างรายได้ของสโมสรฟุตบอลที่น่าจับตาคือ รายได้จากการปั้นดาราขาโจ๋ขายแก่สโมสรอื่น

เท่าที่ผ่านมา การขายดารานักเตะเคยมีส่วนช่วยกอบกู้สถานการณ์การเงินของหลายสโมสรมานักต่อนักแล้ว อาทิ การตัดสินใจของสโมสรแบล็กเบิร์น โรเวอร์ ขาย อลัน เชียเรอร์ ให้แก่สโมสรนิวคาสเซิล ยูไนเต็ดในราคา 750 ล้านบาท ทั้ง ๆ ที่นักเตะรายนี้เพิ่งจะสร้างผลงานนำพาทีมกุหลาบไฟขึ้นสู่ตำแหน่งแชมป์พรีเมียร์ลีก ในฤดูการแข่งขัน 1994/95

อย่างไรก็ตาม การขายดารานักบอลนั้นไม่มีใครอยากนับเป็นแหล่งรายได้นัก เพราะสโมสรฟุตบอลส่วนใหญ่จะต้องมีทั้งการขายและการซื้อนักเตะ บนเป้าหมายการสร้างทีมไล่ล่าชัยชนะและการดึงดูดความสนใจจากแฟนบอล

ดังนั้น ในแต่ละปี บัญชีรายรับรายจ่ายของสโมสรอาจจะลงรายการว่า รายได้จากการซื้อขายนักเตะ หรือค่าใช้จ่ายด้านการซื้อขายนักเตะ ได้ทั้งนั้น


ตลาดหุ้นกลายเป็นเหมืองทองของสโมสรฟุตบอล

สำหรับสโมสรฟุตบอลหลายรายทั้งในพรีเมียร์ลีกและในดิวิชั่นต่าง ๆ แหล่งรายได้ทั้งหลายทั้งปวงข้างต้นในแต่ละปีจะรวมกันเป็นเม็ดเงินมหาศาล ซึ่งถ้าการบริหารต้นทุนทำได้ดี สโมสรจะสามารถทำตัวเลขกำไรได้สูงและต่อเนื่องทุกปี อันจะส่งผลให้สโมสรมีคุณสมบัติเพียงพอที่จะก้าวสู่ตลาดหลักทรัพย์ได้ และเมื่อถึงตอนนั้นโอกาสขุดทองจะมาถึง

สโมสรฟุตบอลหลายต่อหลายรายได้เป็นปรากฏการณ์ที่ราคาค่าตัวของสโมสรโจนทะยานขึ้นดังติดจรวด โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อผลงานการแข่งขันของทีมนักเตะสามารถเรียกร้องความคลั่งไคล้ และเม็ดเงินมหาศาลจากแฟนบอล ราคาหุ้นของบริษัทต้นสังกัดของสโมสรจะไต่ระดับทำนิวไฮเป็นว่าเล่น

ความสำเร็จในตลาดหุ้นของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เป็นตัวอย่างที่ถูกขับขานถึงเสมอ จากราคาประเมินซื้อขายสโมสรแห่งนี้เพียง 50 ล้านบาทเมื่อปี 1989 ก่อนนำบริษัทแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด(มหาชน) เข้าตลาดหลักทรัพย์ลอนดอน วันนี้ราคาของสโมสรคิดจากมูลค่าหุ้นในตลาดอยู่ที่ระดับไม่ต่ำกว่า 20,000 ล้านบาทเข้าไปแล้ว

หลังจากความสำเร็จของบริษัทแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด (มหาชน) เป็นที่ประจักษ์แก่วงการ ได้มีบริษัทผู้ประกอบการธุรกิจฟุตบอลอีกมากมายติดตามเข้าไปเป็นสาย

อาทิ เชลซี เข้าตลาดเมื่อเดือนมีนาคม 1996 (แต่เป็นตลาดหลักทรัพย์ Alternative Investment Market) ซันเดอร์แลนด์ เข้าตลาดไปเมื่อเดือนธันวาคม 1996 นิวคาสเซิล ยูไนเต็ดเข้าตลาดเมื่อเดือนเมษายน 1997 ในขณะที่ แอสตัน วิลลาเป็นสโมสรฟุตบอลรายที่ 16 ที่เข้าตลาดโดยเข้าไปเมื่อเดือนพฤษภาคม 1997

ส่งผลให้ราคาของบรรดาสโมสรฟุตบอล 16 รายในตลาดหลักทรัพย์ขณะนี้รวมกันเป็นเงินประมาณ 75,000 ล้านบาท

ธุรกิจฟุตบอลในอังกฤษจึงเป็นธุรกิจเนื้อหอมซึ่งเป็นที่หมายปองของหลายฝ่าย ความพยายามจะซื้อสโมสรฟุตบอลปรากฏเป็นข่าวไม่ได้ขาด โดยเฉพาะอย่างยิ่ง บรรดาผู้ประกอบการด้านสื่อบันเทิงดูจะมีความสนใจรุนแรงกว่าใคร ซึ่งไม่ใช่เรื่องเหนือความคาดหมาย เมื่อพิจารณาว่ารายการแข่งขันฟุตบอลเป็นซอฟต์แวร์สำคัญ ที่ผู้ประกอบการด้านสื่อบันเทิงควรมีไว้เป็นของตนเองเพื่อลดต้นทุนการนำเสนอสาระและความบันเทิงแก่ท่านผู้ชม

ผู้แพ้และผู้ชนะที่พ่ายแพ้ในธุรกิจฟุตบอลอังกฤษ

แม้ผู้บริโภคกีฬาฟุตบอลในอังกฤษมีปริมาณมหาศาล แต่ไม่ใช่ว่าทุกทีมของทุกสโมสรจะมีเสน่ห์ดึงดูดแฟนบอลได้หมด ยิ่งสโมสรขนาดใหญ่ประสบความสำเร็จสูงเพียงใดสโมสรขนาดเล็กจำนวนไม่ใช่น้อยที่ไม่ฟู่ฟ่าก็ยิ่งจะมีฐานะที่ย่ำแย่ลงเท่านั้น

บริษัท Deloitte&Touche เคยรายงานว่า เมื่อปี 1994/95 สโมสรฟุตบอลอาชีพอังกฤษ 92 รายทำรายได้รวมทั้งสิ้น 23,400 ล้านบาทแต่ในจำนวนนี้เป็นรายได้ของสโมสรในฟรีเมียร์ลีกถึง 16,150 ล้านบาท ส่วนที่เป็นรายได้ของสโมสรในดิวิชั่นต่างๆ 72 รายจึงมีแค่ 7,250 ล้านบาทเท่านั้น

ในระยะหลังมานี้ คณะกรรมการลีกดูจะใส่ใจกับสถานการณ์ผูกขาดทางอ้อมของบรรดาสโมสรใหญ่ ๆ อย่างเช่นกรณีไม่อนุมัติให้แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด ทำการถ่ายทอดสดการแข่งขันในสนามของตนไปให้แฟนบอลซื้อตั๋วเข้าดูในสนามฟุตบอลใกล้เคียง ทั้ง ๆ ที่ทางแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดอธิบายเหตุผลว่าแผนงานนี้เป็นการบรรเทาปัญหาที่สนามโอลด์แทรฟฟอร์ดไม่สามารถรองรับแฟนบอลได้หมด

คณะกรรมการลีกให้เหตุผลว่าเนื่องจากเกรงว่าจะมีผลกระทบกับจำนวนคนที่จะเข้าชมการแข่งขันของสโมสรอื่น ๆ ในพื้นที่ใกล้เคียงกัน

ปัญหาทางการเงินไม่ใช่ว่าจะเกิดขึ้นกับสโมสรขนาดเล็กเท่านั้นแม้แต่สโมสรขนาดใหญ่อย่างลิเวอร์พูลหรืออาร์เซนอล ก็อยู่ในภาวะย่ำแย่เช่นกัน เพียงแต่ไม่ใช่ย่ำแย่ในแง่ของยอดรายได้ แต่เป็นปัญหาที่เกิดจากการทุ่มทุนซื้อนักเตะราคาแพงระยับ อันจะไปกินเกินส่วนกำไรหลายร้อยล้านบาทเสียหมด

ในปี 1995/96 สโมสรลิเวอร์พูลมีรายได้รวมตลอดปีการเงินถึง 1,370 ล้านบาท เพิ่มจากปีก่อนหน้าซึ่งทำได้ 970 ล้านบาท ผลกำไรก่อนหักค่าใช้จ่ายด้านนักเตะสูงถึง 350 ล้านบาท แต่ปรากฏว่าค่าใช้จ่ายซื้อสแตน คอลิเมอร์ กับ เจสัน แมคคาเทียร์ คิดเป็นเงิน 650 ล้านบาท

ในปี 1995/96 เช่นกัน สโมสรอาร์เซนอลมีรายได้ 1,045 ล้านบาท ในขณะที่ผลกำไรก่อนหักค่าใช้จ่ายด้านการซื้อนักเตะสูงถึง 308 ล้านบาท

แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ตัวอย่างความสำเร็จในธุรกิจฟุตบอลอังกฤษ

ในบรรดาสโมสรฟุตบอลอังกฤษ แมนเชลเตอร์ ยูไนเต็ดเป็นกรณีศึกษาที่ร้อนแรงที่สุดรายหนึ่ง ซึ่งได้ชื่อว่ารวยที่สุดและประสบความสำเร็จมากที่สุด ทั้งนี้อาจถึงขั้นว่ารวยที่สุดและประสบความสำเร็จมากที่สุดในโลกด้วย (Manchester Evening News-06/08/97)

สโมสรฟุตบอลแมนเชลเตอร์ยูไนเต็ด ซึ่งอยู่ในสังกัดของบริษัทแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด (มหาชน)จำกัด ไม่ได้เป็นสโมสรฟุตบอลอังกฤษรายแรกที่คิดอ่านพัฒนา Know-how การสร้างกำไรใหม่ ๆ อีกทั้งมิได้เป็นรายแรกที่นำบริษัทเข้าตลาดหุ้น

แต่ ณ วันนี้ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เป็นสโมสรฟุตบอลอังกฤษที่ประสบความสำเร็จในด้านการรังสรรค์พลังทางการเงินของตนมากกว่าสโมสรฟุตบอลอังกฤษรายใด ๆ ด้วยราคาค่าตัวบริษัทในตลาดหุ้นมากกว่า 20,000 ล้านบาท ด้วยมูลค่าสินทรัพย์สุทธิมากกว่า 3,480 ล้านบาท และด้วยความสามารถด้านการทำกำไรในระดับปีละร่วม ๆ 1,000 ล้านบาท

ฤทธิ์เดชการสร้างรายได้ของสโมสรปีศาจแดงแมนเชสเตอร์แห่งมหาอำนาจลูกหนังอังกฤษได้กลายเป็นตำนานความสำเร็จทางธุรกิจสำหรับโลกคอร์ปอเรทไปแล้ว

แฟนคลั่งพารายได้ 6 เดือนทะลุ 2,500 ล้านบาท

ปีการเงินของบริษัท แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด (มหาชน) จะเริ่มจาก 1 สิงหาคมของปีปฏิทินหนึ่ง ไปสิ้นสุด 31 กรกฎาคมของปีปฏิทินถัดมา โดยที่ครึ่งปีการเงินจะตก ณ วันที่ 31 มกราคม

ช่วงเวลาดังกล่าว เมื่อเปรียบเทียบกับฤดูการแข่งขันซึ่งกินเวลา 10 เดือน ระหว่างเดือนสิงหาคมของปีปฏิทินหนึ่ง ถึงเดือนพฤษภาคมของปีปฏิทินถัดมา จะพบว่าผลการประกอบการของแต่ละครึ่งปีการเงินจะรายงานรายได้ตลอดจนค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นในระยะครึ่งฤดูการแข่งขัน

ภาวะรายได้ของสโมสรแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด มีปฏิสัมพันธ์ทางตรงกับดีกรีความคลั่งไคล้ของชาวเร้ดอาร์มี่ อย่างชัดเจนมาก

ในฤดูการแข่งขันปี 1994/95 เป็นปีที่แฟนของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดหวังไว้มากว่าทีมจะสามารถทำสถิติเป็น แชมป์พรีเมียร์ลีกครั้งที่ 3 ติดต่อกัน หลังจากที่ 2 ฤดูการแข่งขันก่อนหน้านั้น ทีมปีศาจแดงได้แผลงฤทธิ์คว้าตำแหน่งแชมป์ 2 สมัยซ้อนมาอย่างงดงาม ความคลั่งไคล้ของแฟน ๆ ได้ช่วยควบขับยอดรายได้ในปีการเงินนั้นพุ่งขึ้นเป็น 3,030 ล้านบาท

อย่างไรก็ตาม ในท้ายที่สุดทีมแมนเชลเตอร์ ยูไนเต็ดทำได้แค่เกือบคว้าที่ว่าในขณะที่ทีมกำลังตามหลังทีมจ่าฝูง แบล็กเบิร์น โรเวอร์ อยู่ 2 คะแนนนั้น ในแมตช์สุดท้าย ทีมแบล็กเบิร์นไม่สามารถเก็บคะแนนเพิ่มได้ แต่ทางทีมปีศาจแดงก็กลับเก็บคะแนนจากแมตช์สุดท้ายได้แค่แต้มเดียว ทำให้ทีมต้องพลาดหวังจากตำแหน่ง แชมป์พรีเมียร์ลีก 3 สมัยซ้อนเพราะขาดคะแนนเพียง 2 คะแนนเท่านั้น

นักวิจารณ์ตลอดจนแฟน ๆ ชาวเรดอาร์มี่ แสดงปฏิกิริยาด้านลบและวิพากษ์ฝีเท้าการเล่นของทีมอย่างรุนแรงในบรรยากาศรักระคนผิดหวัง ดังนั้น จึงไม่ใช่เรื่องประหลาดที่หลังจากความล้มเหลวครั้งนั้นกระแสความต้องการสินค้ายี่ห้อปีศาจแดงจะลดวูบลง

ด้วยเหตุนี้ ในฤดูการแข่งขันถัดมาในปี 1995/96 แม้ความร้อนแรงของทีมปีศาจแดงยังอยู่ในระดับอุณหภูมิโซนร้อน แต่รายได้ของสโมสรต้องลดถอยลงไปมาก

รายงานผลประกอบการสิ้นปีการเงิน 1995/96 เผยยอดรายได้รวมลดไป 12% ทั้งนี้ คำชี้แจงของประธานสโมสรอ้างว่าเป็นผลจากการปิดปรับปรุงอัฒจันทร์ทิศเหนือ แต่รายละเอียดในรายการแจกแจงรายได้ฟ้องว่ารายได้หมวดค่าขายสินค้าหดตัวลง 20%

กระแสความคลั่งไคล้ในทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ประทุราวภูเขาไฟระเบิดอีกครั้งหนึ่ง

ในฤดูการแข่งขันปี 1996/97 ซึ่งเป็นช่วงเวลาหลังจากที่ทีมสามารถคว้าตำแหน่งแชมป์พรีเมียร์ลีกฤดูการแข่งขันปี 1995/96 มาสำเร็จพร้อมกับตั้งเป้าหมายจะเป็นแชมป์พรีเมียร์ลีกต่อเนื่องในฤดูการแข่งขันปี 1996/97 ให้ได้ เพื่อสร้างสถิติแชมป์พรีเมียร์ลีก 4 ครั้งจาก 5 ฤดูการแข่งขันต่อเนื่อง

ผลปรากฎว่า รายงานการประกอบการครึ่งปีการเงิน 1996/97 สิ้นสุด ณ 31 มกราคม 1997 ของบริษัทแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด (มหาชน) ชี้ว่าสโมสรสามารถทำยอดรายได้ 6 เดือน แตะที่ระดับ 2,510 ล้านบาท สูงเกือบเท่ากับยอดรายได้ 2,665 ล้านบาทของปีการเงิน 1995/96 ทั้งปี

รายได้ทางตรงจากแฟนบอลคือ 80%

เนื่องจากสโมสรฟุตบอลแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เป็นสโมสรใหญ่ที่มีแฟนบอลมากมายทั่วโลก เฉพาะในอังกฤษมีตัวเลขบันทึกไว้ที่ 150,000 คน ในขณะที่สนามฟุตบอลของสโมสรมีขนาดใหญ่โตรองรับแฟนบอลได้ถึง 1 ใน 3 ดังนั้น สัดส่วนรายได้เกือบ 80% จึงเป็นรายได้ทางตรงจากแฟนบอล

ตัวอย่างเช่น ค่าขายบัตรผ่านประตูเข้าชมการแข่งขัน ค่าขายบัตรผ่านประตูเข้าชมรายการอื่น ๆ (โดยเฉพาะอย่างยิ่งเข้าชมพิพิธภัณฑ์ประวัติสโมสร) ค่าขายอาหารเครื่องดื่มรวมทั้งรายได้จากร้าน Red Cafe ที่ตั้งอยู่ในสนามโอลด์แทรฟฟอร์ด และค่าขายสินค้ายี่ห้อปีศาจแดง

ส่วนรายได้ที่ไม่ใช่มาจากแฟนบอลโดยตรง เช่น ค่าสปอนเซอร์ ค่ารอยัลตี ค่าโฆษณา และค่าถ่ายทอดโทรทัศน์ เป็นรายได้ส่วนข้างน้อย

ในปีการเงิน 1994/95 รายได้ทางตรงจากแฟนบอลมีสัดส่วนเป็น 76.7% ของรายได้ทั้งหมด (2,234 ล้านบาทจาก 3,030 ล้านบาท) ในขณะที่ปีการเงิน 1995/96 รายได้ทางตรงจากแฟนบอลมีสัดส่วนเป็น 76.8% ของรายได้ทั้งหมด (2,047 ล้านบาท จาก 2,665 ล้านบาท) ส่วนในครึ่งปีการเงิน 1996/97 รายได้ทางตรงจากแฟนบอล มีสัดส่วนเป็น 77.8% ของรายได้ทั้งหมด (1,955 ล้านบาท จาก 2,510 ล้านบาท)


รายได้ค่าขายบัตรผ่านประตูปีละเกือบ 2,000 ล้านบาท

ในบรรดารายได้ทางตรงทั้ง 3 ประเภท รายได้ค่าขายบัตรผ่านประตูเป็นรายได้ประเภทนอนมา และมักทำยอดในอันดับหนึ่งหรือที่สองของตารางรายได้เสมอ

รายการแจกแจงรายได้ช่วงปี 1994-1997 เผยว่ารายได้ค่าบัตรผ่านประตูปี 1994/95 ปี มีสัดส่วนเป็น 32.43% เป็นที่สองรองจากรายได้ค่าขายสินค้าเล็กน้อย พอมาปี 1995/96 สัดส่วนปรับเป็น 35.20% เป็นอันดับที่หนึ่งของตาราง และในครึ่งปี 1996/97 ก็ยังเป็นอันดับหนึ่งของตารางด้วยสัดส่วน 36.05%

ไม่ว่าในฤดูการแข่งขันหนึ่ง ๆ นั้น ดีกรีความคลังไคล้ที่ชาวเร้ดอาร์ที่มีต่อทีมจะเฟื่องจัด หรือซาไปบ้างบัตรผ่านประตูจะขายดีเสมอ (หมายถึงกรณีที่ฝ่าย แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดเป็นทีมเหย้า) ทั้ง ๆ ที่หลายแมตช์จัดขึ้นในค่ำคืนของวันทำงานไม่ใช่บ่ายเย็นของวันหยุด

สถิติผู้เข้าชมการแข่งขันในสนามฟุตบอล แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด ในแต่ละแมตช์ของฤดูการแข่งขัน 1996/97 มีจำนวนไม่ต่ำกว่าแมตช์ละ 54,000 คน จากระดับความจุสนามสูงสุด 55,300 ที่นั่ง นั่นหมายถึงรายได้ค่าขายบัตรผ่านประตูเข้าชมการแข่งขันจะตกแมตช์ละประมาณ 60 ล้านบาท

รายการแจกแจงรายได้เผยให้เห็นว่า ในปี 1994/95 ยอดรายได้หมวดนี้อยู่ที่ระดับ 982 ล้านบาทจากความจุสนาม 44,000 ที่นั่ง พอมาในปี 1996/96 แม้จะมีการปิดปรับปรุงอัฒจันทร์ทิศเหนือ ซึ่งทำให้จำนวนที่นั่งลดลงไป 5% เหลืออยู่ 42,000 ที่นั่งแต่ยอดรายได้หมวดนี้กลับลดลงไปเพียง 4.4% อยู่ที่ระดับ 938 ล้านบาท ครั้งถึงปี 1996/97 ความจุของสนามเพิ่มเป็น 55,300 ที่นั่ง ยอดรายได้ 6 เดือนดีดตัวอย่างแรงขึ้นเป็น 920 ล้านบาท เกือบจะเท่ากับยอดรายได้ 12 เดือนของฤดูการแข่งขันก่อนหน้าทีเดียว ซึ่งทำให้ประมาณได้ว่ายอดรายได้ค่าบัตรผ่านประตูตลอดปี 1996/97 จะไม่หนี 2,000 ล้านบาท

ปัจจัยที่เอื้อให้เป็นได้เช่นนี้เพราะ โดยพื้นฐานแล้วความต้องการเข้าชมการแข่งขันท่วมท้นความจุของสนามเสมอ แต่ยิ่งไปกว่านั้นระบบการขายบัตรได้สร้างความแน่นอนไว้อย่างอักโข กล่าวคือ 72.5% ของบัตรแต่ละแมตช์ตลอดฤดูการแข่งขันฟรีเมียร์ลีก จะถูกปล่อยขายเป็นตั๋วปีไปล่วงหน้า ในขณะที่ 5.5% ต้องแบ่งให้สโมสรทีมเยือน 4% เป็นบัตรแจกบัตรประชาสัมพันธ์ จึงเหลือบัตรเพียง 18% สำหรับขายเป็นการทั่วไป

สินค้ายี่ห้อปีศาจแดงขายในเอเชียกว่า 20%

ทางด้านรายได้จากการขายสินค้ายี่ห้อปีศาจแดงแมนเชสเตอร์ซึ่งแม้จะต้องขึ้นอยู่กับความป็อบปูลาร์ของทีมโดยตรง แต่ก็สามารถทำตัวเลขสูงเสมอ ยุคที่ทีมปีศาจแดงฮ็อทสุดขีดไล่ล่าตำแหน่งแชมป์พรีเมียร์ลีกสมัยที่ 3 ติดต่อกันในฤดูการแข่งขันปี 1994/95 นั้น สินค้ายี่ห้อแมนเชสเตอร์ทำยอดรายได้เป็นอันดับหนึ่งด้วยสัดส่วน 38% ของรายได้ทั้งหมดคิดเป็นเม็ดเงิน 1,174 ล้านบาท

แต่เมื่อความผิดหวังสาดเข้าชะลอความร้อนแรงลงในฤดูการแข่งขันถัดมา รายได้ค่าขายสินค้าลดลงไป 20% เหลือ 933 ล้านบาท แต่ก็ยังสูงเป็นอันดับสองของตารางรายได้คือ 35%

ปีรุ่งขึ้น เดอะดายฮาร์ดแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดสามารถปะทุกระแสความคลั่งไคล้ขึ้นมาในหมู่แฟน ๆ ได้อีก ส่งผลให้ยอดขายสินค้าครึ่งปี 1996/97 กระฉูดขึ้นเป็น 880 ล้านบาทซึ่งเท่ากับ 35% ของรายได้ทั้งหมด ทั้งนี้ทางบริษัทแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด (มหาชน) เคยเผยตัวเลขที่ร้าน MANCHESTER UNITED MEGASTORE ทำได้ในกรณีที่สนามโอลด์แทรฟฟอร์ดเป็นเจ้าบ้านว่าเฉลี่ยต่อแมตช์สูงถึง 2.75 ล้านบาท

สินค้ายี่ห้อแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด ซึ่งประทับโลโกของทีม และ/หรือภาพนักแตะดาวดังของทีม ประกอบด้วยนิตยสาร หนังสือ วิดีโอ ชุดกีฬา เสื้อยืด ผ้าพันคอ ชุดผ้าปูที่นอน โคมไฟหัวเตียง ถ้วยกาแฟ ชุดเครื่องเขียน พวงกุญแจ ของที่ระลึก น้ำอัดลม ขนม ของขบเคี้ยว ซ็อกโกแลต ไปจนถึงเบียร์ วิสกี้และแชมเปญ ซึ่งทั้งหมดนี้มาจากสายการผลิตมากกว่า 800 ไลน์บนมาตรฐานสินค้าระดับมาร์กแอนด์ สเปนเซอร์

ในอดีตสินค้าประเภทเสื้อยืดติดภาพดารานักเตะเป็นสินค้าขายดีที่สุดหากเปรียบเทียบอัตราส่วนกับสินค้าอื่น ๆ จะเท่ากับ 80:20 แต่ในปัจจุบันนี้ สินค้าอื่น ๆ ได้รับความนิยมสูงขึ้นมากจนทำให้อัตราส่วนเปลี่ยนไปเป็น 40:60 แทน

นิตยสารของสโมสรมี 2 หัว คือ Manchester United สำหรับกลุ่มเป้าหมายวัย 15-30 ปีกับ Glory Glory สไตล์อนุชนวัยต่ำกว่า 15 ปี นิตยสารทั้งคู่นี้ได้รับการสำรวจยอดจัดจำหน่ายในอังกฤษว่าสูงถึง 142,000 ฉบับ ส่วนนอกอังกฤษ มีตัวเลขดังนี้ 9,000 ในนอร์เวย์ 20,000 ในไทย 4,000 ในสิงคโปร์ 6,000 ในฮ่องกง 15,000 ในมาเลเซีย และ 25,000 ในอินโดนีเซีย นอกจากนี้ ยังมีกำหนดจะออกฉบับภาษาจีนกวางตุ้งภายในปีนี้ (Media Magazine-13/06/97)

ยุทธศาสตร์โลกาภิวัฒน์ที่บริษัทแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เมอร์แชนไดส์ซิ่ง ใช้เพื่อขายสินค้ายี่ห้อปีศาจแดงนับว่าได้รับความสำเร็จในระดับสูงนอกจากด้านสิ่งพิมพ์แล้ว ทางด้านร้านค้าก็กำลังมาแรง ยิ่งเมื่อทีมนักเตะปีศาจแดงออกทัวร์ในญี่ปุ่น ไทยและฮ่องกงในปีนี้ ความป็อบปูลาร์ของสินค้าของสโมสรก็ยิ่งทวีความร้อนแรงโดยที่บริษัทแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด (มหาชน) ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายด้านการโฆษณาประชาสัมพันธ์เลย

รายได้จากร้านค้าในเอเชียปี 1996/97 เท่าที่ผ่านมาคิดเป็นสัดส่วนถึง 22% ทีเดียว และภายในปีนี้ร้านจำหน่ายสินค้าของปีศาจแดงในจีนจะเปิดเพิ่มอีก 2 แห่งที่ปักกิ่งและเซี่ยงไฮ้จากที่มีอยู่ 1 แห่งในปัจจุบันที่กวางโจวกับจะเปิดในฮ่องกงอีกแห่งหนึ่งด้วย

UMBRO ยึดสัมปทานเสื้อเชียร์ปีศาจแดง

รายได้ที่ไม่ใช่มาจากแฟนบอลโดยตรง เช่นค่าสปอนเซอร์ ค่ารอยัลตี ค่าโฆษณา และค่าถ่ายทอดโทรทัศน์แม้จะเป็นรายได้ส่วนรอง ๆ ของบริษัทแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด (มหาชน) แต่ต้องถือว่ามีความสำคัญทีเดียว โดยเฉพาะอย่างยิ่งรายได้จากโทรทัศน์มีแนวโน้มจะเป็นรายได้หมวดที่สำคัญที่สุดในอนาคตบนเทคโนโลยี Pay Per View

ด้วยความป็อบปูลาร์อันร้อนแรงที่ทีมบอลแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดครอบครองอยู่ยาวนาน สินค้ามากมายจึงแห่มาประมูลพื้นที่ต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับความเป็นแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด โดยคาดว่าจะพาให้สินค้าของตนเข้าตาแฟนบอล จนกระทั่งเข้าสู่หัวใจของผู้คนเหล่านั้นได้ สำหรับพื้นที่สำคัญที่สุดพื้นที่หนึ่ง คือ บนอกเสื้อ ของนักเตะเร้ดอาร์มี่ บริษัทแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด (มหาชน) ให้สัมปทานเป็นของสินค้ายี่ห้อ SHARP และ UMBRO มาเนิ่นนานแล้ว

รายการแจกแจงรายได้ชี้ว่าค่าสปอนเซอร์ ค่ารอยัลตีและค่าโฆษณาที่เข้าบริษัทแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด (มหาชน) ในปี 1994/95 มีมูลค่า 368 ล้านบาท หรือ 12.14% ของรายได้ทั้งหมด ในปีถัดมาลดลงไป 9.5% เหลือเป็นเม็ดเงิน 333 ล้านบาท ด้วยสาเหตุหลักจากการตัดสินใจเลิกใช้เสื้อทีมเยือนสีเทาซึ่งนักเตะระบุว่าทำให้มองเห็นกันไม่ถนัดขณะลงฟาดแข้งส่งผลให้ค่ารอยัลตีเสื้อเชียร์จาก UMBRO ลดลง

อย่างไรก็ตาม ในช่วงครึ่งปี 1996/97 รายได้หมวดนี้เพิ่มขึ้นอย่างมากมายเป็น 260 ล้านบาท หรือ 10.35% ของรายได้ทั้งหมดในช่วงเดียวกัน สาเหตุความเปลี่ยนแปลงเชิงบวกตรงนี้มาจากฝีมือการเจรจาขึ้นค่าตอบแทนที่ UMBRO ต้องจ่ายให้แก่บริษัทแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด (มหาชน) ในคราวต่อสัญญารอบใหม่เมื่อปลายปี 1995/96 ซึ่งส่งผลให้ UMBRO ตกลงจ่ายให้แก่แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด 4,000 ล้านบาทสำหรับสัญญาอายุ 5 ปี


ช่องทางขยายรายได้จากโทรทัศน์สดใส-ผีแดงคิดทำทีวีของตัวเอง

ความเป็นป็อบปูลาร์ของทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด สามารถสร้างผลกระทบที่ชัดเจนมากต่อรายได้ค่าถ่ายทอดโทรทัศน์ เนื่องจากส่วนแบ่งค่าลิขสิทธิ์การถ่ายทอดโทรทัศน์ที่ทางพรีเมียร์ลีกได้รับจากบริษัทบีสกายบีจะมีส่วนหนึ่งผันแปรตามจำนวนครั้งที่การลงเล่นของทีมถูกถ่ายทอดโทรทัศน์

ในปี 1994/95 แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดมีรายได้หมวดนี้ 338 ล้านบาทคิดเป็น 11.5% ของรายได้ทั้งหมด แต่ในปีถัดมากลับลดลงไป 16% เหลือ 285 ล้านบาท ซึ่งทางบริษัทชี้แจงว่าเป็นผลจากการที่ทีมไม่ได้สิทธิ์เข้าแข่งขันในรายการยูโรเปียนคัพบริษัทจึงขาดรายได้จากส่วนแบ่งค่าถ่ายทอดโทรทัศน์ในรายการนี้ไป

ต่อมาในปี 1996/97 รายได้ครึ่งปีของหมวดนี้พุ่งขึ้นสูงมาก ตัวเลขขยับขึ้นเป็น 295 ล้านบาทส่วนหนึ่งเพราะมูลค่ารวมของค่าลิขสิทธิ์จากบริษัทบีสกายบีเพิ่มขึ้น ส่วนแบ่งที่ปีศาจแดงแมนเชสเตอร์จะได้รับตลอดฤดูการแข่งขันนี้มีมูลค่าถึง 340 ล้านบาท

ในอีกทางหนึ่ง จากการที่เด็กปีศาจแดงได้สิทธิ์แข่งขันในรายการยูโรเปียนคัพ (เนื่องจากได้เป็นแชมป์พรีเมียร์ลีกในฤดูการแข่งขันปีก่อนหน้า) ทำให้บริษัทมีรายได้เสริมเข้ามาในหมวดนี้ ทั้งนี้ ตัวเลขค่าตอบแทนทั้งหมดตลอดช่วงที่ทีมลงแข่งขันจนสามารถเข้าถึงรอบ 4 ทีมสุดท้าย จะตกเป็นเงินประมาณ 350 ล้านบาท

ประเด็นที่กำลังได้รับความสนใจของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดคือแนวโน้มค่าตอบแทนที่แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดจะได้รับจากการถ่ายทอดการแข่งขันด้วยเทคโนโลยี Pay Per View สถาบันวิจัยแฮรีสได้ทำสำรวจเมื่อปลายปี 1996 และประมาณการรายได้ที่บริษัทแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด (มหาชน) จะได้รับส่วนแบ่งว่าตกปีละอย่างน้อยราว 15,000 ล้านบาท

ขณะนี้ ยังไม่มีผู้บริหารของฝ่ายใดต้องการแสดงท่าทีต่อเรื่องนี้เพราะรายละเอียดของข้อตกลงเรื่องการถ่ายทอดระบบ Pay Per View ยังมีเวลาพิจารณาได้อีก 2 ปี ตามข้อตกลงซื้อขายลิขสิทธิ์การถ่ายทอดการแข่งขันฟุตบอลระหว่างบีสกายบีกับพรีเมียร์ลีก

ทางด้านของบริษัทแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด (มหาชน) เองไม่ได้นิ่งนอนใจรอข้อเสนอจากบีสกายบี แต่ได้ให้ข่าวหลายครั้งแล้วเกี่ยวกับการดำริจะทำสถานีโทรทัศน์กีฬาที่แยกต่างหากจากเปย์ทีวีของบีสกายบี โดยเผยว่ากำลังคุยกับสโมสรฟุตบอลหลายรายเพื่อร่วมมือกันทำโครงการนี้ หรือไม่เช่นนั้นอาจลงเอยด้วยการทำสถานีโทรทัศน์แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดก็เป็นได้


หุ้นปีศาจแดงแรงฤทธิ์ กระแสเทกโอเวอร์กระหึ่ม

โครงสร้างรายได้ที่สม่ำเสมอ อัตราการทำกำไรในระดับพันล้านบาทต่อปี ตลอดจนแนวโน้มการขยายรายได้อย่างขนานใหญ่จากการถ่ายทอดการแข่งขันระบบ Pay Per View ทำให้บริษัทแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด (มหาชน) แข็งแกร่งมากขึ้นเรื่อย ๆ

สินทรัพย์ของบริษัทเติบโตขึ้นแบบฉุดไม่อยู่ งบดุลงวดครึ่งปีการเงิน 1996/97 ชี้ว่าสินทรัพย์สุทธิหักเจ้าหนี้ระยะสั้นระยะยาว หักหนี้สิน หักรายได้รายรับรอชำระหนี้ทั้งหมดแล้ว อยู่ที่ระดับ 3,480 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดสิ้นปีการเงิน 1995/96 ซึ่งเคยอยู่ที่ระดับ 2,035 ล้านบาท และเพิ่มขึ้นจากงวดสิ้นปีการเงิน 1994/95 ซึ่งเคยอยู่ที่ระดับ 1,600 ล้านบาท

ด้วยเหตุนี้ หุ้นปีศาจแดงจึงเป็นหุ้นเนื้อหอม รายงานการซื้อขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ลอนดอนไตรมาส 2 ของปีปฏิทิน 1997 ชี้ว่าราคาหุ้นของบริษัทวิ่งขึ้นลงอยู่เหนือระดับ 325 บาท ทำให้ราคาค่าตัวของบริษัททรงอยู่ที่ระดับไม่ต่ำกว่า 20,000 ล้านบาท ทั้งๆ ที่เมื่อตอนเข้าตลาดปี 1991 หุ้นปีศาจแดงเคยเสนอขายที่ระดับ 100 บาทและแทบจะไม่ประสบความสำเร็จในการกระจายหุ้นเลย จนกระทั่งราคาหุ้นรูดเหลือ 26 บาทแล้ว

มาถึงชั่วโมงนี้ มาร์ติน เอ็ดเวิร์ด ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร อดีตเจ้าของสโมสรแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดซึ่งเคยเกือบขายสโมสรนี้ให้แก่ ไมเคิล ไนตัน ในราคาแค่ 50 ล้านบาทไปเมื่อปี 1989 จึงสามารถทำเสียงเย็นใส่บรรดาผู้ที่ติดต่อเข้ามาขอซื้อบริษัทปีศาจแดงแห่งนี้ว่า สโมสรผีแดงต้องซื้อขายกันที่ราคา 50,000 ล้านบาทเท่านั้น

เมื่อเดือนพฤษภาคม 1996 สองวันหลังจากที่เด็กปีศาจแดงคว้าตำแหน่งดับเบิ้ลแชมป์แห่งพรีเมียร์ลีกและ เอฟ. เอ. คัพ บริษัท วีซีไอ คอร์ปอเรชั่น ได้ทาบทามขอซื้อสโมสรจอมทำเงินเจ้านี้ในราคา 15,000 ล้านบาท นอกเหนือจากวีซีไอแล้ว บีสกายบีเป็นอีกรายหนึ่งที่เคยทาบทามขอซื้อสโมสรฟุตบอลแห่งนี้

นิก แบตแทรม นักวิเคราะห์หุ้นกลุ่มฟุตบอลแห่งบริษัท โบรกเกอร์ เกร็ก,มิดเดลเทิ่น แอนด์ โค ให้ทัศนะว่า

ความพยายามเทคโอเวอร์สโมสรฟุตบอลเป็นเรื่องที่เข้าใจได้สำหรับบริษัทที่ประกอบการด้านโทรทัศน์ทั้งหลาย เพราะมูลค่าของสถานีโทรทัศน์ย่อมอยู่ที่รายการที่แต่ละสถานีมีมาเสนอแก่ผู้ชม และการแข่งขันฟุตบอลนั้นได้พิสูจน์ตัวเองแล้วว่าเป็นรายการที่ดึงดูดผู้ชมได้มหาศาลเพียงใด ในสถานการณ์ที่จะมีสถานีโทรทัศน์นับร้อยรายกระโดดเข้าสู่ธุรกิจ โทรทัศน์ในเทคโนโลยีดิจิตอล สถานภาพผู้ประกอบการด้านโทรทัศน์ของบีสกายบีย่อมเรียกได้ว่าถูกคุมคามการลงทุนซื้อหุ้นในสโมสรฟุตบอลรายใหญ่จึงเป็นการสร้างอำนาจต่อรอง ให้แก่บีสกายบีบนโต๊ะการเจรจาได้เป็นอย่างดี (Observe-27/07/97)

สถานภาพผู้ถือหุ้นใหญ่ 16.4% ของมาร์ติด เอ็ดเวิร์ด ไม่อาจเรียกว่ามั่นคงนัก เมื่อต้นเดือนกรกฎาคม 1997 นี้ เขาเพิ่งขายหุ้นออกไป 2.33% ที่ราคาประมาณหุ้นละ 340 บาท และทำเงินไปเกือบ 500 ล้านบาท แม้สโมสรแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดจะออกแถลงการณ์ว่า เขาจะไม่ตัดขายหุ้นปีศาจแดงมากไปกว่านี้แล้ว แต่ความหวังที่จะเข้าเทกโอเวอร์ก็ยังระอุอยู่

ผู้สันทัดกรณีชี้ว่าสงครามเทกโอเวอร์แบบศัตรูไม่ใช่จะไม่มีแนวโน้มจะเกิดขึ้น เพียงแต่คงไม่มีใครเลือกวิธีดังกล่าว เพราะผลประกอบการของธุรกิจฟุตบอลเป็นเรื่องอัตวิสัยโดยแท้ ขวัญและกำลังใจของทีมบอลตลอดจนความรักความผูกพันในสปิริตแบบฟุตบอลย่อมเป็นสิ่งที่ไม่มีใครอยากเสี่ยงเข้าไปกระทบ

เครื่องจักรทำเงินแบบสโมสรปีศาจแดงแมนเชสเตอร์ยังทำงานของตนอย่างมุมานะ ผลการล่าชัยชนะของเด็กปีศาจแดงยังเป็นประกันถึงความคลั่งไคล้ที่พลพรรคเร้ดอาร์มี่จะมีให้กับทีม พร้อมกับการสาดเม็ดเงินกระหน่ำเข้าสู่ถุงเงินของแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดอย่างไม่หยุดยั้ง

ความสำเร็จทั้งด้านเกียรติและเงินของสโมสรฟุตบอลแห่งนี้ย่อมเป็นน้ำหล่อเลี้ยงให้แก่ความฝันของสโมสรฟุตบอลอื่น ๆ ไม่เฉพาะบรรดาที่อยู่ในวงการมหาอำนาจลูกหนังอังกฤษเท่านั้น แต่ยังแผ่แสงทองความหวังสู่สโมสรฟุตบอลในวงการมหาอำนาจลูกหนังในต่างภูมิภาคและต่างทวีป ไปจนถึงวงการลูกหนังบริเวณรอบนอกจักรวาลด้วย

ฟุตบอลลูกกลม ๆ อะไรก็เกิดขึ้นได้ แต่ต้องมีพื้นฐานของฝีเท้าการเล่นและฝีมือการบริหาร ไม่ใช่แค่หวังโชคเป็นครั้ง ๆ ไป หรือมองแค่ผลประโยชน์เฉพาะตัวเฉพาะหน้าเป็นคราว ๆ ไป

   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us