Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายวัน15 กุมภาพันธ์ 2549
ทิปโก้กว่าทุ่ม300ล.ซื้อน้ำแร่ออราส่งน้ำผลไม้ขวดเพ็ทรับมือทรอปิคาน่า             
 


   
www resources

โฮมเพจ ทิปโก้

   
search resources

ธรณีพิพัฒน์, บจก.
Marketing
ทิปโก้ เอฟแอนด์บี, บจก.
Drinking Water




"ทิปโก้"ยักษ์ใหญ่วงการน้ำผลไม้ ขยายอาณาเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ ทุ่มเม็ดเงินกว่า 300 ล้านบาท ซื้อแบรนด์น้ำแร่ออราจากบริษัทธรณีพิพัฒน์ เตรียมรีโพซิชั่นนิ่ง-ปรับการสื่อสาร-บรรจุภัณฑ์ ปั้นลงสมรภูมิตลาดน้ำแร่ครึ่งปีหลัง หวังทวงบัลลังก์มิเนเร่ พร้อมทุ่ม 1,000 ล้านบาท ตั้งโรงงานผลิตขวดเพ็ท รับศึกน้ำผลไม้ทรอปิคาน่า ส่วนมิเนเร่ตรึงราคา 7 บาทป้องบัลลังก์ผู้นำตลาด

แหล่งข่าวบริษัท ทิปโก้ เอฟแอนด์บี จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายน้ำผลไม้ตราทิปโก้ เปิดเผยว่า นโยบายของบริษัทต้องการขยายไลน์สินค้าให้ครอบคลุมในกลุ่มเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพมากขึ้น จากปัจจุบันบริษัทมีไลน์สินค้า กลุ่มน้ำผลไม้เป็นหลักแต่เพียงอย่างเดียว ดังนั้นเมื่อเดือนธันวาคมที่ผ่านมา บริษัทจึงได้เจรจาซื้อแบรนด์น้ำแร่"ออรา"จากบริษัท ธรณีพิพัฒน์ จำกัด ซึ่งได้มีการซื้อขายเสร็จสิ้นเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ทั้งนี้การรุกเข้าสู่ตลาดน้ำแร่ของทิปโก้ ส่วนหนึ่งเป็นเพราะมองว่าฐานกลุ่มลูกค้าน้ำผลไม้ทิปโก้ เป็นกลุ่มเป้าหมายเดียวกับน้ำแร่ออรา คือ ผู้ที่ใส่ใจในเรื่องของสุขภาพเป็นหลัก

ในเบื้องต้นคาดว่าจะใช้งบลงทุนมากกว่า 300 ล้านบาทขึ้นไป ปรับปรุงในส่วนของโรงงาน พร้อมกับตำแหน่งทางการตลาดใหม่ เพื่อสื่อสารให้ผู้บริโภคได้รับรู้ถึงความแตกต่างระหว่างน้ำแร่กับน้ำดื่มทั่วไป อีกทั้งยังได้เตรียมปรับบรรจุภัณฑ์ใหม่ เพื่อให้สอดคล้องกับไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภค สำหรับกลุ่มน้ำแร่ออราวางไว้เป็นกลุ่มระดับบีบวกขึ้นไป เนื่องจากน้ำแร่มีราคาที่แพงกว่าน้ำดื่มปกติ เจาะกลุ่มเป้าหมายวัยทำงานที่ใส่ใจในเรื่องของสุขภาพเป็นหลัก

ทั้งนี้การทำตลาดน้ำแร่ออรา จะเริ่มรุกตลาดในช่วงครึ่งปีหลังของปีนี้ ขณะที่ปีหน้านี้บริษัทถึงจะมีความพร้อมในการทำตลาดอย่างจริงจัง ไม่ว่าจะเป็น ด้านทีมการตลาด ระบบการกระจายสินค้าที่บริษัทได้ใช้ดีลแฮล์มเป็นผู้จัดจำหน่าย ซึ่งมั่นใจว่ามีความแข็งแกร่งพอที่จะแข่งขันกับคู่แข่งทั้งตลาดน้ำแร่อย่างมิเนเร่ของค่ายเนสท์เล่ ซึ่งมีดิสทริบิวเตอร์ 50 รายทั่วประเทศ รวมทั้งต่อกรกับตลาดน้ำดื่มรายใหญ่อีก 3 แบรนด์ ไม่ว่าจะเป็น คริสตัลจากค่ายเสริมสุข ไทยน้ำทิพย์จากค่ายโค้ก และน้ำสิงห์จากค่ายบุญรอดฯ

สำหรับออราถือว่าเป็นแบรนด์น้ำแร่ที่ติดตลาดมานาน แต่ที่ผ่านมากลยุทธ์ในการทำตลาดไม่ค่อยดีมากนัก การวางตำแหน่งทางการตลาดไม่ชัดเจน ขาดการสื่อสารเพื่อให้ผู้บริโภคได้รับรู้ถึงความแตกต่างระหว่างน้ำแร่กับน้ำดื่มทั่วไป ส่งผลให้ออราเสียตำแหน่งผู้นำตลาดไปเมื่อปีที่ผ่านมา หลังจากออราปรับราคาขนาด 600 มล.ขึ้นอีก 2 บาท จากเดิมราคา 8 บาท ขณะที่แบรนด์คู่แข่งมิเนเร่ยังคงราคาเดิมคือ 7 บาท จึงขึ้นมาเป็นผู้นำตลาดครองส่วนแบ่ง 50% ออราเป็นอันดับสองของตลาดมีส่วนแบ่ง 27% อันดับสามไอโอ ตามด้วย มองต์เฟลอ ของสหพัฒน์

"เราได้ส่งน้ำแร่ออราไปให้สถาบันน้ำแร่ในฝรั่งเศสตรวจสอบ พบว่าอยู่ในระดับ 50% ติดในอันดับต้นๆของน้ำแร่ของโลก ขณะที่น้ำแร่แบรนด์ดังอยู่ในเซกเมนต์พรีเมียมอยู่ในระดับกว่า 40% ดังนั้นการซื้อแบรนด์น้ำแร่ออรามาทำตลาดในครั้งนี้ บริษัทจึงมีความมั่นใจว่าออราจะกลับขึ้นมาเป็นผู้นำตลาด แทนที่มิเนเร่ได้ในอนาคตโดยไม่ยาก เพราะด้วยคุณภาพและตราสินค้าที่ติดตลาดในฐานะเป็นผู้ผลิตน้ำแร่"

สำหรับแนวโน้มตลาดน้ำแร่มูลค่าไม่ต่ำกว่า 1,000 ล้านบาท ในแต่ละปีมีอัตราการเติบโต 20% นับว่าเป็นอัตราการเติบโตที่สูงเมื่อเทียบกับน้ำดื่มมูลค่า 10,000 ล้านบาทมีอัตราการเติบโต 10% อีกทั้งตลาดน้ำแร่ยังไม่มีผู้เล่นรายใดทำตลาดอย่างจริงจัง ซึ่งผู้ผลิตภายในประเทศมีเพียง 20% อีก 80% นำเข้าจากต่างประเทศ โดยคาดว่าตลาดนี้ในอนาคตจะมีการแข่งขันที่รุนแรงมากขึ้น โอกาสที่ค่ายใหญ่ทั้งสามรายจะลงมาเล่นในตลาดน้ำแร่มีสูง พร้อมกันนี้อนาคตอันใกล้ตลาดน้ำดื่มไทยมีแนวโน้มซอยย่อยเซกเมนต์มากขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มน้ำซูเปอร์ วอเตอร์ ในรูปแบบเติมวิตามินประเภทต่างๆ

แหล่งข่าว กล่าวเพิ่มเติมว่า ในปีที่ผ่านมาบริษัทยังได้ทุ่มงบ 1,000 ล้านบาท ตั้งโรงงานและสั่งซื้อเครื่องจักรผลิตบรรจุภัณฑ์ขวดเพ็ท เพื่อเตรียมเปิดตัวน้ำผลไม้ขวดเพ็ทลงสู่ตลาด จากปัจจุบันน้ำผลไม้ทิปโก้จะมีบรรจุภัณฑ์กล่องอย่างเดียว ทั้งนี้เพื่อรองรับกับแนวโน้มบรรจุภัณฑ์ขวดเพ็ทที่กำลังมาแรง และมีอัตราการเติบโตสูงอย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกันก็เพื่อรองรับคู่แข่งรายใหม่ทรอปิคาน่า ซึ่งมีโอกาสที่จะเปิดตัวน้ำผลไม้บรรจุภัณฑ์ขวดเพ็ทลงสู่ตลาด รวมทั้งมองว่าตลาดชาเขียวในปีนี้ก้าวสู่ขาลง โอกาสที่น้ำผลไม้ขวดเพ็ทจะเข้าไปแทนที่ชาเขียวพร้อมดื่มมีสูง อย่างไรก็ตามขณะนี้กำลังพิจารณาว่าเปิดตัวบรรจุภัณฑ์ขวดเพ็ท ด้วยนำผลไม้กลุ่มใดระหว่าง 100% 40 % หรือกระทั่ง 25%

สำหรับแนวโน้มตลาดน้ำผลไม้100% มูลค่า 3,700 ล้านบาท ในปีนี้มีอัตราการเติบโต 20% โดยปัจจุบันทิปโก้เป็นผู้นำตลาดครองส่วนแบ่ง 50% ที่เหลือเป็นยูนิฟกว่า 20 % มาลีกว่า 20% และส่วนตลาดน้ำผลไม้ 40% มูลค่า 700 ล้านบาท ทิปโก้ คูล มีส่วนแบ่ง 27% เป็นอันดับสองของตลาด ขณะที่ผู้นำเป็นยูนิฟมีส่วนแบ่ง 37%

นายประสพสุข สุทธาภิรมย์ กรรมการบริหารธุรกิจน้ำดื่ม บริษัท เนสท์เล่ (ไทย) จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายน้ำดื่มเนสท์เล่ เพียวไลฟ์ เปิดเผยว่า สำหรับในปีที่ผ่านมาน้ำแร่แบรนด์มิเนเร่ของบริษัทมีอัตราการเติบโตสูง โดยขึ้นมาเป็นผู้นำตลาดแทนที่ออราด้วยการครองส่วนแบ่ง 70% ทั้งนี้ส่วนหนึ่งเป็นเพราะออราได้ปรับราคาขึ้นจาก 8 บาท เป็น 10 บาท ขณะที่มิเนเร่ยังคงราคาเดิม 7 บาท และปีนี้บริษัทก็ยังคงตรึงราคาไว้เท่าเดิม เพื่อรองรับสถานการณ์การแข่งขันที่มีความรุนแรงมากขึ้น   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us