Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายวัน15 กุมภาพันธ์ 2549
CCPไม่เข็ดเพิ่มพอร์ตงานภาครัฐรับกทม.เบรก16โครงการกระทบรายได้             
 


   
www resources

โฮมเพจ ผลิตภัณฑ์คอนกรีตชลบุรี

   
search resources

ผลิตภัณฑ์คอนกรีตชลบุรี, บมจ.
ประทีป ทีปกรสุขเกษม
Real Estate
Cement




ผลพ่วงผู้ว่ากทม.เบรก 16 โครงการก่อสร้าง "ซีซีพี" โดนหางเลข 3 โครงการ ยอมรับกระทบรายได้บริษัทบ้าง เหตุต้องส่งปูนซิเมนต์ให้ 2-3 โครงการ พร้อมเร่งหางานใหม่แทน เน้นโครงการใหญ่ของรัฐ 82% และเอกชน ชี้ปีนี้ราคาปูนผสมเสร็จจะปรับเพิ่มอีก 5% ส่วนอิฐมวลเบาจะปรับเพิ่มอีก 2-5 บาทต่อก้อน ส่งผลราคาอิฐมวลเบาแตะ 17 บาท ชี้หากตลาดทาวน์เฮาส์โตราคาอิฐมวลเบาแตะ 20 บาทแน่

นายประทีป ทีปกรสุขเกษม ประธานกรรมการและกรรมการผู้จัดการ บริษัท ผลิตภัณฑ์คอนกรีตชลบุรี จำกัด (มหาชน) หรือซีซีพี ผู้ผลิตคอนกรีตผสมเสร็จและอิฐมวลเบา เปิดเผยถึงกรณีที่กรุงเทพมหานคร(กทม.)ได้ยกเลิกและชะลอโครงการก่อสร้างของกทม.จำนวน 16 โครงการมูลค่า 20,000 กว่าล้านบาท เนื่องจากปัญหาการฮั้วการประมูลในช่วงที่ผ่านมานั้น ยอมรับว่า ส่งผลกระทบกับผลการดำเนินงานของบริษัทในปีนี้บ้าง แต่คงไม่มากนัก เพราะมีโครงการที่ส่งให้แก่ผู้ประมูลจำนวน 3 โครงการ ส่วนมูลค่าเท่าใดนั้นไม่สามารถเปิดเผยได้

"อย่างไรก็ตามบริษัท เชื่อว่าการยกเลิกดังกล่าวจะไม่กระทบต่อยอดขายของบริษัท เพราะจะเร่งขยายในด้านอื่นแทน และจะต้องหางานใหม่ให้มากขึ้น นอกจากนี้ยังมีงานทางภาครัฐหรืองานโครงการอีกจำนวนมาก"

โดยปีนี้บริษัทตั้งเป้ารายได้ไว้ที่ 2,700 ล้านบาท ซึ่งในจำนวนดังกล่าวเป็นงานที่ประมูลไว้เดิม (แบ็คล็อค) มากกว่า 50% ที่เหลือเป็นงานใหม่ โดยจะหางานโครงการให้มากขึ้น ซึ่งขณะนี้บริษัทเตรียมเข้าประมูลงานใหม่ในขณะนี้จำนวน 3-5 โครงการ มูลค่า 500-700 ล้านบาท เช่นโครงการมอเตอร์เวย์ ,โครงการถนนสาย 7 ,โครงการโรงงานของโตโยต้า เป็นต้น สำหรับสัดส่วนการรับงานของบริษัทมาจากงานของภาครัฐ 82% ที่เหลือ 18% เป็นงานภาคเอกชน ขณะที่ในปีที่ผ่านมางานของภาครัฐอยู่ที่ 70% อีก 30% เป็นงานภาคเอกชน

" ที่ผ่านมาบริษัทมียอดรับรู้รายได้ 2,500 ล้านบาท โตจากปี 2547 ประมาณ 25% แต่ในแง่กำไรสุทธิลดลง ทั้งนี้มีอัตราการทำกำไรขั้นต้นอยู่ที่ 11-12% ใกล้เคียงกับปี 2547 เนื่องจากบริษัทต้องใช้เงินลงทุนในโครงการผลิตอิฐมวลเบาไปก่อนจึงจะรับรู้รายได้ ทั้งนี้คาดว่าในปีนี้การทำกำไรน่าจะดีกว่าปี 2548 แน่นอน อย่างไรก็ตามสำหรับโครงการเมกะโปรเจกส์ของรัฐนั้นส่วนตัวผมคิดว่าไม่ควรจะเกิดในปีนี้ เพราะอาจทำให้วัสดุตึงตัวบ้าง แต่ก็คงจะไม่มีปัญหา "

นายประทีปกล่าวว่าสำหรับสถานการณ์อิฐมวลเบานั้นขณะนี้ราคาได้ปรับตัวดีขึ้นหลังจากที่ปีที่ผ่านมามีการดั๊มพ์ราคาลงมาค่อนข้างมาก โดยล่าสุดราคาอยู่ที่ 15 บาทต่อก้อน เนื่องจากราคาปูนผสมเสร็จในปีนี้คาดว่าน่าจะปรับเพิ่มประมาณ 5% เนื่องจากวัตถุดิบเช่นทราย หิน ปรับตัวเพิ่มขึ้น

อย่างไรก็ตามคาดว่าราคาอิฐมวลเบาจะปรับเพิ่มเป็น 17 บาทต่อก้อนในอนาคตอันใกล้ ทั้งนี้หากสถานการณ์ก่อสร้างทาวน์เฮาส์ดีตามคาดหมายนั้น คาดว่าอาจจะเห็นราคาอิฐมวลเบาราคาอยู่ที่ 20 บาทต่อก้อน เพราะที่ผ่านมาตลาดอสังหาริมทรัพย์ โดยเฉพาะทาวน์เฮาส์มีการชะลอตัวลงไปจากเดิมที่คาดว่าจะมีอัตราการเติบโตขึ้นอย่างมาก ซึ่งเชื่อว่าปีนี้ตลาดทาวน์เฮาส์จะมีอัตราการเติบโตขึ้น โดยพิจารณาได้จากการเปิดตัวโครงการของผู้ประกอบการ

ส่วนกำลังการผลิตอิฐมวลเบาโดยรวมทั้งตลาดอยู่ที่ 17 ล้านตารางเมตร โดยบริษัทมีกำลังผลิตอยู่ที่ 2.5 แสนตารางเมตรต่อเดือน แต่ในปัจจุบันใช้กำลังการผลิตเพียง 40% เนื่องจากพึ่งเริ่มเปิดโรงงานผลิตได้เพียง 3 เดือน โดยเชื่อว่าในปรายไตรมาสที่ 2 จะมีกำลังการผลิตเพิ่มขึ้นเป็น 80%

ปัจจุบันอิฐมวลเบาเริ่มได้รับความนิยมมากขึ้นโดยเฉพาะงานภาคเอกชน โดยเฉพาะในต่างจังหวัด จากเดิมที่จะโตในภาคราชการเท่านั้น ซึ่งจังหวัดที่มีการเติบโตคือในภูมิภาคตะวันออกเนื่องจากมีนิคมอุตสาหกรรมค่อนข้างมาก รองลงมาคือภูเก็ต เชียงใหม่ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือบางจังหวัด เช่น ขอนแก่น เป็นต้น

"ขณะนี้ไม่มีผู้ผลิตวัสดุก่อสร้างรายใดบ่นว่าไม่มีงาน แต่ขอให้ภาครัฐ ระบุออกมาว่างานใดจะออกมาว่าโครงการของภาครัฐจะออกมาเมื่อไหร่ ผู้ประกอบการจะได้กำหนดการใช้แรงงาน วัสดุก่อสร้าง ให้ชัดเจน และตรงกับความต้องการใช้" นายประทีป กล่าวย้ำ   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us