|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
"บุษบา ดามาพงศ์" ลาออกจากเอสซี แอสเสทฯตามโผ เพื่อเปิดทาง"ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร"นั่ง ด้าน"สหัส ตันติคุณ" เปรยกำลังปรับเปลี่ยนองค์กรทุกอย่างรู้ผลภายในมี.ค. ยันไม่ซีเรียสใครจะมาคุม
ภายหลังที่กลุ่มผู้ถือหุ้นในชินคอร์ปได้ตัดสินใจขายหุ้นให้แก่กลุ่มเทมาเส็กจากสิงคโปร์ ซึ่งแม้จะดำเนินการไปเรียกร้อยแล้ว โดยตระกูลชินวัตรมีรายได้โดยไม่เสียภาษีถึง 73,000 ล้านบาท ขณะที่ธุรกิจต่างๆของตระกูลชินวัตรที่ปรากฎต่อสาธารณะชน กำลังถูกมองว่าจะมีการปรับเปลี่ยน เพื่อให้สอดรับ
การก้าวไปของอาณาจักรชินวัตร ซึ่งบริษัทอสังหาริมทรัพย์ ภายใต้ชื่อบริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) SC ถูกจับตามองอย่างมากที่จะมีการรื้อโครงสร้างภายในครั้งใหญ่
ล่าสุด นายสหัส ตันติคุณ กรรมการผู้อำนวยการ บริษัทเอสซีฯ เปิดเผยต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยว่า นางบุษบา ดามาพงศ์ ซึ่งดำรงตำแหน่งกรรมการและประธานกรรมการบริหาร และนายพงศ์กิจ สุทธพงศ์ กรรมการและกรรมการบริหารของบริษัทฯ ได้แสดงความประสงค์ยื่นหนังสือลาออกจากตำแหน่งกรรมการและกรรมการบริหารต่อบริษัท โดยให้มีผลการลาออกในวันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2549 ส่วนการแต่งตั้งกรรมการใหม่แทน บริษัทฯได้มอบหมายให้ คณะอนุกรรมการสรรหาและกำหนดค่าตอบแทน เป็นผู้พิจารณาสรรหาบุคคลที่มีความรู้ ความสามารถ เพื่อเสนอให้คณะกรรมการบริษัทพิจารณาแต่งตั้งเป็นกรรมการแทนในการประชุมคราวถัดไป
"เรื่องการลาออกของประธาน ผมก็ได้รับข้อมูล ส่วนจะเป็นเหตุผลอะไรตรงนี้ไม่รู้ ส่วนบุคคลใดจะมานั่งตำแหน่งแทน ก็คงต้องปล่อยให้เป็นหน้าที่ของคณะอนุกรรมการดำเนินการ ซึ่งผมก็ไม่ได้ซีเรียส เพราะฝ่ายจัดการต้องผลักดันองค์กรต่อไป ในฐานะนักบริหารมืออาชีพ ขณะที่องค์กรภายในเอสซีเรากำลังเปลี่ยนแปลง รายละเอียดจะเป็นอย่างไรขอเวลาให้ผมตั้งแต่ เร็วๆนี้คงจะเห็นภาพ "นายสหัส กล่าวกับ"ผู้จัดการรายวัน "
อย่างไรก็ตาม หลังจากเข้ามารับตำแหน่ง ก็ได้ดำเนินการตามแผนงานที่วางไว้ ทั้งการปรับทีมงานภายใน ทำแผนประจำปี 2549 ซึ่งเสร็จเรียบร้อยไปแล้ว ส่วนจะมีการปรับเปลี่ยนแผนหรือไม่ ตรงนี้ยังเดินตามแผนเดิมอยู่
อนึ่ง การลาออกของนางบุษบา ดามาพงศ์ ที่จะมีผลภายใน 22 ก.พ.นี้ ก็เป็นไปตามคาดการณ์ของคนในแวดวงอสังหาริมทรัพย์ ที่ทางตระกูลชินวัตรผู้ถือหุ้นใหญ่จะมีการเปลี่ยนองค์กรครั้งใหม่ โดยส่งนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร น้องสาวคนสุดท้องของตระกูล ที่ได้มีการยื่นหนังสือลาออกจากตำแหน่งกรรมการผู้อำนวยการ บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ เอไอเอส โดยมีผลการลาออกสิ้นเดือนมี.ค.นี้ เพื่อมานั่งบริหารในบริษัทเอสซีฯ โดยหลายฝ่ายวิเคราะห์ว่า เอสซีฯจะกลายเป็นฐานที่มั่นทางธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ของตระกูลชินวัตร แม้ว่าหากพิจารณาในงบการเงินสินทรัพย์รวม ณ สิ้นไตรมาส 3 ปี 2548 จะมีมูลค่าเกือบ 8,000 ล้านบาท แต่คนในวงการไม่เชื่อ เพราะยังมีที่ดินและสินทรัพย์ประเภทอื่นๆอีกจำนวนมากที่ตระ กูลชินวัตรหรือในเครือญาติสะสมไว้รวมแล้วหลายหมื่นล้านบาท ขณะที่มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดของเอสซีได้ขยับขึ้นมาจากสิ้นปี 2548 มีมูลค่า 3,274 ล้านบาท เพิ่มเป็น 5,874.30 ล้านบาท ณ วันที่ 10 ก.พ.2549
"ในช่วงที่มีการขายหุ้นชินคอร์ป ก็เริ่มมีการวางตัวผู้บริหารจากเอไอเอสให้มาทำงานในเอสซี และเมื่อทุกอย่างจบลง ก็เริ่มสเต็ปสองโดยการส่งน้องสาวที่นายกรัฐมนตรีรักมากมานั่งที่เอสซี ขณะที่นางบุษบา ก็ถอยออกมา เพราะเหนื่อยกับงานมามากแล้ว แต่แนวทางที่จะผลักดันให้เอสซีเติบโตและยิ่งใหญ่ตามแผนที่วางไว้ คือการขึ้นท็อปไฟฟ์นั้น เป็นเรื่องที่ไม่ยากเลยสำหรับตระกูลชินวัตร ที่มีทั้งเรื่องฐานอำนาจ ทุนที่เหนือคู่แข่ง มีแลนด์แบงก์กระจายอยู่ในทำเลที่มีศักยภาพอีกหลายแปลง นอกจากนี้ โครงการเมกะโปรเจกต์ของรัฐบาล ที่จะให้มีการลงทุนโครงการอสังหาฯขนาดใหญ่ ก็ต้องจับตามองว่าเอสซีจะเข้ามามีบทบาทต่อมากน้อยแค่ไหน "แหล่งข่าวกล่าว
อย่างไรก็ตาม ทางหนังสือพิมพ์"ผู้จัดการรายวัน"ได้สอบถามนางสาวยิ่งลักษณ์ ถึงการเข้ามาบริหารในบริษัทเอสซีฯ นั้น ได้รับคำตอบจากนางสาวยิ่งลักษณ์ว่า "ขณะนี้อยู่ต่างประเทศไม่สะดวก"
หากพิจารณาถึงผลการดำเนินงานแล้ว บริษัทฯมีกำไรสุทธิสำหรับไตรมาสที่ 3 ปี 48 ลดลงจำนวน 81.63 ล้านบาท คิดเป็น 76.35% และงวด 9 เดือนลดลง 54.38 ล้านบาท หรือ 20.90% สาเหตุมาจากรายได้จากการขายเฉพาะไตรมาส 3 ลดลงจำนวน 178.44 ล้านบาท หรือ 83.38% และ98.56 ล้านบาท หรือ 19.34% ในงวด 9 เดือน เนื่องมาจากผลกระทบจากการปรับอัตราดอกเบี้ย ราคาวัสดุก่อสร้าง และราคาน้ำมัน ขณะที่ รายได้จากค่าเช่าและบริการ สำหรับไตรมาสที่ 3 เพิ่มขึ้นจำนวน 9.80 ล้านบาท หรือคิดเป็น 5.77% และเพิ่มขึ้นในงวด 9 เดือน 49.92 ล้านบาท หรือ 10.29% เนื่องจากมีผู้เช่าพื้นที่อาคารชินวัตร ทาวเวอร์ 3 เพิ่มขึ้นโดยมีอัตราการเช่า 91.67%
|
|
|
|
|