Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายวัน14 กุมภาพันธ์ 2549
“เอคโค่”ขยายฐานวัยรุ่นเงินหนา ไทยขึ้นแท่นผลิตใหญ่สุดในโลก-เป้า3.8พันล.             
 


   
search resources

Leather Goods
เอคโค่ (ประเทศไทย), บจก.




เอคโค่ไทย ผงาดขึ้นแท่นสู่ฐานผลิตรองเท้าเอคโค่ ใหญ่สุดในโลก หลังทุ่มงบ 200 ล้านบาท สร้างโรงงานใหม่ปีที่แล้ว พร้อมเดินเครื่องเต็มที่ปีนี้ ด้วยกำลังผลิตรวม 5 ล้านคู่ต่อปี เปิดแผนรุกปีนี้ เตรียมขยายฐานสู่กลุ่มวัยรุ่นมากขึ้น เน้นซีอาร์เอ็ม เพิ่มช่องทางจำหน่าย ตั้งเป้าหมายรายได้รวมปีนี้ 3,800 ล้านบาท

นายกิตติ ชัยวัฒนาธร กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอคโค่ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายรองท้าเอคโค่ จากประเทศเดนมาร์ก เปิดเผยกับ “ผู้จัดการรายวัน” ว่า ในปี 2549 โรงงานของเอคโค่ประเทศไทยจะเป็นฐานการผลิตรองเท้าเอคโค่ที่ใหญ่ที่สุดในโลก จากฐานผลิตที่มีอยู่ทั้งหมดใน 5 ประเทศประกอบด้วยโปรตุเกส สโลวาเกีย จีน อินโดนีเซียและไทย ซึ่งโรงงานในแต่ละประเทศนั้นจะมีการผลิตรองเท้าทั้งที่เหมือนกันและไม่เหมือนกัน

ทั้งนี้ในปี 2549โรงงานของเอคโค่จะสามารถเดินเครื่องผลิตได้เต็มที่แล้ว หลังจากที่ปีที่แล้วได้ทุ่มงบลงทุนไปกว่า 200 ล้านบาท เพื่อติดตั้งเครื่องจักรใหม่ขยายกำลังการผลิตเพิ่มขึ้นเป็น 5 ล้านคู่ต่อปี จากเดิมที่มีกำลังผลิตประมาณ 4 ล้านคู่ต่อปีเท่านั้น ซึ่งโรงงานแห่งนี้จะใช้เป็นฐานในการป้อนตลาดในประเทศและทำการส่งออกต่างประเทศด้วย โดยเริ่มทดลองเดินเครื่องผลิตเมื่อปลายปีที่แล้วนี้เอง

การที่เอคโค่ไทยเป็นฐานผลิตใหญ่นี้เอง คาดว่าจะส่งผลดีต่อการทำตลาดและผลประกอบการของบริษัทเอคโค่ไทยเอง เนื่องจากจะมีฐานตลาดที่ใหญ่ขึ้น โดยเฉพาะจากตลาดส่งออกซึ่งในช่วง 9 เดือนแรกของปีที่แล้วมียอดขายโตจากต่างประเทศกว่า 12% นั่นเป็นสัญญาณบ่งบอกที่ดีว่าตลาดต่างประเทศจะทำออร์เดอร์เพิ่มขึ้น

อีกทั้งยังสามารถขยายตลาดในไทยเพิ่มขึ้นได้อีกด้วย โดยปัจจุบันคนไทยมีการซื้อรองเท้ายังต่ำมากเมื่อเทียบกับคนในยุโรป โดยชายไทยซื้อรองเท้า 2 คู่ต่อคนต่อปี ส่วนผู้หญิงไทยซื้อรองเท้าประมาณ 4 คู่ต่อคนต่อปี

โดยในปีนี้ตั้งเป้าหมายรายได้รวมไว้ที่ 3,800 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นรายได้จากต่างประเทศ 3,555 ล้านบาท และรายได้จากในประเทศไทย 245 ล้านบาท ซึ่งเป็นการเติบโตจากปีที่แล้วที่มีรายได้รวมทั้งโรงงานประมาณ 3,100 ล้านบาท แบ่งเป็นตลาดส่งออกมากกว่า 2,880 ล้านบาท และเป็นตลาดในประเทศ 220 ล้านบาท โดยมีอัตราการเติบโตโดยรวม 5%จากปีก่อนหน้า

ทั้งนี้ตลาดส่งออกของเอคโค่จากไทย มีฐานตลาดอยู่ใน 32 ประเทศ ทั้งยุโรป อเมริกา เอเชีย รมทั้งในประเทศจีนด้วย ซึ่งเป็นตลาดที่ใหญ่มาก เพราะเป็นตลาดใหม่ มีประชากรมาก โดยจีนทำยอดขายมากที่สุด อย่างไรก็ตามในปีนี้บริษัทฯวางเป้าหมายที่จะขยายตลาดส่งออกเพิ่มเป็น 40 ประเทศ ซึ่งวิธีการทำตลาดต่างประเทศนั้น ทางบริษัทฯไม่ได้ส่งตรงไปยังประเทศเป้าหมาย แต่ใช้วิธีส่งไปที่เซ็นเตอร์กลางของเอคโค่ซึ่งอยู่ในย่านประเทศแถบตะวันออกกลางแล้วส่งต่อไปยังตลาดเป้าหมายอีกทอดหนึ่ง

ขณะที่ตลาดในประเทศนั้น มีแผนที่จะทำการตลาดในเชิงค้าปลีกเต็มที่ เพราะมีกำลังผลิตรองรับแล้ว โดยจะใช้งบตลาด 7% จากยอดรายได้รวมไว้เป็นงบการตลาด ทั้งโฆษณา ประชาสัมพันธ์ กิจกรรมส่งเสริมการขายต่างๆ เพื่อรักษาฐานลูกค้าเก่าที่มีอยู่ในระบบสมาชิกมากกว่า 5,000 ราย ซึ่งเวลานี้รองเท้าแบรนด์เอคโค่ ถือเป็นรองเท้าเกรดพรีเมี่ยมที่มียอดขายดีที่สุดในห้างสรรพสินค้าบางแห่งด้วย

โดยจะมีการออกรองเท้ารุ่นใหม่ตลอดเวลา โดยเน้นที่นวัตกรรมใหม่ๆ คู่แข่งไม่สามารถเลียนแบบได้ รวมไปถึงจะมีการขยายกลุ่มเป้าหมายของตลาดให้กว้างมากขึ้น จากเดิมที่เน้นกลุ่มเป้าหมายอายุ 30 ปีขึ้นไป แต่ปีนี้จะมุ่งเน้นอายุที่อ่อนลงมาคือตั้งแต่อายุ 20-30 ปี ซึ่งปัจจุบันบริษัทฯมีรองเท้าในทุกเซ็กเม้นท์ที่สามารถรองรับตลาดได้

ปีนี้เราจะมีการทำซีอาร์เอ็มมากยิ่งขึ้น เช่น การส่งนิตยสารเฉพาะให้กับสมาชิกที่มีกว่า 5,000 คน จะมีการจัดกิจกรรมมากขึ้น เพื่อสร้างแบรนด์อะแวร์เนสให้มากกว่าที่เป็นอยู่ เพราะว่าตลาดรองเท้าแฟชั่นจากนี้จะแข่งกันรุนแรงมากขึ้นไม่แพ้เสื้อผ้าแฟชั่น

นอกจากนั้นยังมีแผนที่จะเพิ่มช่องทางจำหน่ายอีก จากขณะนี้ที่มีเอาท์เลทอยู่ประมาณ 118 แห่งทั่วประเทศ ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นเอาท์เลทแบบเคาน์เตอร์ของ เอคโค่ เองในห้างสรรพสินค้า เป็นระบบฝากขาย ล่าสุดเพิ่งเปิดเคาน์เตอร์เพิ่มอีก 1 แห่งที่ศูนย์การค้าสยามพารากอนจำนวน 4 เคาน์เตอร์

ส่วนร้านที่เป็นของบริษัทฯเองมีเพียงสาขาเดียวที่เซ็นทรัล บางนา พื้นที่ 200 ตารางเมตร ซึ่งถือเป็นแฟลกชิบสโตร์ของบริษัทฯด้วย มีแผนที่จะเปิดร้านตัวเองเพิ่มแต่ต้องพิจารณาทำเลและสถานที่เป็นพิเศษ นอกนั้นก็มีจำหน่ายในแฟคตอรี่เอาท์เลท   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us