เอคโค่ไทย ผงาดขึ้นแท่นสู่ฐานผลิตรองเท้าเอคโค่ ใหญ่สุดในโลก หลังทุ่มงบ 200 ล้านบาท สร้างโรงงานใหม่ปีที่แล้ว พร้อมเดินเครื่องเต็มที่ปีนี้ ด้วยกำลังผลิตรวม 5 ล้านคู่ต่อปี เปิดแผนรุกปีนี้ เตรียมขยายฐานสู่กลุ่มวัยรุ่นมากขึ้น เน้นซีอาร์เอ็ม เพิ่มช่องทางจำหน่าย ตั้งเป้าหมายรายได้รวมปีนี้ 3,800 ล้านบาท
นายกิตติ ชัยวัฒนาธร กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอคโค่ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายรองท้าเอคโค่ จากประเทศเดนมาร์ก เปิดเผยกับ “ผู้จัดการรายวัน” ว่า ในปี 2549 โรงงานของเอคโค่ประเทศไทยจะเป็นฐานการผลิตรองเท้าเอคโค่ที่ใหญ่ที่สุดในโลก จากฐานผลิตที่มีอยู่ทั้งหมดใน 5 ประเทศประกอบด้วยโปรตุเกส สโลวาเกีย จีน อินโดนีเซียและไทย ซึ่งโรงงานในแต่ละประเทศนั้นจะมีการผลิตรองเท้าทั้งที่เหมือนกันและไม่เหมือนกัน
ทั้งนี้ในปี 2549โรงงานของเอคโค่จะสามารถเดินเครื่องผลิตได้เต็มที่แล้ว หลังจากที่ปีที่แล้วได้ทุ่มงบลงทุนไปกว่า 200 ล้านบาท เพื่อติดตั้งเครื่องจักรใหม่ขยายกำลังการผลิตเพิ่มขึ้นเป็น 5 ล้านคู่ต่อปี จากเดิมที่มีกำลังผลิตประมาณ 4 ล้านคู่ต่อปีเท่านั้น ซึ่งโรงงานแห่งนี้จะใช้เป็นฐานในการป้อนตลาดในประเทศและทำการส่งออกต่างประเทศด้วย โดยเริ่มทดลองเดินเครื่องผลิตเมื่อปลายปีที่แล้วนี้เอง
การที่เอคโค่ไทยเป็นฐานผลิตใหญ่นี้เอง คาดว่าจะส่งผลดีต่อการทำตลาดและผลประกอบการของบริษัทเอคโค่ไทยเอง เนื่องจากจะมีฐานตลาดที่ใหญ่ขึ้น โดยเฉพาะจากตลาดส่งออกซึ่งในช่วง 9 เดือนแรกของปีที่แล้วมียอดขายโตจากต่างประเทศกว่า 12% นั่นเป็นสัญญาณบ่งบอกที่ดีว่าตลาดต่างประเทศจะทำออร์เดอร์เพิ่มขึ้น
อีกทั้งยังสามารถขยายตลาดในไทยเพิ่มขึ้นได้อีกด้วย โดยปัจจุบันคนไทยมีการซื้อรองเท้ายังต่ำมากเมื่อเทียบกับคนในยุโรป โดยชายไทยซื้อรองเท้า 2 คู่ต่อคนต่อปี ส่วนผู้หญิงไทยซื้อรองเท้าประมาณ 4 คู่ต่อคนต่อปี
โดยในปีนี้ตั้งเป้าหมายรายได้รวมไว้ที่ 3,800 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นรายได้จากต่างประเทศ 3,555 ล้านบาท และรายได้จากในประเทศไทย 245 ล้านบาท ซึ่งเป็นการเติบโตจากปีที่แล้วที่มีรายได้รวมทั้งโรงงานประมาณ 3,100 ล้านบาท แบ่งเป็นตลาดส่งออกมากกว่า 2,880 ล้านบาท และเป็นตลาดในประเทศ 220 ล้านบาท โดยมีอัตราการเติบโตโดยรวม 5%จากปีก่อนหน้า
ทั้งนี้ตลาดส่งออกของเอคโค่จากไทย มีฐานตลาดอยู่ใน 32 ประเทศ ทั้งยุโรป อเมริกา เอเชีย รมทั้งในประเทศจีนด้วย ซึ่งเป็นตลาดที่ใหญ่มาก เพราะเป็นตลาดใหม่ มีประชากรมาก โดยจีนทำยอดขายมากที่สุด อย่างไรก็ตามในปีนี้บริษัทฯวางเป้าหมายที่จะขยายตลาดส่งออกเพิ่มเป็น 40 ประเทศ ซึ่งวิธีการทำตลาดต่างประเทศนั้น ทางบริษัทฯไม่ได้ส่งตรงไปยังประเทศเป้าหมาย แต่ใช้วิธีส่งไปที่เซ็นเตอร์กลางของเอคโค่ซึ่งอยู่ในย่านประเทศแถบตะวันออกกลางแล้วส่งต่อไปยังตลาดเป้าหมายอีกทอดหนึ่ง
ขณะที่ตลาดในประเทศนั้น มีแผนที่จะทำการตลาดในเชิงค้าปลีกเต็มที่ เพราะมีกำลังผลิตรองรับแล้ว โดยจะใช้งบตลาด 7% จากยอดรายได้รวมไว้เป็นงบการตลาด ทั้งโฆษณา ประชาสัมพันธ์ กิจกรรมส่งเสริมการขายต่างๆ เพื่อรักษาฐานลูกค้าเก่าที่มีอยู่ในระบบสมาชิกมากกว่า 5,000 ราย ซึ่งเวลานี้รองเท้าแบรนด์เอคโค่ ถือเป็นรองเท้าเกรดพรีเมี่ยมที่มียอดขายดีที่สุดในห้างสรรพสินค้าบางแห่งด้วย
โดยจะมีการออกรองเท้ารุ่นใหม่ตลอดเวลา โดยเน้นที่นวัตกรรมใหม่ๆ คู่แข่งไม่สามารถเลียนแบบได้ รวมไปถึงจะมีการขยายกลุ่มเป้าหมายของตลาดให้กว้างมากขึ้น จากเดิมที่เน้นกลุ่มเป้าหมายอายุ 30 ปีขึ้นไป แต่ปีนี้จะมุ่งเน้นอายุที่อ่อนลงมาคือตั้งแต่อายุ 20-30 ปี ซึ่งปัจจุบันบริษัทฯมีรองเท้าในทุกเซ็กเม้นท์ที่สามารถรองรับตลาดได้
ปีนี้เราจะมีการทำซีอาร์เอ็มมากยิ่งขึ้น เช่น การส่งนิตยสารเฉพาะให้กับสมาชิกที่มีกว่า 5,000 คน จะมีการจัดกิจกรรมมากขึ้น เพื่อสร้างแบรนด์อะแวร์เนสให้มากกว่าที่เป็นอยู่ เพราะว่าตลาดรองเท้าแฟชั่นจากนี้จะแข่งกันรุนแรงมากขึ้นไม่แพ้เสื้อผ้าแฟชั่น
นอกจากนั้นยังมีแผนที่จะเพิ่มช่องทางจำหน่ายอีก จากขณะนี้ที่มีเอาท์เลทอยู่ประมาณ 118 แห่งทั่วประเทศ ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นเอาท์เลทแบบเคาน์เตอร์ของ เอคโค่ เองในห้างสรรพสินค้า เป็นระบบฝากขาย ล่าสุดเพิ่งเปิดเคาน์เตอร์เพิ่มอีก 1 แห่งที่ศูนย์การค้าสยามพารากอนจำนวน 4 เคาน์เตอร์
ส่วนร้านที่เป็นของบริษัทฯเองมีเพียงสาขาเดียวที่เซ็นทรัล บางนา พื้นที่ 200 ตารางเมตร ซึ่งถือเป็นแฟลกชิบสโตร์ของบริษัทฯด้วย มีแผนที่จะเปิดร้านตัวเองเพิ่มแต่ต้องพิจารณาทำเลและสถานที่เป็นพิเศษ นอกนั้นก็มีจำหน่ายในแฟคตอรี่เอาท์เลท
|